เปิดแผน 'สหพัฒน์' !! 'เจ้าสัวบุณยสิทธิ์' สั่งลุยบิ๊กดาต้า รายได้โต 2%

09 ก.ค. 2561 | 09:14 น.
090761-1600

เปิดแผน 'สหพัฒน์' เดินหน้าลงทุน ดันรายได้เติบโต 1-2% หลังทรงตัวมาเกือบ 3 ปี เผย แผนเตรียมรับผู้บริโภคยุคใหม่ นำบิ๊กดาต้าช่วยพัฒนาสินค้า หนุนร้านค้าธงฟ้า หวังใช้เป็นฐานกระจายสินค้า พร้อม MOU 4 ธุรกิจใหม่ ทั้งนิตยสารแจกฟรี ร้านค้าแบรนด์เนมมือ 2 ตัวแทนจำหน่ายดาวเฮือง กรุ๊ป และแฟรนไชส์โรงเรียนอินเตอร์ฯ จากอังกฤษ

เครือสหพัฒน์ถือเป็นองค์กรใหญ่ที่ขับเคลื่อนธุรกิจในหลายภาคส่วน ด้วยผลประกอบการกว่า 3 แสนล้านบาท มีสินค้าและบริการที่ครอบคลุมทุกความต้องการของผู้บริโภค พร้อมกับการปรับตัวรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงและทันต่อยุคสมัย ในแต่ละปีเครือสหพัฒน์จึงทุ่มงบก้อนโตกว่า 1 หมื่นล้านบาท ในการลงทุนเพื่อพัฒนาและขยายธุรกิจ ไม่นับรวมการศึกษาวิจัยและพัฒนานวัตกรรม พร้อมเสิร์ฟให้กับผู้บริโภค ตลอดจนพันธมิตร พร้อมนำเสนอผลงานภายในงานสหกรุ๊ปแฟร์ ซึ่งจัดต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 22 พร้อมกับการเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้เลือกซื้อสินค้าในราคาพิเศษ


MP36-3379-1-w

นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ เปิดเผยว่า เครือสหพัฒน์ให้ความสำคัญกับการลงทุนในทุกกลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพและเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค โดยทิศทางการดำเนินธุรกิจของเครือนับจากนี้จะให้ความสำคัญกับการนำ Big Data เทคโนโลยี IoT เข้ามาใช้เพื่อช่วยในการวางแผน การพัฒนา และการนำเสนอให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคและส่งผลต่อการขายในอนาคต ทั้งนี้ นโยบายของบริษัทไม่ได้มุ่งเน้นตัวเลขยอดขาย แต่จะเน้นการทำกำไร เพื่อให้องค์กรอยู่ได้

"ตัวเลขยอดขายที่เพิ่มสูงขึ้นไม่ใช่สิ่งสำคัญ สิ่งสำคัญ คือ ทำแล้วต้องมีกำไร เราไม่ได้คาดหวังกำไรสูง ๆ ขอเพียงทำแล้วธุรกิจต้องอยู่รอด โดยจะมุ่งไปที่สินค้าที่ทำแล้วมีกำไร เช่น อาหารสด สินค้าอุปโภคบริโภคเป็นหลัก ซึ่งปัจจุบัน บริษัทมีตัวเลขกำไรเฉลี่ย 3-4% ถือว่าไม่สูงมากนัก แต่มีทิศทางที่ดี โดยบริษัทคาดหวังที่จะมีกำไร 8% ขึ้นไป"


14

ทั้งนี้ บริษัทไม่มีนโยบายที่จะปรับขึ้นราคาสินค้า แต่จะให้ความสำคัญกับการพัฒนาสินค้า พร้อมนำเทคโนโลยีและระบบต่าง ๆ เข้ามาช่วยลดต้นทุน รวมถึงการทำอี-คอมเมิร์ซ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการบริหารจัดการซัพพลายเชนที่สะดวก ง่าย ทำให้ลดต้นทุนได้จากการไม่มีสต๊อก ทำให้สามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ อย่างไรก็ดี บริษัทหันมาให้ความสำคัญกับการบริโภคในประเทศมากกว่าการส่งออก ดังนั้น การพัฒนาและผลิตสินค้าจึงมุ่งไปที่ผู้บริโภคในประเทศเป็นหลัก

