'ธุรกิจ ร.พ.' แข่งเดือด! แบรนด์ใหญ่-เล็ก สาดงบชิงผู้ป่วยใน-นอกประเทศ

ชี้ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน 1.7 แสนล้าน ระอุ! รายใหญ่-เล็กแห่ทุ่มงบลงทุนพัฒนาบุคลากร ซื้อเครื่องมือเพิ่มเทคโนโลยีด้านการรักษา ก่อสร้างศูนย์โรคเฉพาะทาง โปรโมชัน หวังชิงตัวผู้ป่วยทั้งใน-ต่างประเทศ

จากข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ฯ ระบุว่า ภาพรวมธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนในปีนี้ คาดว่าจะมีมูลค่ารวมประมาณ 1.7 แสนล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีมูลค่าราว 1.5 แสนล้านบาท เป็นสัญญาณให้เห็นว่า ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนยังมีโอกาสและช่องทางในการขยายตัว โดยเฉพาะการชูจุดขายทางด้านแพทย์เฉพาะทางและความเชี่ยวชาญเฉพาะโรค มาเป็นจุดขายของแต่ละโรงพยาบาล

 

[caption id="attachment_294514" align="aligncenter" width="400"] น.พ.ทวนทศพร สุวรรจูฑะ ผู้อำนวยการศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลพญาไท 2
©phyathai.com[/caption]

น.พ.ทวนทศพร สุวรรจูฑะ ผู้อำนวยการศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลพญาไท 2 เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า โรงพยาบาลพญาไท 2 ใช้งบลงทุนกว่า 100 ล้านบาท แบ่งเป็นงบสำหรับการปรับปรุงสถานที่ในการรับบริการผู้ป่วยและการอบรมพัฒนาบุคลากร 42 ล้านบาท และการซื้อเครื่องมือแพทย์และเพิ่มเทคโนโลยีอีก 63 ล้านบาท เพื่อพัฒนาให้โรงพยาบาลเป็นศูนย์กลางการรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดของภูมิภาคเอเชีย ตอบรับนโยบายของภาครัฐ ในการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางด้านการแพทย์ (Medical Hub) แห่งเอเชีย

โดยปัจจุบัน ผู้ป่วยที่เข้ามารับการรักษาแบ่งเป็นผู้ป่วยในประเทศ 85% และต่างประเทศ 15% ซึ่งปีนี้ โรงพยาบาลมีแผนรุกขยายตลาดในกลุ่มประเทศจีน กัมพูชา เมียนมา เวียดนาม ลาว และตะวันออกกลาง โดยมุ่งไปที่กลุ่มตรวจสุขภาพ กลุ่มผู้ป่วยเข้ารับการรักษา ทั้งผู้ป่วยวิกฤติ การสวนหัวใจ ผ่าตัด และผู้ป่วยฟื้นฟูและควบคุมปัจจัยเสี่ยงด้วย ทั้งนี้ พบว่า ด้วยจุดเด่นที่โรงพยาบาลมีศูนย์แพทย์เฉพาะทางในด้านต่าง ๆ อาทิ ศูนย์หัวใจ , ศูนย์สมองและระบบประสาท , ศูนย์ความงาม , ศูนย์รักษาภาวะมีบุตรยาก เป็นต้น ทำให้แนวโน้มผู้ป่วยทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้น

 

[caption id="attachment_294515" align="aligncenter" width="503"] ©phyathai.com[/caption]

ทั้งนี้ พบว่า ผู้ป่วยที่เข้ามารับการรักษามากสุด ได้แก่ กัมพูชา จีน เมียนมา ตะวันออกกลาง ยุโรป และสหรัฐอเมริกา ขณะที่ โรงพยาบาลในแถบเอเชียที่เป็นคู่แข่งในด้านการรักษาโรคหัวใจ คือ โรงพยาบาลในประเทศอินเดีย ซึ่งเร่งสร้างการรับรู้ถึงความเชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคหัวใจ อย่างไรก็ดี ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งในเป้าหมายที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกนิยมเดินทางมา โดยเฉลี่ยแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า 30 ล้านคน ทำให้ตัวเลขการท่องเที่ยวในเชิงการแพทย์มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ของประเทศไทยติดอันดับ 6 ของโลก และมีนักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ คิดเป็นสัดส่วน 38% ของภูมิภาคเอเชียทั้งหมด

ด้าน นายเฉลิมกุล อภิบุณโยภาส ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลธนบุรี 2 กล่าวว่า โรงพยาบาลมุ่งเน้นเจาะกลุ่มผู้ป่วยในระดับกลาง รองรับผู้ป่วยในแถบตลิ่งชัน เขตทวีวัฒนา และปริมณฑลฝั่งตะวันตก เป็นหลัก โรงพยาบาลจึงเน้นสร้างแบรนด์ผ่านสื่อต่าง ๆ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย พร้อมลงทุนพัฒนาในด้านต่าง ๆ ทั้งการเปิดศูนย์หัวใจในการบริการขยายหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งใช้งบลงทุนกว่า 50 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังจัดซื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ทันสมัย ด้วยงบกว่า 20 ล้านบาท



"โรงพยาบาลมีแผนขยายกิจการ โดยเริ่มต้นในไตรมาส 4 นี้ ทั้งการเพิ่มห้องตรวจผู้ป่วยนอก ห้อง ICU ห้องพัก VIP ฯลฯ ด้วยงบลงทุน 500 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีการจัดทำโปรแกรมตรวจสุขภาพโรคเฉพาะทางราคาประหยัดให้กับลูกค้า อาทิ โปรแกรมตรวจสุขภาพกระดูก โปรแกรมประกันราคาผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม โปรแกรมตรวจภาวะสมองเสื่อม และโปรแกรมส่องกล้องลำไส้ใหญ่ เพื่อดึงให้กลุ่มเป้าหมายเข้ามาใช้บริการมากขึ้นด้วย"

