BCAPชะลอออกกองใหม่พิษตลาดหุ้นผันผวนรอจังหวะที่เหมาะสม

29 มิ.ย. 2561 | 05:18 น.
บลจ.บางกอกแคปปิตอลฯชี้ดัชนีหุ้นผันผวน ส่งผลให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในกองทุนเพิ่ม ระบุ ETF 3 กองในตลาดหุ้นคึกคัก ยอดซื้อขาย 10 ล้านบาทต่อวัน แต่ต้องชะลอแผนออกกองใหม่ รอจังหวะเวลาที่เหมาะสม

นายธนาวุฒิ พรโรจนางกูร หัวหน้าสายงานบริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บางกอกแคปปิตอล จำกัดหรือ BCAP เปิดเผยว่า การลงทุนในกองทุน ETF ช่วงที่ดัชนีตลาดหุ้นปรับลดลงและผันผวน กลับพบว่า มีแรงซื้อเข้ามามากขึ้น ซึ่งในส่วนของบริษัทที่มีกองทุน ETF จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลัก ทรัพย์ฯ 3 กองคือ BCAP SET 100 เป็นกองทุนที่ลงทุนในดัชนี 100 กองทุน BCAP MID SMALL CG ลงทุนในหุ้นขนาดกลาง และ BCAP MSCI THAILAND เป็นการลงทุนในดัชนี MSCI ของไทย ซึ่งปรากฏว่า มีแรงซื้อขายเข้ามาเฉลี่ยวันละ 10 ล้านบาทและทำให้มูลค่ากองทุนทั้ง 3 รวมกันเกือบ 3 พันล้านบาท ซึ่งมีตั้งแต่อายุ 3 ปี 1 ปีครึ่ง และ 3 เดือน

BCAP

ทั้งนี้เนื่องจาก ETF ทั้ง 3 กองทุนอิงกับตลาดหุ้น ดังนั้นเมื่อดัชนีปรับลดลง ก็ทำให้กองทุนลดลงเป็นไปตามภาวะตลาดด้วย แต่ช่วงที่ดัชนีปรับลดลง จะเห็นว่ามีเงินไหลเข้ากองทุนจำนวนมาก ซึ่งก็อาจจะมีนักลงทุนบางกลุ่มที่มองว่าเป็นจังหวะซื้อ ซึ่งเราเองก็พยายามที่จะทำให้มูลค่าการซื้อขายของ ETF คึกคักขึ้นมากกว่านี้ เพราะเป็นเป้าหมายหลักของเราอยู่แล้ว ที่ต้องการสร้างกองทุนอีทีเอฟให้เกิดขึ้นในเมืองไทยเหมือนๆ กับต่างประเทศที่ได้รับความนิยมมาก

ทั้งนี้ ETF ถือเป็น 1 ในสินทรัพย์ที่นักลงทุนสามารถกระจายการลงทุน เพื่อลดความเสี่ยงและหาผลตอบแทนเพิ่มขึ้นได้ แต่เนื่องจาก ETF ในไทย มีประมาณ กว่า 10 ตัวเท่านั้น และอิงกับหุ้นเป็นหลัก ยังไม่มี ETF ที่อิงกับตราสารหนี้หรือพันธบัตรรัฐบาลไทย ทำให้ ETF ในไทยไม่สามารถกระจายความเสี่ยงได้และยังไม่ได้รับความนิยมมากนัก แต่ในระยะยาวเชื่อว่าจะค่อยๆพัฒนาขึ้น เพราะปัจจุบันนักลงทุนก็เริ่มเข้าใจมากขึ้นแล้วว่า ETF ลงทุนอย่างไร Print

“ETF ไม่ใช่เครื่องมือกระจายความเสี่ยง แต่เรามองว่าเป็น New generation ที่สามารถหาผลตอบแทนได้ เพราะในต่างประเทศจะมีทั้งกองทุนที่ลงทุนในหุ้นทั้งในและต่างประเทศ ตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ สินทรัพย์ทางเลือก จึงเป็นนวัตกรรมของกองทุนที่สามารถลงทุนในสินทรัพย์ได้ทั่วโลก เพียงซื้อขายผ่านตลาดหุ้น ไม่ต้องไปแบ่งค่าธรรมเนียมให้กับตัวแทนขาย เพราะกองทุนที่ได้รับความนิยมส่วนหนึ่งคือ มาตรการภาษี จึงเห็นกองทุนหุ้นที่เป็นกองทุนหุ้นระยะยาวและกองทุนเพื่อเกษียณอายุจำนวนมาก และอีกส่วนหนึ่งคือมีธนาคารพาณิชย์เป็นตัวแทนขาย แต่กองทุน ETF นักลงทุนจะต้องเข้าไปเลือกซื้อขายเอง ซึ่งก็ต้องอาศัยความเข้าใจก่อนจึงจะซื้อขายได้”

สำหรับแผนการออกกองทุนที่อิงกับดัชนีการลงทุนอัจฉริยะของตลาดหุ้นไทย (BCAP Smart Index Series) 5 ดัชนี ที่ได้จะลงทะเบียนกับสำนักงานก.ล.ต.ไว้แล้วนั้น ปรากฏว่า จากการสำรวจตลาดกับกองทุน ETF กองทุนแรกคือ BCAP Value Investing Index (BVALUE) แล้ว ความต้องการไม่พอกับที่ตั้งเป้าหมายไว้ จึงชะลอแผนไปก่อน รวมถึงกองทุนอื่นๆที่อยู่ในแผนก็ต้องชะลอออกไปด้วย เพราะมองว่า การลงทุนในหุ้นยังผันผวนจากปัจจัยกดดันจากภายนอก ต้องรอจังหวะดีๆ ซึ่งตามแผนปลายเดือนนี้ก็จะออกอีกกอง

สำหรับแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นมองว่า ขณะนี้ชัดเจนว่าผลกระทบเกิดจากความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการค้าระหว่างประเทศของนายโดนัลด์ทรัมป์ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งคาดเดาได้ยาก ทำให้ภาพตรงนี้ไม่ชัดเจนและแนวโน้มจะรุนแรงขึ้นในประเทศที่เป็นประเด็นคือจีนกับสหรัฐฯแต่สหรัฐฯเองจะมีการเลือกตั้งกลางปีในเดือนพฤศจิกายน จึงเชื่อว่า ท่ารุนแรงของทรัมป์ น่าจะอ่อนลงเพื่อไม่ให้กระทบกับฐานเสียงได้

 

หน้า 19 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,378 วันที่ 28-30 มิ.ย. 2561 e-book-1-503x62