ครม.ไฟเขียวตั้งกองทุนพีพีพีใหม่รอรับกม.ใหม่
ครม.ไฟเขียวตั้งกองทุนพีพีพี ใหม่ รอรับกฎหมายใหม่ ตีตกกองทุนส่งเสริมถ่ายหนังต่างชาติในไทย เหตุกรมท่องเที่ยวมีงบอยู่แล้ว
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐนมตรี (ครม.) (27มิ.ย.61) ว่า ครม.เห็นชอบตามที่คณะกรรมการนโยบายบริหารทุนหมุนเวียน ที่ขอจัดตั้งกองทุนส่งเสริม 2 กองทุน โดยกองทุนแรกคือกองทุนการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน ซึ่งออกตามร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ส่งเสริมการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.... ที่กำลังอยู่ในการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแหงชาติ เพื่อใช้แทนกองทุนส่งเสริมให้เอกชนร่วมลงทุน ที่ออกตาม พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุน พ.ศ.2556 ทั้งนี้ ทั้งสองกองทุนมีลักษณะคล้ายกัน แต่กองทุนที่จะออกใหม่มีส่วนที่แตกต่าง สามารถใช้เงินกองทุนสำหรับลงทุนหรือดำเนินการในโครงสร้างเชิงสังคม อาจเป็นโครงการที่ไม่ได้รับผลตอบแทนสูง แต่มีความจำเป็นต่อการบริการประชาชน เพื่อให้ชีวิตของประชาชนมีความสะดวกสบายขึ้น และเงินกองทุนไม่ต้องนำส่งคลัง ซึ่งต่างจากกองทุนตัวเดิมไม่ได้เขียนวัตถุประสงค์ดังกล่าวเอาไว้
“ทันทีที่ ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ส่งเสริมการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ... มีผลบังคับใช้ ก็จะทำให้กฎหมายตัวเดิม และกองทุนตัวเดิมหมดสภาพไป แล้วใช้กฎหมายตัวใหม่ พร้อมกองทุนตัวใหม่แทน โดยเงินทุนของกองทุนเก่าจะโอนมาสู่กองทุนใหม่ทันทีเช่นกัน” พล.ท.สรรเสริญ กล่าว
พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่า ส่วนอีกกองทุน คือ กองทุนส่งเสริมการภาพยนต์ต่างประเทศในประเทศไทย ซึ่งครม.ไม่อนุมัติ เพราะพิจารณาแล้วเห็นว่า มีกรมการท่องเที่ยว อยู่ในสังกัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา มีภารกิจส่งเสริมการสร้างภาพยนต์ต่างประเทศในประเทศไทย มีการกำหนดราคาค่าใช้จ่าย วงเงินที่จะจ่ายเงินคืนให้กับบริษัทที่มาถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย ซึ่งกรมการท่องเที่ยวมีเงินงบประมาณในส่วนนี้อยู่แล้ว ครม.จึงไม่เห็นความจำเป็นที่ทำไมจะต้องตั้งกองทุนขึ้นมาใหม่
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐนมตรี (ครม.) (27มิ.ย.61) ว่า ครม.เห็นชอบตามที่คณะกรรมการนโยบายบริหารทุนหมุนเวียน ที่ขอจัดตั้งกองทุนส่งเสริม 2 กองทุน โดยกองทุนแรกคือกองทุนการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน ซึ่งออกตามร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ส่งเสริมการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.... ที่กำลังอยู่ในการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแหงชาติ เพื่อใช้แทนกองทุนส่งเสริมให้เอกชนร่วมลงทุน ที่ออกตาม พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุน พ.ศ.2556 ทั้งนี้ ทั้งสองกองทุนมีลักษณะคล้ายกัน แต่กองทุนที่จะออกใหม่มีส่วนที่แตกต่าง สามารถใช้เงินกองทุนสำหรับลงทุนหรือดำเนินการในโครงสร้างเชิงสังคม อาจเป็นโครงการที่ไม่ได้รับผลตอบแทนสูง แต่มีความจำเป็นต่อการบริการประชาชน เพื่อให้ชีวิตของประชาชนมีความสะดวกสบายขึ้น และเงินกองทุนไม่ต้องนำส่งคลัง ซึ่งต่างจากกองทุนตัวเดิมไม่ได้เขียนวัตถุประสงค์ดังกล่าวเอาไว้
“ทันทีที่ ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ส่งเสริมการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ... มีผลบังคับใช้ ก็จะทำให้กฎหมายตัวเดิม และกองทุนตัวเดิมหมดสภาพไป แล้วใช้กฎหมายตัวใหม่ พร้อมกองทุนตัวใหม่แทน โดยเงินทุนของกองทุนเก่าจะโอนมาสู่กองทุนใหม่ทันทีเช่นกัน” พล.ท.สรรเสริญ กล่าว
พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่า ส่วนอีกกองทุน คือ กองทุนส่งเสริมการภาพยนต์ต่างประเทศในประเทศไทย ซึ่งครม.ไม่อนุมัติ เพราะพิจารณาแล้วเห็นว่า มีกรมการท่องเที่ยว อยู่ในสังกัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา มีภารกิจส่งเสริมการสร้างภาพยนต์ต่างประเทศในประเทศไทย มีการกำหนดราคาค่าใช้จ่าย วงเงินที่จะจ่ายเงินคืนให้กับบริษัทที่มาถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย ซึ่งกรมการท่องเที่ยวมีเงินงบประมาณในส่วนนี้อยู่แล้ว ครม.จึงไม่เห็นความจำเป็นที่ทำไมจะต้องตั้งกองทุนขึ้นมาใหม่
