| INTERVIEW | กางแผน 'ยามาฮ่า' พัฒนานวัตกรรม-ต่อยอดแบรนด์
นับตั้งแต่ 'ชิเงโอะ ฮายาคาวะ' เข้ามารับตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่า มอเตอร์ จำกัด ในปี 2559 จวบจนปัจจุบัน เป็นเวลากว่า 2 ปี 6 เดือนแล้ว ซึ่งทิศทางการบริหารงาน รวมไปถึงแนวคิดของยามาฮ่าจะเป็นอย่างไรในอนาคต วันนี้หัวเรือใหญ่คนนี้จะมาเป็นผู้บอกเล่า
[caption id="attachment_293981" align="aligncenter" width="503"]
ชิเงโอะ ฮายาคาวะ[/caption]
แบรนดิ้งของ 'ยามาฮ่า'
ตราสินค้าของยามาฮ่ามีอายุกว่า 131 ปีแล้ว โดยมีจุดเริ่มต้นจากเครื่องดนตรี ส่วนจักรยานยนต์ดำเนินธุรกิจมาเป็นปีที่ 63 แล้ว ซึ่งทั้ง 2 ธุรกิจ อยู่ภายใต้แบรนด์ยามาฮ่าเหมือนกัน มีแพสชันเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ดี ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เราได้ประมวลทิศทางใหม่ของธุรกิจ จากเดิมที่ตราสินค้าของยามาฮ่าจะถูกมองว่า เป็นเครื่องหมายทางการขายแต่เพียงอย่างเดียว ซึ่งหลังจากมีการปรับใหม่ ก็ก่อเกิดแนวคิดที่มีความกว้างมากขึ้น โดยหลังจากนี้เราจะถ่ายทอดแบรนด์ของเราเป็น "ตราสินค้าเป็นทรัพย์สินที่มีชีวิต"
กลยุทธ์ส่งต่อตราสินค้า
หลังจากแนวคิดได้มีการปรับเปลี่ยนไป ก็มีการมานั่งวางแผนว่า "จะขับเคลื่อนธุรกิจต่อไปอย่างไร?" ซึ่งคำตอบที่ได้ประกอบไปด้วย 1.พันธกิจขององค์กร ที่ยึดมั่นในหลักปรัชญาคันโด ที่หมายถึง การสร้างความสุขให้กับลูกค้าผ่านสินค้าของเรา มีการสร้างสรรค์ผลงานในแบบที่ไม่มีใครเคยสัมผัสมาก่อน , 2.แบรนด์สโลแกน Revs Your Heart ที่เปรียบเสมือนเครื่องยนต์ที่พุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็ว มอบประสบการณ์สมรรถนะที่เร้าใจให้ผู้ขับขี่
และ 3.วิถีอันเป็นเอกลักษณ์ของยามาฮ่า ที่ประกอบไปด้วย การริเริ่ม (Innovation) , ความสนุกสนาน (Excitement) , ความมั่นใจ (Confidence) , ความดึงดูดใจ (Emotion) , ความผูกพัน (Ties)
แนวคิดใหม่กับประเทศไทย
เรามีกิจกรรมเพื่อสร้างแบรนด์ แบ่งออกเป็นภายนอกและภายใน โดยภายนอกจะเน้นพัฒนาเทคโนโลยีต่อเนื่อง ดังจะเห็นจากผลิตรถรุ่นใหม่ รวมไปถึงการมองหาจุดเด่นของไทยยามาฮ่าว่ามีอะไร และทำการพัฒนาต่อยอด ซึ่งตัวอย่างที่เห็นล่าสุด คือ การที่เราผลิตรถกอล์ฟ และมุ่งหาฐานลูกค้า อย่าง รีสอร์ต โรงแรม โรงพยาบาล หรือแม้แต่การผลิตรถบิ๊กไบค์-รถเอทีวี
นอกจากนั้นแล้ว ยังมีการสนับสนุนการแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก โมโตจีพี 2018 ที่จะมีขึ้นในเดือน ต.ค. นี้ ซึ่งมิใช่แค่เพียงในประเทศไทยเท่านั้น เพราะในระดับโลก ยามาฮ่าก็มีการสนับสนุนการแข่งขันดังกล่าวมานานแล้ว
