ไตรมาส 3 หุ้นผันผวนดัชนีร่วง! แต่ปัจจัยภายในประเทศไทยยังดี

30 ก.ค. 2561 | 12:48 น.
stock_arrows เปิดมุมมองเซียนหุ้น ชี้ตลาดหุ้นไทยปัจจัยพื้นฐานยังดี รอข่าวผลประกอบการไตรมาส 2 หนุนหุ้นฟื้น ชี้เป็นโอกาสเลือกหุ้นพื้นฐานดีราคาถูก บล.ทรีนีตี้ฯ ชี้กรณีแย่สุดอาจลงถึง 1540  บล.เอเซีย พลัสฯ มองหุ้นไทยไตรมาส 3 ปีนี้ผันผวนสูงรับผลกระทบสงครามการค้า

[caption id="attachment_301949" align="aligncenter" width="453"] นายณัฐชาต เมฆมาสิน  ผู้ช่วยกรรมการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทรีนีตี้ จำกัด นายณัฐชาต เมฆมาสิน
ผู้ช่วยกรรมการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทรีนีตี้ จำกัด[/caption]

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทรีนีตี้ จำกัด กล่าวกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าเป้าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯปีนี้บริษัทยังยืนที่เป้าหมายเดิมเมื่อต้นปีที่ 1860 จุด ซึ่งอาจผ่านจุดพีกมาแล้วเมื่อไตรมาส 1 ที่ผ่านมา แต่ถามว่าจุดตํ่าสุดควรจะอยู่ระดับไหน จุดที่เหมาะสมกับการเข้ารับ คือ ทยอยสะสมได้แล้วตั้งแต่ 1680 จุด

อย่างไรก็ตาม ดัชนีมีโอกาสลงตํ่ากว่า 1600 จุดได้ คือจากที่ใช้ EPS ปีหน้าคำนวณได้ 1680 จุด แต่ในกรณีแย่สุดดัชนีมีโอกาสลงไปทดสอบ 1540 จุด และถ้าลงมาจุดนี้จริง ควรจะเพิ่มลงทุนได้ 100% เพราะเป็นระดับราคาที่สะท้อนข่าวร้ายไปหมดแล้ว

mp17-3379-a-w นางภรณี ทองเย็น รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)เอเซีย พลัสฯ (ASP) กล่าวว่า ไตรมาส 3 และช่วงครึ่งปีหลัง เรื่องสงครามการค้าโลกจะรุนแรงมากขึ้น กลายเป็นความเสี่ยงที่สำคัญต่อเศรษฐกิจโลก เรื่องดอกเบี้ยก็เช่นกัน สหรัฐฯ ขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาด เงินทุนก็จะยังไหลออก 2 เรื่องนี้จะเป็นประเด็นหลัก ที่กดดันตลาดหุ้นทั่วโลก และไทย

ผลกระทบจากกรณีสงครามการค้าโลก จากการที่สหรัฐฯประกาศจะขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนรวม 2.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ผลจากการขึ้นภาษีรอบแรก 3.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คาดจะกระทบต่อตลาดหุ้นไทยประมาณ 5% แต่หากปรับขึ้น 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯจะมีผลต่อตลาดหุ้น 15-20%

[caption id="attachment_301946" align="aligncenter" width="503"] นางภรณี ทองเย็น  รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)เอเซีย พลัสฯ (ASP) นางภรณี ทองเย็น
รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)เอเซีย พลัสฯ (ASP)[/caption]

ฝ่ายวิจัย APS ปรับลดคาดการณ์เป้าหมายดัชนีปี 2562 มาที่ 1761.52 จุด บนสมมติฐานผลกระทบจากสงครามการค้าโลกที่สหรัฐฯรอบแรก 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จะกระทบผลกำไรบริษัทในตลาด 5% แต่หากการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในรอบ 2 เป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทยจะอยู่ที่ 1668.81 จุด และในสถานการณ์เลวร้ายสุดคือจัดเก็บภาษีในรอบ 3 ด้วยอีก 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จะส่งผลต่อกำไรตลาด 15-20% ดัชนีหุ้นไทย มีโอกาสแตะตํ่า 1576.10 จุด และตํ่าสุดที่ดัชนี 1483.39 จุด

