ปทุมมาราชินีป่าฝน ชมดอกกระเจียวบานสะพรั่ง ที่ เพ-ลา เพลิน
ทันทีที่ฤดูกาลเปลี่ยนผ่านท้องฟ้าสีน้าเงินสดทาบรับความสว่างของดวงอาทิตย์เริ่มปรากฏกลุ่มเมฆที่ขอบฟ้า สายลมพัดเย็นพาเอากลิ่นฝนอันแสนสดชื่นมาสู่ผู้คนที่กำลังเตรียมผืนดินให้พร้อมต่อการเพาะปลูกอีกครั้ง เมื่อสายฝนกระทบลงพื้นดินความชุ่มชื้นที่แผ่กระจายนอกจากต้นไม้ใบหญ้าจะได้เหยียดกิ่งก้านอาบนํ้าฝนจนชุ่มปอดแล้ว เหล่าดอกไม้ป่าที่ฝังเหง้าอยู่ในชั้นดินก็ค่อยๆ ผลิใบ ชูก้านดอกสูงพ้นแนวหญ้าแต่งเต้มสีสันอันงดงามให้กับธรรมชาติ
เมื่อพูดถึงหน้าฝน เทศกาลชมธรรมชาติขึ้นชื่อที่สุดของแดนอีสานต้องยกให้กับเทศกาลชมดอกกระเจียว ซึ่งในปีนี้ อุทยานดอกไม้เพ ลา เพลินได้จัดงาน “เทศกาลปทุมมาราชินีป่าฝน Queen of rain forest” เพื่อเปิดให้คนไทยได้ชมทุ่งดอกกระเจียวนับหมื่นต้น มากกว่า 10 สายพันธุ์ รวมถึงสายพันธุ์ที่ได้รับการปรับปรุงพิเศษ อาทิดอกกระเจียวสีขาวม็องบลัง สีชมพูมะลิ สีแดงกุหลาบ แดงวิเชียร เชียงใหม่พิงค์ ปากนกแก้ว หงส์เหิน และเขียวช็อกโกแลต
นอกจากทุ่งดอกกระเจียวละลานตาแล้ว ความพิเศษในปีนี้ของ เพ ลา เพลิน คือการแปรรูปดอกกระเจียววิธีการใหม่ เพื่อให้เกิดผลิตภัณฑ์สุดสร้างสรรค์ต่อยอดให้ชาวบ้านในชุมชนได้เพิ่มมูลค่างานทอผ้าจากวัตถุดิบใกล้ตัว รวมถึงเป็นการเพิ่มความรู้ใหม่ๆ ให้ชุมชนซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการต่อยอด “โครงการกระเจียวเพื่อน้องท้องอิ่ม ครั้งที่ 3” ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง อุทยานไม้ดอกเพลาเพลิน และคณะอุตสาหกรรมสิ่งทอ สาขาวิชาออกแบบ สิ่งทอและแฟชั่น มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีกรุงเทพ นำบุคลากรผู้เชี่ยวชาญเรื่องของการปรับปรุงโครงสร้างผ้า และการย้อมผ้าจากสีธรรมชาติและตกแต่งกลิ่นหอมจากดอกกระเจียว มาสอนและให้ความรู้เด็กนักเรียนในโครงการ ทั้งหมด 6 โรงเรียน ตั้งแต่การสอนในเรื่องของการนำวัสดุธรรมชาติมาสกัดสี เช่น แก่นฝาง แก่นเข ใบโพธิ์ ใบมะม่วง ซึ่งสีทั้งหมดที่นำมาย้อมจะให้สีที่คล้ายกับสีธรรมชาติของดอกกระเจียวมากที่สุด ทั้งนี้ยังมีเทคนิคการตกแต่งกลิ่นของดอกกระเจียวลงบนผ้าที่ย้อมสีธรรมชาติโดยวิธี Aroma Ball พร้อมใช้สารช่วยยึดอนุภาพกลิ่นให้คงทน เหมาะกับการใช้กับเส้นใยธรรมชาติ กล่าวได้ว่าโครงการนี้ถือเป็นที่แรกและที่เดียว ที่ชาวไทยและชาวต่างชาติจะมีโอกาสได้กลิ่นของดอกกระเจียวที่ชัดเจน และยังสามารถพกกลิ่นหอมธรรมชาติ อ่อนๆ ของดอกกระเจียวไปได้ในทุกที่ผ่านผ้าทอที่มีสีสันงดงามอีกด้วย
