ถึงเวลาแบงก์ชาติ ลงจากหอคอยงาช้าง

23 มิ.ย. 2561 | 08:20 น.
 

636++ แรงกดดันจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ และการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด จนส่งผลให้ตลาดเงินตลาดทุนในประเทศเกิดใหม่ร่วงลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา กำลังกลายเป็นความกังวลของบรรดานักวิเคราะห์ว่าอาจจะนำไปสู่วิกฤตการณ์ทางการเงินรอบใหม่ลุกลามและขยายไปสู่ประเทศอื่นที่อ่อนแอ

เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน ที่ผ่านมา หลังจากค่าเงินเปโซของฟิลิปปินส์เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ร่วงลงอย่างหนักในรอบ 12 ปี ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ ได้ตัดสินใจประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ข้ามคืนอีก 0.25% สู่ระดับ 3.5% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยติดต่อกันเดือนที่ 2 เพื่อสกัดการโจมตีค่าเงิน การไหลออกของเงินทุน รวมถึงควบคุมอัตราเงินเฟ้อ ขณะที่การคลังของฟิลิปปินส์ก็ออกมาแถลงข่าว เพื่อยับยั้งกระแสความวิตกกังวลของนักลงทุนในตลาด

ส่วนของไทย หากดูกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายนับตั้งแต่มกราคม-มิถุนายน นักลงทุนขายหุ้นจำนวน 171,897 ล้านบาท ซื้อพันธบัตรสุทธิ 116,858 ล้านบาท ยอดไหลออกสุทธิ 55,139 ล้านบาท เฉพาะไตรมาส 2 ต่างชาติขายหุ้น 113,780 ล้านบาท ขายพันธบัตร 4,020 ล้านบาท
web-01-ad ขณะที่เดือนมิถุนายน เดือนเดียวมีเงินทุนไหลออกจากตลาดทุนสุทธิ 26,719 ล้านบาท กล่าวคือ ต่างชาติขายหุ้นจำนวน 40,471 ล้านบาท และซื้อพันธบัตรอยู่ที่ 13,752 ล้านบาท ส่วนค่าเงินบาทตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายนก็อ่อนค่าลงอย่างรวดเร็วจากระดับ 31.88 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน ไปอยู่ที่ 32.92 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อวันที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา

แม้ว่าผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย “วิรไท สันติประภพ” จะออกมาระบุว่า ค่าเงินบาทของไทยเคลื่อนไหวสอดคล้องกับสกุลเงินอื่นๆ ที่สอดคล้องกับภาวะตลาดเงินตลาดทุนโลก พร้อมเชื่อว่าพื้นฐานเศรษฐกิจและเสถียรภาพด้านต่างประเทศที่ดีของไทย หนี้ต่างประเทศตํ่า อีกทั้งยังมีทุนสำรองค่อนข้างสูง ทั้งหมดนี้จะเป็นกันชนที่ดี

แต่ต้องไม่ลืมว่า หากสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ ยืดเยื้อ ในขณะที่ตลาดเงินในประเทศเกิดใหม่ยังคงมีเงินทุนไหลออกต่อเนื่อง ประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศเล็กๆ ย่อมหลีกเลี่ยงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นได้ยาก หากธนาคารกลางไม่สามารถดำเนินนโยบายการเงิน เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุนและดึงเงินทุนให้ไหลกลับเข้ามาได้ แรงเทขายสินทรัพย์อาจจะบานปลาย ซึ่งเป็นเรื่องที่ธนาคารแห่งประเทศไทยต้องระวัง เพราะเราเคยมีประสบการณ์มาแล้วเมื่อวิกฤติต้มยำกุ้ง ที่มีประเทศไทยเป็นต้นตอที่สำคัญในภาวะตลาดเงินตลาดทุนผันผวน ผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทยควรลงจากหอคอยงาช้าง ออกมาให้ข้อมูล เพื่อเรียกความมั่นใจนักลงทุนมากกว่านี้

|บทบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
|หน้า 6 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3377 ระหว่างวันที่ 24-27 มิ.ย.2561
e-book-1-503x62