กิจกรรมต่อมา คือ การปรับภาพลักษณ์โชว์รูมและศูนย์บริการใหม่ อาทิ ยามาฮ่าพรีเมียม เซอร์วิส ช็อป ซึ่งจะเป็นศูนย์ต้นแบบในการให้บริการหลังการขายและเป็นศูนย์ฝึกอบรมด้านต่าง ๆ ของยามาฮ่า โดยแห่งแรกจะตั้งอยู่ที่ถนนศรีนครินทร์ คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการในช่วงต้นปีหน้า
ส่วนภายในก็จะมีกิจกรรมหลากหลาย อาทิ ยกระดับสุขภาพให้กับพนักงาน โดยมีการเปิดศูนย์ดูแลสุขภาพไทยยามาฮ่า , มีกิจกรรมกีฬา และในวันที่ 1 ก.ค. 2561 จะมีงานยามาฮ่า เดย์ ที่มีเป้าหมายให้พนักงานได้เรียนรู้-รับทราบถึงอดีต-ปัจจุบัน และอนาคตของแบรนด์ยามาฮ่า ซึ่งกิจกรรมนี้จะทำทั่วโลก โดยเราตั้งเป้าหมายว่า ถ้าคนในองค์กรของเรามีความสุข พวกเขาเหล่านี้ก็จะเป็นตัวแทนในการถ่ายทอดแบรนด์ยามาฮ่า หรือ ถ่ายทอดปรัชญาของเราออกไปสู่ภายนอกได้เป็นอย่างดี
……………….
สัมภาษณ์พิเศษ : ชิเงโอะ ฮายาคาวะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่า มอเตอร์ จำกัด
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,379 วันที่ 1-4 ก.ค. 2561 หน้า 32-33
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
● ยามาฮ่าลุยผลิต"แกรนด์ ฟีลาโน่ ไฮบริด"ขยับราคา4,000บาท
● ตลาด 2 ล้อ พลิกกลยุทธ์! 'ยามาฮ่า' รุกผลิตรถกอล์ฟ ตั้งเป้าขึ้นเบอร์ 1 ปี 65
[caption id="attachment_293981" align="aligncenter" width="503"]
แบรนดิ้งของ 'ยามาฮ่า'
ตราสินค้าของยามาฮ่ามีอายุกว่า 131 ปีแล้ว โดยมีจุดเริ่มต้นจากเครื่องดนตรี ส่วนจักรยานยนต์ดำเนินธุรกิจมาเป็นปีที่ 63 แล้ว ซึ่งทั้ง 2 ธุรกิจ อยู่ภายใต้แบรนด์ยามาฮ่าเหมือนกัน มีแพสชันเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ดี ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เราได้ประมวลทิศทางใหม่ของธุรกิจ จากเดิมที่ตราสินค้าของยามาฮ่าจะถูกมองว่า เป็นเครื่องหมายทางการขายแต่เพียงอย่างเดียว ซึ่งหลังจากมีการปรับใหม่ ก็ก่อเกิดแนวคิดที่มีความกว้างมากขึ้น โดยหลังจากนี้เราจะถ่ายทอดแบรนด์ของเราเป็น "ตราสินค้าเป็นทรัพย์สินที่มีชีวิต"
กลยุทธ์ส่งต่อตราสินค้า
