ประยุทธ์ชี้ผลเยือนเเดนผู้ดี+เมืองน้ำหอมประเทศเเละคนไทยได้ประโยชน์สูงสุด

30 มิ.ย. 2561 | 04:45 น.
ประยุทธ์ชี้ผลเยือนเเดนผู้ดี+เมืองน้ำหอมประเทศเเละคนไทยได้ประโยชน์สูงสุด

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน" ว่า” สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้เล่าถึงการปฏิบัติภารกิจ ณ สหราชอาณาจักร ของผมและคณะ รวมถึงผลลัพธ์ จากการหารือในหลายๆ เรื่อง และ การพบปะภาคเอกชน ไปแล้ว หลังจากนั้น ผมและคณะก็ได้เดินทางต่อไปยังกรุงปารีส ประเทศสาธารณรัฐฝรั่งเศส โดยได้มีโอกาสพบหารือกับนาย เอมานูว์แอล มา-ครง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐฝรั่งเศส ที่ได้ให้การต้อนรับคณะของเรา อย่างอบอุ่น และสมเกียรติ โดยผมได้เชิญชวนให้ฝรั่งเศสเข้ามาเป็น “หุ้นส่วนการพัฒนา” ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ของไทย และ แผนแม่บทของ ACMECS ที่มีไทยเป็นศูนย์กลาง รวมทั้ง 2 ประเทศ จะเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG) โดยไทยได้น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มาเป็นแนวทางหลักในการดำเนินงาน

นอกจากนี้ ผมก็ขอให้ทางการฝรั่งเศส ช่วยดูแลนักลงทุนไทย นักเรียนไทย นะครับ และช่วยสนับสนุนการรื้อฟื้นการเจรจาความตกลงการค้าเสรี ระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป ให้ได้โดยเร็ว ซึ่งจะช่วยเพิ่มการค้า การลงทุน ของทั้ง 2 ประเทศ ได้อีกด้วย

tusart

ในส่วนของไทยเอง ผมได้แจ้งไปว่าเราพร้อมที่จะสนับสนุนบทบาทของฝรั่งเศส ต่อเสถียรภาพ และความมั่นคง ในภูมิภาค โดยจะร่วมเป็นหุ้นส่วนในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ เพื่อผลักดันให้ "ข้อตกลงปารีส" บรรลุผลสำเร็จ นอกจากนี้ ผมและประธานาธิบดี มา-ครง ก็ได้ร่วมเป็นสักขีพยาน ในการลงนามความตกลงที่จะนำไปสู่การจัดตั้ง ศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา และ สัญญาซื้อขายดาวเทียม THEOS II เพื่อใช้ในการสำรวจทรัพยากร และ การพยากรณ์สภาพลมฟ้าอากาศของไทยนะครับ ซึ่งดวงเก่านั้นหมดอายุการใช้งานแล้วนะครับ แล้วอันนี้เป็นดาวเทียมที่ทันสมัยนะครับ สามารถใช้ในหลายภารกิจด้วยกัน รวมถึงมีการลงนามใน MOU ระหว่างภาครัฐและเอกชน ไทย และ ฝรั่งเศส รวมทั้งหมด 11 ฉบับ ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายจะร่วมกันผลักดันความร่วมมือเหล่านี้ โดยเฉพาะโครงการลงทุนในเขต EEC ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยเร็ว ซึ่งประธานาธิบดีฝรั่งเศส ได้ตอบรับ ที่จะเดินทางมาเยือนไทย ในช่วงที่ไทยจะดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนใน ปี 2562 อีกด้วย

