ข้าพระบาท ทาสประชาชน : "พล.อ.ประยุทธ์" กับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

23 มิ.ย. 2561 | 10:14 น.
226266

 

ในช่วงเวลา 4 ปี ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตัดสินใจยึดอำนาจการปกครองประเทศ และเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ถือว่าเป็นการอาสาตัวเข้ามาด้วยความสมัครใจ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ความขัดแย้งและความวุ่นวายทางการเมือง คืนความสงบสุขให้กับประเทศชาติและประชาชน ทั้งประกาศว่าท่านมุ่งมั่นที่จะปฏิรูปประเทศในทุก ๆ ด้าน

สร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นแก่ชนในชาติ อันเป็นเป้าหมายที่คนไทยต่างรับรู้และยอมรับ ในการที่อำนาจฝ่ายทหารต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมือง แม้ว่าต้องแลกกับการที่ต้องสูญเสียสิทธิ เสรีภาพทางการเมือง เว้นวรรคระบอบประชาธิปไตยไว้ชั่วคราว ยอมให้ใช้อำนาจเด็ดขาดจัดการบ้านเมือง ก็ด้วยประชาชนต่างคาดหวังว่าจะได้เห็นโครงสร้างการเมืองใหม่ ภายหลังการปฏิรูปที่ควรจะดีกว่าเดิม ความเต็มใจที่มอบโอกาสแห่งอำนาจ ในการบริหารประเทศโดย คสช.ครั้งนี้ จึงอยู่ภายใต้เงื่อนไขความจำเป็นดังกล่าว เพราะการเมืองในระบอบประชาธิปไตยแบบเลือกตั้ง มิอาจตอบสนองความประสงค์ของประชาชนได้
334673-prayuth-chan-ocha-afp-crop การได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีและความเป็นผู้นำประเทศของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงเป็นตำแหน่งทางการเมืองและถือเป็นบุคคลสาธารณะ แต่ด้วยความโดดเด่น น่าเชื่อถือและน่าศรัทธาของท่าน เพราะนอกจากจะได้ประกาศเสียงดังฟังชัดแก่คนทั้งประเทศว่า ท่านเข้ามาด้วยเป้าหมายอะไร มีความมุ่งมั่นเข้ามาแก้ปัญหาบ้านเมืองอย่างไรแล้ว ท่านยังได้แสดงความจริงใจต่อประชาชนด้วยการแต่งเพลงให้วงดนตรีดุริยางค์ทหารบรรเลงและนักร้องดังขับร้อง ชื่อเพลง "คืนความสุขให้ประเทศไทย" บรรเลงขับขานไปทั่วประเทศ เนื้อหาของเพลงมีความหมาย และเปรียบเหมือนเป็นคำสัญญากับประชาชน ที่ผู้นำประเทศมอบไว้ เป็นการสร้างปรากฎการณ์ที่ไม่เหมือนนายกรัฐมนตรีไทยคนอื่นๆ ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวนายกฯ ลุงตู่ ที่ไม่เหมือนใคร

ในรอบ 4 ปี ท่านยังได้แต่งเพลงมาแล้วถึง 6 เพลง คือปี 2557แต่งเพลง คืนความสุขให้ประเทศไทย, 2558 แต่งเพลง เพราะเธอคือ....ประเทศไทย, 2559 แต่งเพลง ความหวังความศรัทธา, 2560 แต่งเพลง สะพาน และ 2561 แต่งเพลง ใจเพชร และเพลงล่าสุด คือ สู้เพื่อแผ่นดิน ซึ่งทุกเพลงทุกเนื้อหา ย่อมถือเป็นสัญญาประชาคม ความมุ่งมั่นและอุดมการณ์ ที่ผู้นำประเทศประกาศแก่ปวงชนชาวไทยทุก ๆ คนในแผ่นดิน นี่คือสิ่งสำคัญที่ทำให้คนไทยมีความหวังและความเชื่อมั่นว่า ท่านจะทำตามสัญญาและตามเนื้อหาของบทเพลง โดยไม่บิดพลิ้วผู้เขียนก็มีความเชื่อถือคล้อยตามความเห็นกับพี่น้องประชาชนโดยทั่วไปว่า ท่านจะเป็นผู้นำที่ดี นำพาประเทศชาติก้าวเดินไปข้างหน้า คืนความสุขแก่ประชาชนทุก ๆ คนบนแผ่นดินอย่างแท้จริง