โดยพบว่า ในช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมา บริษัทมีการเติบโต 1-2% เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่มีการเติบโตคงที่ โดยกลุ่มสินค้าที่มีการเติบโตมาก ได้แก่ อาหารสด สินค้าของใช้ในชีวิตประจำวัน อาทิ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ยาสีฟัน ชุดชั้นใน ฯลฯ ขณะที่ กลุ่มสินค้าที่มียอดขายลดลง ได้แก่ กลุ่มสินค้าแฟชั่น อย่างไรก็ดี ทิศทางเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว และคาดว่าจะดีขึ้นในครึ่งปีหลัง ทำให้บริษัทและพันธมิตรจากต่างประเทศยังเชื่อมั่น และพร้อมขยายการลงทุนต่อเนื่อง โดยในปีนี้คาดว่าจะมีการเติบโต 1-2% ซึ่งเป็นการกลับมาเติบโตเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี หลังจากที่ภาวะเศรษฐกิจทำให้ไม่มีการเติบโตเลย


tnail20180706083834

เห็นได้จากในปีนี้ ที่บริษัทมี 3 โครงการ ได้แก่ การลงนามสัญญาความร่วมมือโครงการ Bellmark Activity and Mikke Project ระหว่าง บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) , Hakuhodo เอเยนซีโฆษณาชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น และกลุ่ม The Asahi Shimbun สื่อทรงอิทธิพล 1 ใน 3 ของประเทศญี่ปุ่น เพื่อผลิตนิตยสารมิกเกะ ซึ่งเป็นนิตยสารแจกฟรีราย 2 เดือน ฉบับภาษาไทย ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม และจัดทำโครงการ Bellmark เพื่อสนับสนุนการศึกษาในประเทศไทยด้วยการช่วยเหลือจัดหาอุปกรณ์การเรียนการสอนให้แก่โรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ

การลงนามสัญญาความร่วมมือ MOU for Establish Komehyo Flagship Store in Thailand ระหว่างบริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) และ Komehyo ร้านจำหน่ายสินค้าแบรนด์เนมมือ 2 อันดับ 1 ในญี่ปุ่น เพื่อดำเนินธุรกิจร้านจำหน่ายสินค้าแบรนด์เนมมือ 2 ในประเทศไทย และการเซ็นสัญญาแต่งตั้งผู้แทนจำหน่าย ระหว่างบริษัท ดาวเฮืองกรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิตกาแฟรายใหญ่อันดับ 1 ของ สปป.ลาว และบริษัท เพนส์ มาร์เก็ตติ้ง แอนด์ ดิสทริบิวชั่น จำกัด เพื่อแต่งตั้งเป็นผู้แทนจำหน่ายกาแฟสำเร็จรูปทรีอินวัน กาแฟผงสำเร็จรูป กาแฟลดน้ำหนัก ภายใต้แบรนด์ดาวคอฟฟี่ และผลไม้อบแห้งในประเทศไทย

 

[caption id="attachment_296441" align="aligncenter" width="503"] บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา
ประธานเครือสหพัฒน์[/caption]

นายบุณยสิทธิ์ กล่าวอีกว่า สหพัฒน์ให้ความสำคัญและส่งเสริมให้ภาครัฐสนับสนุนโครงการร้านธงฟ้าประชารัฐ เพราะถือเป็นโครงการที่ดีที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับรากหญ้า ซึ่งระยะยาว ร้านธงฟ้าประชารัฐเหล่านี้จะสามารถเป็นเครือข่ายในการกระจายสินค้าไปยังผู้บริโภคโดยไม่ต้องผ่านตัวแทนอื่น ๆ ได้ นอกจากนี้ สหพัฒน์ยังให้ความสนใจส่งเสริมเรื่องของการศึกษาเป็นหลัก ซึ่งขณะนี้ บริษัทสนใจที่จะเข้าซื้อมหาวิทยาลัยเนชั่น ลำปาง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาและล่าสุด ได้เซ็นสัญญาซื้อมาสเตอร์แฟรนไชส์โรงเรียนระดับประถม-มัธยมชื่อดังจากประเทศอังกฤษ เข้ามาเปิดทำการเรียนการสอนในไทย เพื่อรองรับความต้องการโรงเรียนนานาชาติที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วในเมืองไทย โดยจะตั้งอยู่ในย่านพระราม 3 บนเนื้อที่กว่า 10 ไร่ ใช้เงินลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในเร็ว ๆ นี้ และแล้วเสร็จในอีก 2 ปีข้างหน้า

