‘ยนตรกิจ เกีย’ฮึดสู้นำเข้านีโร อีวี-ลดราคาอะไหล่

01 ก.ค. 2561 | 13:41 น.
 

-26 มิ.ย.61-“เกีย” ถือเป็นแบรนด์รถยนต์ที่อยู่ในเมืองไทยมายาวนาน โดยมีผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการคือ บริษัทยนตรกิจ เกีย มอเตอร์ จำกัด ที่ได้สิทธิ์ในการขายและทำตลาด ซึ่งปัจจุบันการบริหารงานอยู่ภายใต้รุ่นลูกอย่างธันยนันท์ (ลีนุตพงษ์) ศิริมงคลเกษม ที่นั่งเก้าอี้เป็นกรรมการบริหาร

[caption id="attachment_293213" align="aligncenter" width="503"] kia ธันยนันท์ (ลีนุตพงษ์) ศิริมงคลเกษม[/caption]

ภายใต้การดูแลของรุ่นลูกได้มีความพยายามในการทำตลาดที่หลากหลาย เริ่มตั้งแต่ตัวสินค้าที่สร้างความตื่นเต้น อาทิ การเปิดตัวโซล อีวี ในปีที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นเจ้าแรกที่นำรถยนต์ไฟฟ้ามาเปิดจำหน่ายในบ้านเราอย่างเป็นทางการ และแม้การตอบรับจะไม่ได้แรงอย่างที่ได้คาดหวังไว้ แต่ยังยืนยันที่จะนำรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่เข้ามาแนะนำสู่ตลาดในช่วงปลายปี
การตอบรับโซล อีวี

เราเพิ่งขายโซล อีวี ไปได้ 1 คัน ซึ่งสาเหตุที่ยอดขายน้อยเป็นเพราะว่าราคาจำหน่ายสูงกว่า 2.297 ล้านบาท โดยแรกเริ่มเดิมทีแม้เราจะอยากทำราคาให้ตํ่ากว่า 2 ล้านบาท แต่เนื่องจากกระบวนการทางด้านภาษีต่างๆเมื่อรวมๆกันก็ยังคงทำให้รถมีราคาแพงอยู่ นอกจากนั้นแล้วโมเดลที่นำมาขายหน้าตาไม่ได้เปลี่ยนไปจากรูปโฉมในเครื่องยนต์เบนซินสักเท่าไรนัก ตรงจุดนี้น่าจะเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ยอดขายน้อย

โดยสิ่งที่ถือเป็นบทเรียนของเราในการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าคือ แม้เทรนด์ในต่างประเทศจะมาแรง แต่ว่าในประเทศไทยการรับรู้ของผู้บริโภคเกี่ยวกับเทคโนโลยี หรือ เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าก็ยังเป็นอะไรที่ต้องค่อยๆสร้างค่อยๆให้ความรู้กันไป
เตรียมเจรจาบ.แม่

แม้การตอบรับในรุ่น โซล อีวี ยังน้อย แต่ล่าสุดบริษัทแม่ที่เกาหลี มีการเปิดตัวรถครอสโอเวอร์ไฟฟ้า 100% รุ่น นีโร (NIRO)ที่เป็นออล นิวใหม่หมดทั้งคัน มีแกดเจต-ฟังก์ชันใหม่ๆเข้ามา ซึ่งเรามีความสนใจอยากนำมาจำหน่าย และอยากตั้งราคาที่ไม่เกิน 3 ล้านบาท อย่างไรก็ตามเรื่องราคายังไม่ได้เคาะ แต่พยายามจะเจรจากับบริษัทแม่เพื่อนำมาโชว์ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปปลายปีนี้
แผนนำเข้ารถรุ่นใหม่

เราเพิ่งเปิดตัว เกีย แกรนด์ คาร์นิวัล รุ่นปรับโฉมใหม่ โดยในรุ่นนี้มีออพชัน เพิ่มมาเพื่อเติมเต็มรุ่นก่อนหน้า อาทิ  กระจังหน้าดีไซน์ใหม่แบบ Tiger Nose, ไฟหน้า-ท้าย และไฟตัดหมอกดีไซน์ใหม่แบบLED รวมถึงล้ออัลลอยแบบ Machine Finished ขนาด 18 นิ้ว , เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ ขนาด 2.2 ลิตร  ระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ,ห้องโดยสารมาพร้อมเบาะนั่ง 4 แถว 11 ที่นั่ง โดยเบาะนั่งแถวที่ 4 เป็นแบบ Pop-up Sinking Seat สามารถพับเก็บได้เรียบ, ซันรูฟแบบคู่ (Dual Sunroof)เหนือเบาะที่นั่งคู่หน้า และเหนือเบาะที่นั่งแถวที่ 2 ที่ สามารถเปิดได้ทั้ง 2 บาน