สำหรับการพบปะกับภาคเอกชน ผมได้เข้าร่วม และเปิดงานสัมมนา Thailand Further, I presided over the “Thailand Business Forum” which IBusiness Forum ซึ่งผมได้เน้นถึงความสัมพันธ์ ระหว่าง ไทยและฝรั่งเศส ที่ต่อเนื่อง ยาวนานกว่า 333 ปี นะครับ อีกทั้งเรายังเป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญระหว่างกัน ทั้งในบทบาทของการนำเข้า และ ส่งออกสินค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ผมก็ได้เล่าถึงการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยเฉพาะ EEC ซึ่งก็จะเป็นโอกาสอันดี ที่ต่างชาติจะเข้ามาลงทุน และสร้างฐานการผลิตในประเทศไทยด้วย นอกจากนี้ผมได้มีโอกาสหารือถึงแผนการลงทุนในไทย ให้กับนักลงทุนรายใหญ่ของฝรั่งเศส หลายราย

makonk1

เช่น กลุ่ม Transdev ที่ทำธุรกิจหลักในการบริหาร และระบบขนส่งมวลชน กลุ่ม Michilin ซึ่งเป็นผู้ผลิตยางรายสำคัญของโลก ที่เพิ่งเปิดโรงงานใหม่ที่จังหวัดสงขลา และ จะสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมยางของไทย ให้สอดคล้องกับความต้องการในตลาดโลกนะครับ มีการพัฒนาในประเทศของเรา ใช้ในประเทศของเราให้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ก็ยังมีกลุ่ม Vinci Concession เป็นบริษัทก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ที่สนใจจะลงทุนในประเทศไทย ในอุตสาหกรรมที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ “ประเทศไทย 4.0” และ EEC รวมถึงกลุ่ม SUEZ ที่เชี่ยวชาญด้านการบริหารทรัพยากรน้ำ และ การบำบัดน้ำเสีย ซึ่งมีประสบการณ์ในการพัฒนานวัตกรรม เพื่อการจัดการทรัพยากรน้ำ อย่างยั่งยืน และนำของเสียกลับมาใช้ใหม่ ส่งเสริมการเป็นเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งมีความสนใจที่จะมาลงทุนในประเทศไทย เช่นกัน ผมก็ได้แจ้งบริษัทเหล่านี้ไปว่า รัฐบาลไทยยินดีต้อนรับการลงทุนที่สอดรับกับการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะด้านนวัตกรรม และ ขอให้นักลงทุนมองยาวไปอีก 20 ปีข้างหน้า ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ รวมทั้ง นโยบาย “ไทยแลนด์+1” ที่จะเชื่อมไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค ก็จะทำให้เป็นโอกาสการลงทุนที่ดีอีกด้วย

การไปเยือนต่างประเทศ ในครั้งนี้ ผมมองว่าเราประสบความสำเร็จมากนะครับ ในการที่กระชับความเป็น “หุ้นส่วนยุทธศาสตร์” ทั้งด้านการเมือง ความมั่นคง และเศรษฐกิจ ระหว่างประเทศในยุโรป และประเทศไทย ซึ่งก็จะส่งผลให้เกิดความเจริญ และกินดีอยู่ดีของคนไทย ในวันข้างหน้า อีกทั้งเป็นการสานต่อความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน ที่มีมาอย่างยาวนานอีกด้วย

makonk2

การเดินทางครั้งนี้ ทำให้ผมได้มีโอกาสได้ไปเห็นแนวคิดในการพัฒนาบ้านเมือง ที่เราอาจนำส่วนที่ดีๆ และเหมาะสม มาช่วยสร้าง “จุดแข็ง-จุดขาย” ในบ้านเมืองของเรา โดยเฉพาะในเรื่องการท่องเที่ยวนะครับ ซึ่งเราก็มีโอกาสอยู่มาก ผมได้ไปเห็นการปรับปรุงภูมิทัศน์ของชุมชนชานเมือง ที่เป็นเมืองบ้านเกิดของประธานาธิบดี มา-ครง นะครับ ชื่อเมือง “อาเมียง” ที่ได้พัฒนาคูคลองให้สวยงาม มีการใช้เรือไฟฟ้า เพื่อไม่ให้มีเสียงดังรบกวน และไม่ก่อมลภาวะ ทำให้เหมาะกับการพักผ่อนหย่อนใจ มีการปลูกสวนผัก สวนดอกไม้ และปลูกป่าเพิ่มเติม เพื่อให้เป็นร่มเงา และสร้างกิจกรรมให้กับครอบครัว ในวันหยุดสุดสัปดาห์นะครับ ซึ่งเราสามารถนำมาประยุกต์ใช้ เพื่อเติมเสน่ห์ให้กับการท่องเที่ยวในบ้านเมืองเรา