สำหรับงานสหกรุ๊ปแฟร์ ครั้งที่ 22 @ไบเนค บางนา ซึ่งมีขึ้นระหว่างวันที่ 28 มิ.ย. ถึง 1 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยภายในงานนำสินค้าแบรนด์ดังกว่า 1,000 คูหา มาจำหน่ายในราคาพิเศษ พร้อมบริการและกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ คอนเสิร์ตจาก BNK48 , แฟชั่นโชว์, ประกวด, สัมมนา, รับสมัครงาน, กิจกรรมจากโครงการประชารัฐเครือสหพัฒน์

 

[caption id="attachment_293884" align="aligncenter" width="366"] วิชัย กุลสมภพ วิชัย กุลสมภพ[/caption]

ผนึกพันธมิตรเดินหน้าธุรกิจ
นายวิชัย กุลสมภพ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหพัฒนา อินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงนามความร่วมมือ (MOU) โคเมะเฮียว (KOMEHYO) ร้านขายสินค้าแบรนด์เนมมือ 2 อันดับ 1 จากประเทศญี่ปุ่น ในการเข้ามาขยายสาขาในประเทศไทย เบื้องต้น อยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบของการเข้ามาทำตลาด ไม่ว่าจะเป็น โลเกชัน ขนาดพื้นที่ รวมไปถึงโมเดลที่เหมาะสมในการเข้ามาทำตลาด ขณะที่ รูปแบบสินค้าภายในร้านจะโฟกัสสินค้าแบรนด์เนมจากลูกค้าชาวไทยที่เข้ามาขายให้แก่ร้านในสภาพ 70-80% ก่อนวางจำหน่ายต่อ และอีกส่วนจะเป็นสินค้าแบรนด์เนมมือ 2 นำเข้าจากญี่ปุ่น โดยคาดการณ์ว่า จะสามารถสรุปข้อตกลงในการจัดตั้งบริษัทร่วมกัน เพื่อเปิดช็อป (Flaxship Store) ในไทยในปีหน้า

"ปัจจุบัน มูลค่าตลาดสินค้าแบรนด์เนมมือ 2 ในญี่ปุ่น อยู่ที่ 1.7 ล้านล้านเยน มีการเติบโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เข้าไปเที่ยวในญี่ปุ่นนิยมซื้อ โดยมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นลูกค้าอันดับ 1 และกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยนิยมช็อปปิ้งสินค้ามือแบรนด์เนมมือ 2 ในญี่ปุ่น เป็นลำดับที่ 2-3 โดยมียอดขายจากกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยราว 500-600 ล้านเยนต่อปี นั่นเองเราจึงมองเห็นโอกาสสำคัญในการเข้ามาทำตลาดในไทย"


pic1

สำหรับโคเมะเฮียว (KOMEHYO) มีจุดเด่น คือ การเป็นบริษัทจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ Tokyo ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2490 มีจำนวนสาขาที่ครอบคลุมภูมิภาคใหญ่ ๆ อย่าง คันโต คันไซ จูบุ และในเมืองใหญ่ ๆ เช่น โตเกียว โอซากา รวมกว่า 33 สาขา โดยมีสาขาใหญ่อยู่ที่นาโกยาและมีการขยายสาขาไปยังฮ่องกง, เซียงไฮ้, ปักกิ่ง อีกที่ละ 1 สาขา จำหน่ายทั้งสินค้ามือหนึ่งและสินค้ามือ 2 เช่น เครื่องประดับ นาฬิกา กระเป๋า และเสื้อผ้า นั่นคือ จุดแข็งที่บริษัทจะนำมาใช้ในการรุกตลาดเมืองไทย

ทั้งนี้ การลงนามความร่วมมือของบริษัทยังถือเป็นการเสริมแกร่งให้กับพอร์ตของบริษัทในเครือในส่วนต่าง ๆ ที่จะแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มของการกระจายสินค้าลักชัวรีเข้าสู่ช่องทางรีเทล ภายหลังที่มีการลงนามร่วมกับโคเมะเฮียว จากเดิมที่เน้นจำหน่ายแต่สินค้าอุปโภค-บริโภคที่มีราคาถูกและมีกำไรต่ำ สู่รูปแบบของการจำหน่ายสินค้าลักชัวรีในช่องทางรีเทลที่มีกำไรสูง ขณะเดียวกัน ความร่วมมือในครั้งนี้ทางสหพัฒน์ยังมีโอกาสสำคัญในอนาคต ด้วยการใช้เครือข่าย (Network) ของโคเมะเฮียวในญี่ปุ่น ที่มีพันธมิตรมากมายในการสร้างการเติบโตให้แก่บริษัทในอนาคต