คุณพรทิพย์ อัษฎาธร กรรมการผู้จัดการอุทยานไม้ดอกเพ ลา เพลิน ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า การบริการจัดการพันธุ์ไม้ดอกภายในร่วมกับการรักษาคุณภาพของธรรมชาติกระบวนการที่เพ ลา เพลิน ให้ความสำคัญสูงสุด ซึ่งการจัดแสดงโชว์ดอกไม้ในแต่ละเทศกาลทำให้เพ ลา เพลิน มีส่วนต่างๆ ของดอกไม้จำนวนมาก การดำเนินการภายใต้โครงการนี้ นำไปสู่การคิดค้นใหม่ๆ เปลี่ยนดอกไม้ที่เหี่ยวเฉาให้กลายเป็นนํ้าหมัก เป็นปุ๋ยที่มีคุณภาพ ซึ่งในปีนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่เราสามารถทำให้ดอกกระเจียวเข้าไปต่อยอดผลิตภัณฑ์ของชุมชนได้อย่างแท้จริง
ร่วมสัมผัสทุ่งดอกกระเจียวสุดลูกหูลูกตาได้ใน “เทศกาลปทุมมาราชินีป่าฝน Queen of rain forest” พร้อมกิจกรรมมากมายตั้งแต่ การเลือกซื้อผ้าพื้นถิ่นกลิ่นกระเจียว การสอนการปลูก การนำดอกกระเจียวมาทำอาหาร ที่ทางเชฟรังสรรค์เมนูพิเศษ ในแบบพื้นบ้านสไตล์ฟิวชัน การใช้คุณค่าและสรรพคุณที่เป็นประโยชน์ของดอกกระเจียว มาปรุงแต่งในแบบฉบับเพ ลา เพลิน ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ - สิงหาคม 2561 ณ อุทยานไม้ดอกเพ ลา เพลิน บุรีรัมย์ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ 044-634736-8 หรือเว็บไซต์ www.playlaploen.com
หน้า 28 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3,379 ระหว่างวันที่ 1-4 กรกฎาคม 2561
เมื่อพูดถึงหน้าฝน เทศกาลชมธรรมชาติขึ้นชื่อที่สุดของแดนอีสานต้องยกให้กับเทศกาลชมดอกกระเจียว ซึ่งในปีนี้ อุทยานดอกไม้เพ ลา เพลินได้จัดงาน “เทศกาลปทุมมาราชินีป่าฝน Queen of rain forest” เพื่อเปิดให้คนไทยได้ชมทุ่งดอกกระเจียวนับหมื่นต้น มากกว่า 10 สายพันธุ์ รวมถึงสายพันธุ์ที่ได้รับการปรับปรุงพิเศษ อาทิดอกกระเจียวสีขาวม็องบลัง สีชมพูมะลิ สีแดงกุหลาบ แดงวิเชียร เชียงใหม่พิงค์ ปากนกแก้ว หงส์เหิน และเขียวช็อกโกแลต
นอกจากทุ่งดอกกระเจียวละลานตาแล้ว ความพิเศษในปีนี้ของ เพ ลา เพลิน คือการแปรรูปดอกกระเจียววิธีการใหม่ เพื่อให้เกิดผลิตภัณฑ์สุดสร้างสรรค์ต่อยอดให้ชาวบ้านในชุมชนได้เพิ่มมูลค่างานทอผ้าจากวัตถุดิบใกล้ตัว รวมถึงเป็นการเพิ่มความรู้ใหม่ๆ ให้ชุมชนซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการต่อยอด “โครงการกระเจียวเพื่อน้องท้องอิ่ม ครั้งที่ 3” ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง อุทยานไม้ดอกเพลาเพลิน และคณะอุตสาหกรรมสิ่งทอ สาขาวิชาออกแบบ สิ่งทอและแฟชั่น มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีกรุงเทพ นำบุคลากรผู้เชี่ยวชาญเรื่องของการปรับปรุงโครงสร้างผ้า และการย้อมผ้าจากสีธรรมชาติและตกแต่งกลิ่นหอมจากดอกกระเจียว มาสอนและให้ความรู้เด็กนักเรียนในโครงการ ทั้งหมด 6 โรงเรียน ตั้งแต่การสอนในเรื่องของการนำวัสดุธรรมชาติมาสกัดสี เช่น แก่นฝาง แก่นเข ใบโพธิ์ ใบมะม่วง ซึ่งสีทั้งหมดที่นำมาย้อมจะให้สีที่คล้ายกับสีธรรมชาติของดอกกระเจียวมากที่สุด ทั้งนี้ยังมีเทคนิคการตกแต่งกลิ่นของดอกกระเจียวลงบนผ้าที่ย้อมสีธรรมชาติโดยวิธี Aroma Ball พร้อมใช้สารช่วยยึดอนุภาพกลิ่นให้คงทน เหมาะกับการใช้กับเส้นใยธรรมชาติ กล่าวได้ว่าโครงการนี้ถือเป็นที่แรกและที่เดียว ที่ชาวไทยและชาวต่างชาติจะมีโอกาสได้กลิ่นของดอกกระเจียวที่ชัดเจน และยังสามารถพกกลิ่นหอมธรรมชาติ อ่อนๆ ของดอกกระเจียวไปได้ในทุกที่ผ่านผ้าทอที่มีสีสันงดงามอีกด้วย
คุณพรทิพย์ อัษฎาธร กรรมการผู้จัดการอุทยานไม้ดอกเพ ลา เพลิน ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า การบริการจัดการพันธุ์ไม้ดอกภายในร่วมกับการรักษาคุณภาพของธรรมชาติกระบวนการที่เพ ลา เพลิน ให้ความสำคัญสูงสุด ซึ่งการจัดแสดงโชว์ดอกไม้ในแต่ละเทศกาลทำให้เพ ลา เพลิน มีส่วนต่างๆ ของดอกไม้จำนวนมาก การดำเนินการภายใต้โครงการนี้ นำไปสู่การคิดค้นใหม่ๆ เปลี่ยนดอกไม้ที่เหี่ยวเฉาให้กลายเป็นนํ้าหมัก เป็นปุ๋ยที่มีคุณภาพ ซึ่งในปีนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่เราสามารถทำให้ดอกกระเจียวเข้าไปต่อยอดผลิตภัณฑ์ของชุมชนได้อย่างแท้จริง
ร่วมสัมผัสทุ่งดอกกระเจียวสุดลูกหูลูกตาได้ใน “เทศกาลปทุมมาราชินีป่าฝน Queen of rain forest” พร้อมกิจกรรมมากมายตั้งแต่ การเลือกซื้อผ้าพื้นถิ่นกลิ่นกระเจียว การสอนการปลูก การนำดอกกระเจียวมาทำอาหาร ที่ทางเชฟรังสรรค์เมนูพิเศษ ในแบบพื้นบ้านสไตล์ฟิวชัน การใช้คุณค่าและสรรพคุณที่เป็นประโยชน์ของดอกกระเจียว มาปรุงแต่งในแบบฉบับเพ ลา เพลิน ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ - สิงหาคม 2561 ณ อุทยานไม้ดอกเพ ลา เพลิน บุรีรัมย์ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ 044-634736-8 หรือเว็บไซต์ www.playlaploen.com
หน้า 28 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3,379 ระหว่างวันที่ 1-4 กรกฎาคม 2561