ระบบกุญแจอัจฉริยะ (Smart Key), ระบบประตูข้าง ไฟฟ้าทั้ง 2 ด้าน (Power Sliding Door), ระบบประตูท้ายไฟฟ้าอัจฉริยะ(Smart Tailgate), ระบบเครื่องเสียงพร้อมหน้าจอแสดงผลขนาด 8 นิ้ว ที่รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto และระบบชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย(Wireless Charger)

โดยในรุ่นใหม่นี้มีให้เลือก 3 รุ่น ได้แก่รุ่น LX ราคา 1,622,000 บาท ,รุ่น EX  ราคา 1,991,000 บาท และ รุ่น SXL ราคา 2,292,000 บาท
ครั้งแรกที่มีพรีเซนเตอร์

การเปิดตัว แกรนด์ คาร์นิวัล ในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่เราใช้พรีเซนเตอร์ โดยเราเลือกหมอโอ๊ค-สมิทธิ์-โอปอลล์-ปาณิสรา และ 2 แฝดอย่างน้องอลิน และ น้องอรัญ มาร่วมสื่อสารให้เห็นถึงคุณสมบัติรถของเราที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของครอบครัวคนรุ่นใหม่และเรายังมีภาพยนตร์โฆษณาออกมาเพื่อถ่ายทอดผ่านช่องทางออนไลน์ โดยจะนำเสนอภายใต้แนวคิด Your Fun,My Fun,Our Fun

โปรโมทแทรกอีบุ๊ก-6
แผนการตลาดในปีนี้

เรามีงบการตลาด 20 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ใช้ราว 10ล้านบาทโดยนอก จากจะมีการนำพรีเซนเตอร์มาร่วมสื่อสารรถรุ่นใหม่แล้ว เรายังมีกิจกรรมอื่นๆโดยเฉพาะโรดโชว์ที่ดีลเลอร์จะมีจัดประมาณเดือนละครั้ง ซึ่งเราจะมีงบสนับสนุน และเรายังมีโรดโชว์เพื่อแนะนำรถรุ่นใหม่ในห้างสรรพสินค้าอาทิ เมกา บางนา, เซ็นทรัล พลาซา อีสต์วิลล์, เวสต์เกต และปีนี้ยังเป็นปีแรกที่เราจะเข้าร่วมงานออโตซาลอน 2018 โดยความพิเศษคือนำชุดแต่งเกีย คาร์นิวัล จากออสเตรเลียเข้ามาจำหน่าย สนนราคาเริ่มต้น 5 หมื่นบาท
ปรับปรุงราคาอะไหล่

เราพยายามปรับราคาอะไหล่ตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยลดลงมากว่า 5 -10% ทั้งนี้เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจที่จะใช้รถของเรา นอกจากนั้นแล้วเรายังมีแผนเพิ่มบริการแบบเอ็กซ์เพรสเซอร์วิส โดยจะเริ่มที่สำนักงานใหญ่ที่เทียม ร่วมมิตรก่อน หลังจากนั้นจะขยายไปสู่ดีลเลอร์
แผนขยายเครือข่าย

ปัจจุบันเรามีโชว์รูมและศูนย์บริการ  17 แห่ง แบ่งเป็นดีลเลอร์ 13 แห่ง และอีก 4 แห่งเป็นของเรา โดยเร็วๆนี้จะเปิดเพิ่มที่ขอนแก่น  และตามเป้าที่เราวางไว้คืออยากได้เพิ่มอีก 5-6 แห่ง เพราะยังมีบางพื้นที่ที่เรายังไม่แข็งแรง ยังเข้าไม่ถึง อย่างภาคใต้ ซึ่งกำลังคุยกัน ส่วนพื้นที่กรุงเทพฯ ที่เราอยากเปิดคือแถวพระราม 2 ซึ่งก็อยู่ในระหว่างศึกษาและเจรจา
เป้าหมายยอดขาย

ปีที่ผ่านมาเราทำได้ 1,059 คัน โดยมีรถธงคือ แกรนด์ คาร์นิวัล ที่ทำยอดขายได้ 881 คัน หรือกว่า 83% ของยอดขายรวมทั้งหมด และ เป้าหมายในปีนี้คือ 1,400 คัน โดยยอดขายหลักยังมาจากแกรนด์ คาร์นิวัล ที่เพิ่งปรับโฉมใหม่ คาดว่าจะทำยอดขายได้ 1,200 คัน, เค 2500 จำนวน 150-200 คัน

หน้า 32-33 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,378 วันที่ 28 - 30 มิถุนายน 2561