ความเชื่อมั่นของผมและผู้คนในบ้านเมืองมีมากยิ่ง ๆ ขึ้น จากการติดตามการบริหารประเทศและบทบาททางการเมืองของท่านที่แสดงออกต่อประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตลอดเวลาที่ท่านดำรงตำแหน่งนายกฯ นอกจากเห็นการทุ่มเททำงานโดยไม่เหน็ดเหนื่อยแล้ว ผมยังได้เห็นท่านต้องหลั่งน้ำตาหรือน้ำตาซึมคลอเบ้าออกมาหลายครั้ง ซึ่งแต่ละเหตุการณ์ล้วนบ่งบอกถึงความรู้สึกลึก ๆ ในจิตใจ ความจริงใจและความมุ่งมั่นทุ่มเทเสียสละ และความจงรักภักดีที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ต่อประเทศชาติ และประชาชน ที่เราท่านสัมผัสได้
web-01-ad อย่างน้อยที่สุดก็ 3 ครั้งคือ เมื่อ 27 ตุลาคม 2560 ขณะร่วมขบวนอันเชิญพระบรมโกศในหลวงรับกาลที่ 9 อีกครั้งเมื่อ 10 มีนาคม 2558 ระหว่างฟังเพลงที่นักร้องประสานเสียงของชาวอิสลาม ร้องเพลง คืนความสุขให้ประเทศไทย และล่าสุดเมื่อ 12 มิถุนายน 2561 ขณะเดินทางไปประชุม ครม.สัญจรที่ จ.พิจิตร เมื่อได้ฟังเด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่ง ออกมาพูดให้กำลังใจท่านนายกฯ โดยระบุว่า "หนูรู้ค่ะว่านายกฯลุงตู่เหนื่อย หนูรู้ค่ะว่านายกฯลุงตู่ท้อ ทำดีถึงแม้จะไม่มีใครเห็น แต่คนพิจิตรทุกๆ คนเห็นน่ะค่ะ นายกฯลุงตู่อาจทำงานเหมือนปิดทองหลังพระ แต่อีกไม่นาน สักวันหนึ่ง ทองที่ปิดไว้นั้นจะล้นมาข้างหน้าพระให้ทุกคนได้เห็นกันแน่นอนค่ะ" พร้อมร้องเพลงที่ท่านนายกฯแต่ง น้ำตาของนายกฯ ก็ซึมคลอเบ้าตา ทั้ง 3 เหตุการณ์บ่งบอกได้ถึงความคิดความคำนึงของผู้นำประเทศ ที่สัมผัสได้และทำให้เชื่อว่าท่านมีความจริงใจต่อประชาชนและบ้านเมือง ซึ่งแตกต่างจากน้ำตาของนักการเมืองที่เราได้พบเห็น