สิ่งหนึ่งที่ผมสังเกตเห็น ก็คือบรรยากาศ และวิวทิวทัศน์ของบ้านเรานั้น มีความหลากหลาย ทำให้เมื่อถ่ายรูปออกมานะครับ ก็จะให้อารมณ์ที่หลากหลายออกไป ซึ่งก็ต่างจากทิวทัศน์ของแหล่งท่องเที่ยวในประเทศอื่นๆ นะครับ นี่แหละคือจุดเด่นของเราที่สามารถจะนำมาพัฒนา ต่อยอดได้นะครับให้แหล่งท่องเที่ยวของเราที่มีความเป็นเอกลักษณ์ น่าสนใจ สามารถจะสร้างรายได้ให้กับชุมชนนะครับ ที่ไปดูมานั้น ชุมชนเขาบริหารกันเองนะครับ เพื่อจะให้เกิดการพัฒนาประเทศได้ในระยะยาวนะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากผู้มีรายได้น้อยด้วย ซึ่งเป็นเกษตรกร เป็นสวนผัก สวนผลไม้ อะไรก็แล้วแต่ หรือแม้กระทั่งนาข้าวนะครับ ก็ขอให้มีการทำให้สวยงาม ให้สะอาด เท่านั้นเองนะครับ แล้วก็จัดทำเส้นทางที่เหมาะสม

โปรโมทแทรกอีบุ๊ก-6

ทั้งนี้ ผมก็ได้กลับมา แล้วก็สั่งการใน ครม. ไปแล้วนะครับ ให้มีการสำรวจคู คลอง ทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัดนะครับ เพื่อเป็นโครงการนำร่องแล้วนะครับ เราจะได้ร่วมกันพัฒนาบ้านเมืองของเราให้สวยงาม และเจริญก้าวหน้าทัดเทียมกับนานาอารยประเทศที่มีการพัฒนาแล้ว นะครับ เขาไม่เคยลืมประวัติศาสตร์ เขาใช้ประวัติศาสตร์ทั้งสิ้น ของเดิมที่เขามีอยู่แล้ว มาทำให้ดีขึ้น รีโนเวท ใหม่โดยไม่ทิ้งเอกลักษณ์เดิมเขาไว้นะครับ

พี่น้องประชาชนที่รักครับ, ภารกิจ ณ ต่างประเทศดังกล่าวนั้น ก็เป็นส่วนหนึ่งของ “การเชื่อมโยง” ความร่วมมือในทุกมิติ ระหว่างเรา กับมิตรประเทศ ทั่วโลก ซึ่งก็เป็นอีกนโยบายสำคัญ ของรัฐบาลนี้ โดยเฉพาะด้านการค้า การลงทุน การตลาด ในเรื่องของความเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อนะครับ ซึ่งจะมีการถ่ายทอดเทคโนโลยี ที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และปากท้องของพี่น้องประชาชน “โดยอ้อม” สอดคล้องกับสโลแกนของโครงการ EEC ที่ว่า “เชื่อมโลก ให้ไทยแล่น” ที่กำลังได้รับความสนใจจากทั้งนักลงทุนชาวไทยและ ชาวต่างประเทศ อย่างมาก นะครับทุกภูมิภาค เนื่องจากถือว่าเป็น “เครื่องจักรใหม่” ที่สำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ ในอีก 20 ปีข้างหน้า

สิ่งสำคัญที่ผมอยากจะกล่าวถึง ก็คือ การเตรียมความพร้อม และการพัฒนาตนเอง ของทุกคนนะครับ โดยเฉพาะการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งหมายรวมไปถึง “แรงงาน” สำหรับป้อนภาคการผลิตทั้งภาคเกษตรกรรม - อุตสาหกรรม - ท่องเที่ยว และบริการ “

e-book-1-503x62