กลยุทธ์การลงทุนแนะนำ กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น เช่น กลุ่มธนาคารพาณิชย์ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่จะได้ประโยชน์จากความคืบหน้าการลงทุนที่มีสัญญาณดีขึ้น ให้หลีกเลี่ยงหุ้นที่อาจกระทบจากสงครามการค้า อย่างไรก็ตาม มองว่าช่วงที่ผ่านมา ตลาดหุ้นตอบรับความกังวลจากประเด็นสงครามการค้าไประดับหนึ่งแล้ว

[caption id="attachment_301947" align="aligncenter" width="503"] นายวัชระ แก้วสว่าง เซียนหุ้นสายเทคนิค นายวัชระ แก้วสว่าง
เซียนหุ้นสายเทคนิค[/caption]

นายวัชระ แก้วสว่าง หรือเสี่ยป๋อง เซียนหุ้นสายเทคนิค กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นขณะนี้ลดพอร์ตลงทุนลงเพื่อรอเข้าซื้อ เพราะปัจจัยภายในประเทศยังดีอยู่ ประเทศไทยมีปัจจัยที่ดี ใน 4-5 ปีข้างหน้าประเทศไทยจะดีมาก มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน มีการพัฒนาโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรืออีอีซี แต่สิ่งเหล่านี้ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ยังไม่ได้เห็นผลงานเป็นรูปธรรม ถ้าก่อสร้างเสร็จการจัดอันดับเรตติ้งของประเทศจะดีขึ้นแน่นอน

สำหรับตลาดหุ้นที่ตกลงมาในช่วงนี้คล้ายๆกับปี 2008 ปัจจัยพื้นฐานของประเทศไทยดี แต่หุ้นตกเพราะนักลงทุนต่างชาติขาย เขาขายเพื่อดึงเงินกลับไปเพราะประเทศเขามีปัญหา การขายหุ้นรอบนี้ก็คล้ายๆ กัน คือ ปัจจัยพื้นฐานของไทยไม่ได้เปลี่ยนแปลง แต่นักลงทุนต่างชาติขายครั้งนี้ไม่ได้ขายเพราะเขาเกิดวิกฤติ แต่ขายเพราะสหรัฐฯปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจึงดึงเงินกลับไปหากำไรจากตรงนั้น พอเงินไหลออกหุ้นก็ตก การตกลงมาช่วงนี้เป็นโอกาสที่ดีในการเข้าซื้อแต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะลงไปตํ่าสุดเมื่อไร

[caption id="attachment_301948" align="aligncenter" width="495"] นายพีรนาถ โชควัฒนา  เซียนหุ้นสาย VI นายพีรนาถ โชควัฒนา
เซียนหุ้นสาย VI[/caption]

นายพีรนาถ โชควัฒนา เซียนหุ้นสาย VI (Value investment) กล่าวว่าตลาดหุ้นที่ตกในช่วงนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าซื้อ เชื่อว่าดัชนีจะไม่ลงไปถึง 1550 กลยุทธ์การลงทุนต้องเลือกหุ้นที่ดีและถือลงทุนระยะยาว ต้องรู้จักธุรกิจที่จะเข้าไปลงทุน ต้องดูว่าเจ้าของกิจการเป็นอย่างไร โดยส่วนตัวตนจะลงทุน 100% โดยตลอด จะเลือกลงทุนบริษัทที่มั่นใจก่อน โดยเลือกดูหุ้นรายตัว หุ้นลงครั้งนี้ตนก็มองว่าเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ซื้อของถูก ต้องหาจังหวะที่เหมาะสมในการเข้าซื้อ

นายทิวา ชินธาดาพงศ์ เซียนหุ้นสาย VI กล่าวว่าปัจจุบันตลาดเล่นได้ยากขึ้น นักลงทุนต้องปรับตัว ภาวะที่หุ้นตกควรจะอยู่นิ่งๆถือเงินสดไว้ก่อนและคอยเลือกหาหุ้นที่ดีๆ และโอกาสในการเข้าซื้อ ซึ่งหุ้นดีๆ หลายตัวราคาลดลงมาค่อนข้างมากแล้ว หลังจากนี้ผลประกอบการไตรมาสที่ 2 จะทยอยออกมา เชื่อว่า
กำไรของบริษัทจดทะเบียนน่าจะเติบโตขึ้น

e-book-1-503x62

..............................................

หน้า 17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3,379 ระหว่างวันที่ 1-4 กรกฎาคม 2561