อังกฤษ-ฝรั่งเศส สัญญาณเคลื่อนทัพลงทุน
การเยือนชาติยักษ์ใหญ่ยุโรป 2 ชาติของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้มิอาจเรียกได้ว่าประสบผลสำเร็จ 100% แต่อย่างน้อยก็ไม่ถูกปิดประตูใส่หน้า เหมือนกับตอนที่เข้ามาในปี 2557 ที่ถูกชาติตะวันตกลดระดับความสัมพันธ์ลงอยู่ในขั้นที่เรียกว่าเลวร้าย ซึ่งจะว่าด้วยเรื่องผลประโยชน์ของชาติหรืออะไรก็ตาม นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ได้เปิดทำเนียบบ้านเลขที่ 10 ถนนดาวนิ่ง ลอนดอน อังกฤษ และประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศสเปิดทำเนียบประธานาธิบดี ให้การต้อนรับ
การพบปะกับผู้นำสหราชอาณาจักร แน่นอนได้มีการสอบถามถึงพัฒนาการทางการเมืองของไทย และมั่นใจว่าไทยกำลังเดินทางสู่ประชาธิปไตย ส่วนด้านเศรษฐกิจพร้อมที่จะเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์กับไทย โดยเห็นถึงศักยภาพของไทยที่มีขนาดทางเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของอาเซียน พร้อมที่จะเป็นประตูการค้าสู่ภูมิภาค พร้อมที่เจรจาเปิดการค้าเสรี (FTA) ไทย-สหราชอาณาจักร และให้การสนับสนุนภาคเอกชนอังกฤษเข้ามาร่วมลงทุนในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง ARUP , HSBC , Prudential ให้ความสนใจและพร้อมตั้งโต๊ะเจรจา
ส่วนการไปเยือนฝรั่งเศสเป้าหมายหลัก อยู่ที่การร่วมมือศูนย์ซ่อมอากาศยานที่อู่ตะเภา 1 ในโครงการอีอีซีที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้ โดยได้มีการลงนามข้อตกลงร่วมทุนระหว่างบริษัทการบินไทยกับบริษัทแอร์บัส สร้างบริษัทร่วมทุนเพื่อบริการซ่อมบำรุงอากาศยาน ที่มีความทันสมัยและครอบคลุมที่สุดในเอเชียแปซิฟิก
ฝรั่งเศสยังมีกลุ่มนักลงทุนที่ต้องการขยายลงทุนในไทยอยู่เป็นจำนวนมาก ที่ผ่านมาเข้าลงทุนในไทยเป็นอันดับ 4 จากชาติยุโรป ครอบคลุมในหลากหลายธุรกิจที่ตั้งฐานการผลิตเพื่อเพื่อส่งออก เช่น มิชลิน , เอสซีลอร์ ผลิตเลนส์สายตากับแว่นตา , แซง-โกแบ็ง ผลิตกระจกนิรภัย , วาลีโอ ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ และชไนเดอร์ อิเล็คทริคผลิต อุปกรณ์ไฟฟ้าและพลังงาน ยังรวมไปถึงการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมกับไทยด้วย
การเยือน 2 ชาติยักษ์ใหญ่ของยุโรปอย่างอังกฤษ ฝรั่งเศส อาจเป็นเพียงก้าวแรกของการปูพื้นฐานสร้างการยอมรับ จับไม้จับมือเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ โดยเฉพาะโครงการสำคัญอย่างอีอีซีที่ทั้ง 2 ฝ่ายมองเห็นโอกาสที่จะเกิดขึ้น เป็นสัญญาณเคลื่อนทัพการลงทุน ก้าวต่อไปคงต้องมองไปที่เยอรมนียักษ์ใหญ่ของยุโรปอีกชาติที่ต้องแสวงหาความร่วมมือให้ได้ หากดึงเยอรมนีมาได้ ขณะที่สหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น อังกฤษ ฝรั่งเศสมาแล้ว สถานะ โอกาส ศักยภาพของไทยยังขยายไปได้อีกมาก แต่ทั้งนี้ทุกฝ่ายต้องช่วยกันจัดการภายใน ปัดกวาดบ้านให้เรียบร้อย รองรับนักลงทุนที่จะเข้ามาอีกเป็นจำนวนมาก
| บทบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
| หน้า 6 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3378 ระหว่างวันที่ 28-30 มิ.ย. 2561
การพบปะกับผู้นำสหราชอาณาจักร แน่นอนได้มีการสอบถามถึงพัฒนาการทางการเมืองของไทย และมั่นใจว่าไทยกำลังเดินทางสู่ประชาธิปไตย ส่วนด้านเศรษฐกิจพร้อมที่จะเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์กับไทย โดยเห็นถึงศักยภาพของไทยที่มีขนาดทางเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของอาเซียน พร้อมที่จะเป็นประตูการค้าสู่ภูมิภาค พร้อมที่เจรจาเปิดการค้าเสรี (FTA) ไทย-สหราชอาณาจักร และให้การสนับสนุนภาคเอกชนอังกฤษเข้ามาร่วมลงทุนในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง ARUP , HSBC , Prudential ให้ความสนใจและพร้อมตั้งโต๊ะเจรจา
ส่วนการไปเยือนฝรั่งเศสเป้าหมายหลัก อยู่ที่การร่วมมือศูนย์ซ่อมอากาศยานที่อู่ตะเภา 1 ในโครงการอีอีซีที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้ โดยได้มีการลงนามข้อตกลงร่วมทุนระหว่างบริษัทการบินไทยกับบริษัทแอร์บัส สร้างบริษัทร่วมทุนเพื่อบริการซ่อมบำรุงอากาศยาน ที่มีความทันสมัยและครอบคลุมที่สุดในเอเชียแปซิฟิก
ฝรั่งเศสยังมีกลุ่มนักลงทุนที่ต้องการขยายลงทุนในไทยอยู่เป็นจำนวนมาก ที่ผ่านมาเข้าลงทุนในไทยเป็นอันดับ 4 จากชาติยุโรป ครอบคลุมในหลากหลายธุรกิจที่ตั้งฐานการผลิตเพื่อเพื่อส่งออก เช่น มิชลิน , เอสซีลอร์ ผลิตเลนส์สายตากับแว่นตา , แซง-โกแบ็ง ผลิตกระจกนิรภัย , วาลีโอ ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ และชไนเดอร์ อิเล็คทริคผลิต อุปกรณ์ไฟฟ้าและพลังงาน ยังรวมไปถึงการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมกับไทยด้วย
การเยือน 2 ชาติยักษ์ใหญ่ของยุโรปอย่างอังกฤษ ฝรั่งเศส อาจเป็นเพียงก้าวแรกของการปูพื้นฐานสร้างการยอมรับ จับไม้จับมือเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ โดยเฉพาะโครงการสำคัญอย่างอีอีซีที่ทั้ง 2 ฝ่ายมองเห็นโอกาสที่จะเกิดขึ้น เป็นสัญญาณเคลื่อนทัพการลงทุน ก้าวต่อไปคงต้องมองไปที่เยอรมนียักษ์ใหญ่ของยุโรปอีกชาติที่ต้องแสวงหาความร่วมมือให้ได้ หากดึงเยอรมนีมาได้ ขณะที่สหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น อังกฤษ ฝรั่งเศสมาแล้ว สถานะ โอกาส ศักยภาพของไทยยังขยายไปได้อีกมาก แต่ทั้งนี้ทุกฝ่ายต้องช่วยกันจัดการภายใน ปัดกวาดบ้านให้เรียบร้อย รองรับนักลงทุนที่จะเข้ามาอีกเป็นจำนวนมาก
| บทบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
| หน้า 6 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3378 ระหว่างวันที่ 28-30 มิ.ย. 2561