นายณัฐพงษ์ จิรภัตตานนท์ ผู้จัดการทั่วไป ศูนย์ศัลยกรรมความงาม โรงพยาบาลบางมด กล่าวว่า การเข้ามาใช้บริการของผู้สูงอายุทั้งชาวไทยและต่างชาติที่เพิ่มขึ้น ทำให้โรงพยาบาลเห็นถึงแนวโน้มการเข้ามาใช้บริการ จึงมีแผนพัฒนาศูนย์ศัลยกรรมความงามและศูนย์สุขภาพ-ชะลอวัยขึ้น ซึ่งต้องใช้เงินลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท โรงพยาบาลจึงมีแนวคิดในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ นอกจากนี้ ยังทุ่มงบกว่า 50 ล้านบาท ในการรีโนเวตศูนย์ศัลยกรรมดึงหน้า ตั้งแต่เดือน ม.ค. ที่ผ่านมา เพื่อรองรับผู้สูงอายุที่เข้ามาใช้บริการด้วย

 

[caption id="attachment_294516" align="aligncenter" width="503"] สาธิต วิทยากร
ประธานคณะกรรมการ บริษัท พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ จำกัด บริษัทย่อยในเครือ บริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน)[/caption]

ขณะที่ นายสาธิต วิทยากร ประธานคณะกรรมการ บริษัท พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ จำกัด บริษัทย่อยในเครือ บริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทมีเป้าหมายขยายโรงพยาบาลในเครือให้เพิ่มมากขึ้น จากปัจจุบันที่เปิดให้บริการ 5 โรงพยาบาล ได้แก่ โรงพยาบาลปากน้ำโพ 1 และโรงพยาบาลปากน้ำโพ 2  จ.นครสวรรค์ , โรงพยาบาลพิษณุเวช จ.พิษณุโลก , โรงพยาบาลสหเวช จ.พิจิตร และโรงพยาบาลพริ้นซ์ ฮอสพิทอล สุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ ขณะที่ โรงพยาบาลพริ้นซ์ ฮอสพิทอล อุทัยธานี จ.อุทัยธานี และโรงพยาบาลพิษณุเวช จ.อุตรดิตถ์ จะเปิดดำเนินการได้ในไตรมาสแรกของปีหน้า ทั้งนี้ บริษัทยังมีแผนขยายโรงพยาบาลในเครือข่ายออกไปตามจังหวัดต่าง ๆ เพื่อให้บริการประชาชนในพื้นที่ห่างไกล โดยภายในปี 2562 คาดว่าจะขยายโรงพยาบาลเครือข่ายเป็น 10 แห่ง และเพิ่มเป็น 20 แห่ง ภายในปี 2565 ด้วยงบลงทุนกว่า 1 หมื่นล้านบาท

อีกหนึ่งโรงพยาบาลที่รุกทำตลาดในปีนี้ ได้แก่ โรงพยาบาลพระรามเก้า โดย น.พ.เสถียร ภู่ประเสริฐ กรรมการผู้อำนวยการ โรงพยาบาลพระรามเก้า กล่าวว่า โรงพยาบาลใช้งบลงทุนกว่า 2,000 ล้านบาท สร้างตึกใหม่ 16 ชั้น บนพื้นที่ 3 ไร่ ขนาด 60 เตียง เพื่อรองรับปริมาณผู้ป่วยที่เพิ่มมากขึ้น ทั้งผู้ป่วยในประเทศและต่างประเทศ โดยจะแล้วเสร็จปลายปี 2562

 

[caption id="attachment_294517" align="aligncenter" width="503"] ©praram9.com[/caption]

"การแข่งขันของธุรกิจโรงพยาบาลในย่านพระราม 9 ถือว่าค่อนข้างรุนแรง จึงต้องมีกลยุทธ์การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย แต่โรงพยาบาลพระรามเก้าจะยังคงมุ่งเน้นการรักษาผู้ป่วยและการบริการที่มีคุณภาพ ด้วยเครื่องมือ พนักงาน บุคลากรทีมแพทย์ชั้นนำ เพื่อทำให้เป็นโรงพยาบาลที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุด และเป็น 1 ใน 5 ของผู้นำโรงพยาบาลในย่านนี้ โดยเฉพาะการเป็นโรงพยาบาลที่มีความพร้อมในด้านการรักษาไต ซึ่งโรงพยาบาลพระรามเก้าร่วมกับ 9 โรงพยาบาลพันธมิตร อาทิ ร.พ.ตรังรวมแพทย์ , ร.พ.สิโรรส จ.ยะลา , ร.พ.สิโรรส จ.ปัตตานี , ร.พ.สิริเวช จ.จันทบุรี ฯลฯ ในการส่งต่อผู้ป่วยโรคไต เพื่อขยายโอกาสในการรักษา"

……………….
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,377 วันที่ 24-27 มิ.ย. 2561 หน้า 36+35

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
● สธ.ห่วงสุขภาพพระสงฆ์เริ่มโครงการลดโรค1วัด1 ร.พ.ทั่วปท.วันวิสาขบูชา
● ร.พ.กรุงเทพแพ้ซํ้า ลูกค้าไลฟ์พริวิเลจ