หลังจากแนวคิดได้มีการปรับเปลี่ยนไป ก็มีการมานั่งวางแผนว่า "จะขับเคลื่อนธุรกิจต่อไปอย่างไร?" ซึ่งคำตอบที่ได้ประกอบไปด้วย 1.พันธกิจขององค์กร ที่ยึดมั่นในหลักปรัชญาคันโด ที่หมายถึง การสร้างความสุขให้กับลูกค้าผ่านสินค้าของเรา มีการสร้างสรรค์ผลงานในแบบที่ไม่มีใครเคยสัมผัสมาก่อน , 2.แบรนด์สโลแกน Revs Your Heart ที่เปรียบเสมือนเครื่องยนต์ที่พุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็ว มอบประสบการณ์สมรรถนะที่เร้าใจให้ผู้ขับขี่
และ 3.วิถีอันเป็นเอกลักษณ์ของยามาฮ่า ที่ประกอบไปด้วย การริเริ่ม (Innovation) , ความสนุกสนาน (Excitement) , ความมั่นใจ (Confidence) , ความดึงดูดใจ (Emotion) , ความผูกพัน (Ties)
แนวคิดใหม่กับประเทศไทย
เรามีกิจกรรมเพื่อสร้างแบรนด์ แบ่งออกเป็นภายนอกและภายใน โดยภายนอกจะเน้นพัฒนาเทคโนโลยีต่อเนื่อง ดังจะเห็นจากผลิตรถรุ่นใหม่ รวมไปถึงการมองหาจุดเด่นของไทยยามาฮ่าว่ามีอะไร และทำการพัฒนาต่อยอด ซึ่งตัวอย่างที่เห็นล่าสุด คือ การที่เราผลิตรถกอล์ฟ และมุ่งหาฐานลูกค้า อย่าง รีสอร์ต โรงแรม โรงพยาบาล หรือแม้แต่การผลิตรถบิ๊กไบค์-รถเอทีวี
นอกจากนั้นแล้ว ยังมีการสนับสนุนการแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก โมโตจีพี 2018 ที่จะมีขึ้นในเดือน ต.ค. นี้ ซึ่งมิใช่แค่เพียงในประเทศไทยเท่านั้น เพราะในระดับโลก ยามาฮ่าก็มีการสนับสนุนการแข่งขันดังกล่าวมานานแล้ว
กิจกรรมต่อมา คือ การปรับภาพลักษณ์โชว์รูมและศูนย์บริการใหม่ อาทิ ยามาฮ่าพรีเมียม เซอร์วิส ช็อป ซึ่งจะเป็นศูนย์ต้นแบบในการให้บริการหลังการขายและเป็นศูนย์ฝึกอบรมด้านต่าง ๆ ของยามาฮ่า โดยแห่งแรกจะตั้งอยู่ที่ถนนศรีนครินทร์ คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการในช่วงต้นปีหน้า
ส่วนภายในก็จะมีกิจกรรมหลากหลาย อาทิ ยกระดับสุขภาพให้กับพนักงาน โดยมีการเปิดศูนย์ดูแลสุขภาพไทยยามาฮ่า , มีกิจกรรมกีฬา และในวันที่ 1 ก.ค. 2561 จะมีงานยามาฮ่า เดย์ ที่มีเป้าหมายให้พนักงานได้เรียนรู้-รับทราบถึงอดีต-ปัจจุบัน และอนาคตของแบรนด์ยามาฮ่า ซึ่งกิจกรรมนี้จะทำทั่วโลก โดยเราตั้งเป้าหมายว่า ถ้าคนในองค์กรของเรามีความสุข พวกเขาเหล่านี้ก็จะเป็นตัวแทนในการถ่ายทอดแบรนด์ยามาฮ่า หรือ ถ่ายทอดปรัชญาของเราออกไปสู่ภายนอกได้เป็นอย่างดี
……………….
สัมภาษณ์พิเศษ : ชิเงโอะ ฮายาคาวะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่า มอเตอร์ จำกัด
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,379 วันที่ 1-4 ก.ค. 2561 หน้า 32-33
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
● ยามาฮ่าลุยผลิต"แกรนด์ ฟีลาโน่ ไฮบริด"ขยับราคา4,000บาท
● ตลาด 2 ล้อ พลิกกลยุทธ์! 'ยามาฮ่า' รุกผลิตรถกอล์ฟ ตั้งเป้าขึ้นเบอร์ 1 ปี 65