ginza_p_main

"การเข้าร่วมมือกับทางโคเมะเฮียว (KOMEHYO) นั่นถือเป็นก้าวสำคัญของทางสหพัฒน์สู่โมเดลใหม่ ในการกระจายสินค้าเพื่อเจาะตลาดไปยังช่องทางรีเทลเพิ่มเติม โดยเริ่มต้นจากการเปิดช็อปจำหน่ายสินค้าลักชัวรีมือสองดังกล่าว ซึ่งแน่นอนว่าจะเป็นการขยายพอร์ตของสินค้าในเครือ จากเดิมที่เป็นแมสสู่ตลาดที่มีความเป็นนิชมากขึ้น ขณะเดียวกัน ยังเป็นการเพิ่มผลกำไรให้กับบริษัท โดยในกลุ่มสินค้าลักชัวรีมือสอง มองว่าจะกำไรที่ 30% จากเดิมที่สินค้าปกติของบริษัทมีกำไรน้อย"

นอกจากความร่วมมือดังกล่าว ทางสหพัฒน์ยังได้ร่วมมือกับ Hakuhodo และกลุ่ม Asahi Shimbun ในการนำความได้เปรียบเรื่องความหลากหลายของสินค้าที่มีอยู่ แต่ยังไม่ได้มีสัญลักษณ์อย่างเป็นทางการ จึงได้เปิดโครงการ 'Bellmark' ซึ่งเป็นองค์กรที่จะช่วยเหลือโรงเรียนในการหาอุปกรณ์การเรียนการสอน Bellmark โดย Bellmark จะเป็นสัญลักษณ์ที่ติดอยู่กับสินค้าและบริการต่าง ๆ ซึ่งสัญลักษณ์นั้น ๆ จะมีคะแนนที่จะคำนวณเป็นเงินบริจาคให้แก่โรงเรียนและผู้ประสพภัย หรือ ผู้ด้อยโอกาสในสถานที่ห่างไกลความเจริญ บุคคลทั่วไปสามารถเก็บแต้ม Bellmark ที่ติดอยู่บนแพ็กเกจต่าง ๆ เพื่อบริจาคให้แก่โรงเรียนที่เข้าร่วม นอกจากนี้ ยังมี 'มิกเกะ' (Mikke) คือ วารสารที่นำเรื่องราวด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมที่เคยตีพิมพ์แบบรายวันในหนังสือพิมพ์ The Asahi Shimbun และวารสารวิทยาศาสตร์ Kagakuru มาคัดเลือกเรื่องที่น่าสนใจ จัดทำเป็นนิตยสารแจกฟรี ราย 2 เดือน ฉบับภาษาไทย ชื่อว่า มิกเกะ (Mikke) โดยปัจจุบันถูกแจกฉบับละ 1.5 แสนชุด ปีละ 6 ครั้ง สู่โรงเรียน 350 แห่ง ในประเทศไทย


7gfibcbfcikca5bhb5b9h

สุดท้ายกับการลงนามความร่วมมือระหว่าง บริษัท เพนส์ มาร์เก็ตติ้ง แอนด์ ดิสทริบิวชั่น จำกัด กับบริษัท ดาวเฮืองกรุ๊ป จำกัด ในการเป็นผู้จัดจำหน่ายกาแฟภายใต้แบรนด์ 'ดาวคอฟฟี่' ใน 3 รูปแบบ ได้แก่ 1.3อิน1 2.อินสแตนต์ และ 3.กาแฟดาวลดน้ำหนัก พร้อมกับมีการปรับปรุงรสชาติและแพ็กเกจจิ้งร่วมกันให้ทันสมัยและตรงกับความต้องการของลูกค้าชาวไทยมากขึ้น โดยตั้งเป้ายอดขายช่วง 3 ปีนับจากนี้ ของดาวคอฟฟี่ที่ 1,000 ล้านบาท (รายได้ที่มาจากการจัดจำหน่ายของ) จากปัจจุบัน ที่ดาวเฮืองกรุ๊ปมีรายได้ 130 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 990 ล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยนที่ 33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ) และมีการเติบโตที่ 7-15% ในปีที่ผ่านมา ขณะที่ ในปีนี้วางเป้าหมายการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมามากกว่า 15%


……………….
เซกชั่น : การตลาด โดย นสพ.ฐานเศรษฐกิจ

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,379 วันที่ 1-4 ก.ค. 2561 หน้า 36-35

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
สหพัฒน์ดึงร้านธงฟ้าร่วมงานแฟร์กระตุ้นยอดขายครึ่งปีหลัง
'สหพัฒน์' ปรับกลยุทธ์! จับมือพันธมิตรดันรายได้ 3.4 หมื่นล้าน


e-book-1-503x62