อย่างไรก็ตาม แม้ท่านผู้นำประเทศ จะได้รับความศรัทธาและความเชื่อมั่นจากประชาชนไปเต็ม ๆ ถึงความเสียสละ ความทุ่มเท และความสุจริตจริงใจในการเข้ามาบริหารประเทศ และมีแนวโน้มว่าท่านจะอยู่ในอำนาจและบริหารประเทศต่อไปอีกยาวนาน จึงมีความจำเป็นที่ท่านจะได้พิจารณาและเข้าใจว่า ตำแหน่งนายกฯ เป็นตำแหน่งทางการเมืองตามรัฐธรรมนูญ เป็นบุคคลสาธารณะที่สามารถถูกตรวจสอบและวิพากษ์วิจารณ์ได้ การบริหารบ้านเมืองในตำแหน่งนายกฯ  มิใช่การปิดทองหลังพระครับ แต่เป็นการทำงานที่เปิดเผย ต้องแถลงนโยบายและขออนุมัติงบประมาณจากสภาฯ และแถลงผลงานให้ประชาชนทราบ บริหารบ้านเมืองดีหรือไม่เพียงใด ทุกคนย่อมเห็นผล หากประพฤติผิดกฎหมาย ย่อมต้องถูกลงโทษ ถูกถอดถอนหรือต้องแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองด้วยตามวิถีทางการเมือง
im-5931 ด้วยเหตุนี้ท่านจำต้องฟังเสียงสะท้อนจากสังคม และเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชนหรือสื่อมวลชน อย่างหลีกเลี่ยงมิได้ โดยมิควรโกรธเคืองหรือมีอารมณ์ต่อเสียงวิจารณ์เหล่านั้น ในขณะนี้ต้องยอมรับว่า ประชาชนอาจให้ความเชื่อถือไว้วางใจแต่เพียงท่านนายกฯ แต่ก็อาจไม่เห็นด้วยกับนโยบายหรือการบริหารในบางเรื่องได้ และคนส่วนใหญ่ยังมีข้อสงสัย ไม่ไว้ใจในตัวรัฐมนตรีหลายคนที่ร่วมคณะรัฐมนตรีว่าจะซื่อสัตย์ สุจริต มีความมุ่งมั่นทุ่มเท เสียสละเพื่อชาติบ้านเมืองจริงเหมือนท่านหรือไม่ บางคนอาจมีพฤติกรรมน่าสงสัยว่าใช้อำนาจเพื่อแสวงหาประโยชน์สร้างความร่ำรวยเพื่อตนเอง และพวกพ้องหรือไม่ ซึ่งเสียงนินทา และเสียงวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล คสช.เมื่ออยู่มาถึง 4 ปีย่อมมีให้ได้ยินหนาหูมากขึ้นเป็นธรรมดา

แม้ว่าผู้คนทั้งหลายจะให้ความเชื่อถือไว้วางใจนายกฯ ทั้งยินดีให้โอกาสในการทำงานบริหารประเทศ แต่ก็ดังที่กล่าวแล้วในเบื้องต้นว่า ความยินยอมของประชาชนตั้งอยู่บนเงื่อนไขที่ผู้นำประเทศต้องทำงานตามเป้าหมาย ที่ได้ประกาศและสัญญาต่อประชาชนไว้ และต้องมีความรับผิดชอบต่อบ้านเมือง ไม่ปล่อยให้ใครใช้โอกาสแห่งอำนาจ ทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชน

ดังนั้นผู้นำจะดี ดีแต่ตัวหาใช่ไม่ คณะรัฐมนตรีและทีมงาน ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งหลายต้องดีด้วย ประเทศจึงจะอยู่รอด ความเสียสละทุ่มเททำงานของนายกฯ จึงจะบังเกิดผลงานให้ประชาชนเห็นและชื่นใจ ตำแหน่งนายกฯ จึงมีหน้าที่บริหารให้คนส่วนใหญ่ทั้งประเทศ มีความสุขและความพึงพอใจ เป็นการปิดทองหน้าองค์พระ ที่สปอร์ตไลน์ไฟทุกดวงต้องจับจ้องส่องมาที่ตัวท่าน และท่านต้องยอมรับให้ประชาชนเจ้าของอำนาจอธิปไตย ควบคุมตรวจสอบได้ นี่คือการเคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกัน ในทางการเมืองครับ ปรับตัวให้คุ้นชินกับบรรยากาศการเมืองแบบนี้ดีกว่า เพราะท่านอาจต้องอยู่กับตำแหน่งนี้ไปอีกนาน หากไม่มีอุบัติเหตุทางการเมืองใดๆ

|คอลัมน์ : ข้าพระบาท ทาสประชาชน
|โดย : ประพันธุ์ คูณมี
| หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ หน้า 6 ฉบับ 3376 ระหว่างวันที่ 21-23 มิ.ย.2561
e-book-1-503x62