ส่งออก 5 เดือนแรกค่ากว่า 1.04แสนล้านดอลล์ขยายตัว11.6% สูงสุดรอบ 7 ปี

21 มิ.ย. 2561 | 09:11 น.
ส่งออก 5 เดือนแรก มีมูลค่ากว่า 104,031 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว11.6% สูงสุดในรอบ 7 ปี ขณะที่ส่งออก ในเดือนพ.ค. ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 15 เตรียมเชิญเอกชนเข้าหารือผลกระทบการค้ากับสหรัฐสัปดาห์หน้า

นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เผยว่า การส่งออกของไทยในเดือนพ.ค.2561 มีมูลค่ากว่า 22,257 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 11.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 15 เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าต่างๆ ทำให้มีกำลังซื้อดีขึ้น และไทยสามารถกระจายการส่งออกไปยังตลาดต่างๆได้ ทั้ง ญี่ปุ่น ยุโรป จีน และอาเซียน ซึ่งหากหักการส่งออกน้ำมันและทองคำออกการส่งออกของไทยก็ยังคงขยายตัวได้ถึง 8% โดยการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวได้ถึง 12.6% โดยสินค้ากลุ่มรถยนต์และส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ เม็ดพลาสติก ขยายตัวในระดับสูง ขณะที่สินค้ากลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัวได้ 1.5% โดย ข้าว ไก่สดแช่แข็งและแปรรูป ยังคงส่งออกได้ต่อเนื่อง

ส่งผลให้การส่งออกในช่วง 5 เดือนแรก มีมูลค่ากว่า 104,031 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว11.6% สูงสุดในรอบ 7 ปี ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน นั้นไม่ได้มีผลกระทบต่อการค้า และการส่งออกของไทยมากนัก และมั่นใจว่าในปีนี้จะผลักดันการส่งออกให้ขยายตัว ได้ถึง 8% อย่างแน่นอน เนื่องจากค่าเงินบาทเริ่มอ่อนค่าลง ทำให้มีรายได้ในรูปเงินบาทมากขึ้น และจะมีการทบทวนการประมาณการส่งออกทั้งปีใหม่ในเดือนก.ค.

pim1

อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามสงครามการค้าอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะมาตรการกีดกันทางการค้า นโยบายการค้าของสหรัฐ เพราะจะส่งผลต่อความผันผวนทางการค้าและอัตราแลกเปลี่ยนได้ ทั้งอาจมีผลต่อเสถียรภาพของเศรษฐกิจและการค้าโลกได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อทุกประเทศ แต่ทั้งนี้ยังไม่มีผลกระทบต่อไทยโดยตรง เพราะสหรัฐเองไม่ได้มีมาตรการกีดกันทางการค้าโดยตรงต่อไทย และมีความสัมพันธ์ทางการค้าที่ดีระหว่างกันอยู่ แต่อาจจะได้รับผลกระทบทางอ้อม เพราะมีรายการสินค้าส่งออกอยู่ในกลุ่มเดียวกับที่สหรัฐมีมาตรการกีดกันกับประเทศคู่ค้าบางประเทศ เช่น โซลาร์เซล เครื่องซักผ้า เหล็กอะลูมิเนียม เป็นต้น

สำหรับการส่งออกในปี 2561 คาดว่าจะขยายตัวได้ดีและมีการกระจายตัวมากขึ้น ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง แม้ในระยะสั้นอาจต้องเผชิญความผันผวนจากมาตรการการค้าระหว่างประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังมีพื้นฐานการขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ดี ประกอบกับอัตราการว่างงานที่มีแนวโน้มลดลงจะช่วยส่งเสริมการใช้จ่ายของประชาชนในอนาคต กลุ่มประเทศยูโรโซน มีแนวโน้มขยายตัวได้ในเกณฑ์ดี โดยเฉพาะตลาดแรงงานที่มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เศรษฐกิจจีน แนวโน้มยังไปได้ดีโดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคภายในประเทศและการส่งออกที่ขยายตัวสูง โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มรถยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ส่งผลดีต่อการส่งออกไทย

web-01-ad

ขณะที่ทิศทางราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับตัวลดลงเล็กน้อยโดยตลาดคาดการณ์ว่ากลุ่มผู้ผลิตน้ำมันอาจพิจารณาปรับเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อชดเชยอุปทานน้ำมันที่ลดลง อีกทั้งปริมาณน้ำมันของสหรัฐฯ ก็มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ความต้องการใช้น้ำมันยังเติบโตอย่างต่อเนื่องตามการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก จะเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาน้ำมันให้สูงขึ้นในระยะยาว ซึ่งจะส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรและสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นตาม สถานการณ์ค่าเงินบาทที่เริ่มอ่อนค่าลงเป็นโอกาสดีต่อผู้ส่งออกในการเร่งผลักดันส่งออกสินค้าและทำให้รายได้การส่งออกในรูปเงินบาทสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ส่งออกจำเป็นต้องเฝ้าระวังสถานการณ์และทำประกันความเสี่ยง เพื่อรองรับความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยนและสถานการณ์การค้าที่อาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

“วันที่26 มิ.ย.นี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์จะเชิญผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยานยนต์ เหล็ก และอิเล็กทรอนิกส์เข้าหารือถึงผลกระทบทางการค้า รวมถึงสภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้า สมาคมธนาคารไทยและหน่วยงาน-ภาครัฐที่เกี่ยวข้องเข้าหารือ ก่อนที่จะเดินทางไปเยือนสหรัฐเพื่อไปดูสินค้าเกษตร ส่วนจะมีประเด็นเข้าชี้แจงกับสหรัฐหรือไม่นั้นยังไม่สามารถเปิดเผยได้”

e-book-1-503x62