"พิเชษฐ์" สอบสหกรณ์ "จัดซื้อจัดจ้าง" ไทยนิยม ไม่พบทุจริต ฟุ้งช่วยรัฐเซฟงบ กว่า 57 ล้าน

20 มิ.ย. 2561 | 13:10 น.
กรมส่งเสริมสหกรณ์ ยืนยันสอบไม่พบการทุจริต ยังสั่งกำชับสหกรณ์จังหวัดติดตามการใช้งบ “ไทยนิยม ยั่งยืน” ทุกขั้นตอนรอบคอบคาดว่าจะช่วยรัฐประหยัด 57 ล้านบาท

นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีนโยบายในการสนับสนุนสหกรณ์การเกษตรดำเนินการจัดเก็บชะลอและแปรรูปผลผลิตการเกษตรและจัดสรรงบกลางปี ภายใต้โครงการไทยนิยมยั่งยืน

ตั้งแต่เริ่มดำเนินโครงการ กรมฯได้ประชุมทางไกลเพื่อชี้แจงไปยังสหกรณ์การเกษตรทั่วประเทศที่สนใจจะเข้าร่วมโครงการ เพื่อให้สหกรณ์เสนอขอรับงบประมาณสนับสนุน โดยกรมฯมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาคัดเลือกต้องเป็นสหกรณ์ที่ผ่านมาตรฐานและมีความเข้มแข็งอยู่ในระดับ 1-2 เป็นสหกรณ์ที่ไม่มีการทุจริต

หรือมีข้อบกพร่อง และมีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจนั้นมาไม่น้อยกว่า 3 ปี เนื่องจากต้องการเพิ่มศักยภาพให้กับสหกรณ์ที่ดำเนินการอยู่แล้วให้สามารถขยายปริมาณการรองรับผลผลิตการเกษตรจากสมาชิกได้มากขึ้น โดยให้สหกรณ์ทำโครงการเพื่อเสนอของบประมาณเข้ามา

[caption id="attachment_291722" align="aligncenter" width="503"] พิเชษฐ์ วิริยะพาหะ พิเชษฐ์ วิริยะพาหะ[/caption]

พร้อมรายละเอียดคุณลักษณะอุปกรณ์การตลาดและใบเสนอราคา ไม่น้อยกว่า 3 บริษัท เพื่อใช้สำหรับการเปรียบเทียบราคาและเลือกราคาต่ำสุดเสนอของบประมาณสนับสนุน โดยกรมฯได้ตั้งคณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองตั้งแต่ในระดับจังหวัดก่อนจะส่งเข้ามายังส่วนกลางได้พิจารณาอีกชั้นหนึ่ง เพื่อคัดกรอง

โดยคำนึงถึงความต้องการของสหกรณ์และความเหมาะสมเป็นหลัก และต้องการกระจายให้สหกรณ์ในพื้นที่ต่าง ๆ อย่างทั่วถึง

ทั้งนี้ โครงการไทยนิยมยั่งยืน รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณอุดหนุนเพื่อเสริมศักยภาพการรวบรวมและแปรรูปผลผลิตการเกษตร วงเงิน 1,791.5341 ล้านบาท อุดหนุนสหกรณ์การเกษตร 307 สหกรณ์ในพื้นที่ 67 จังหวัด ประกอบด้วย 1.โครงการจัดเก็บพืชผลทางการเกษตร หรือโครงการแก้มลิง วงเงิน 1,017 ล้านบาท ให้สหกรณ์ 146 แห่ง สร้างฉางโกดัง ลานตาก เพื่อเก็บชะลอผลผลิตข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลังเพิ่มขึ้น 715,000 ตัน เกษตรกรได้รับประโยชน์ 250,000 ราย มีรายได้เพิ่มขึ้นตันละ 200 – 500 บาท.

2.โครงการรวบรวมและแปรรูปยางพารา วงเงิน 340.429 ล้านบาท ให้สหกรณ์ 62 แห่งเก็บชะลอและแปรรูปผลผลิตยางพารา 150,000 ตัน เกษตรกรได้รับประโยชน์ 42,000 ราย มีรายได้เพิ่มขึ้น รายละ 1,190 บาท 3.โครงการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร วงเงิน 410.91 ล้านบาท ให้สหกรณ์ 99 แห่ง สร้างอุปกรณ์แปรรูปและตรวจสอบคุณภาพผลผลิต เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ได้แก่ โรงสีข้าว ห้องเย็น เครื่องชั่ง เครื่องคัดเกรด อาคารแปรรูป ให้กับสินค้าเกษตร 9 ชนิด

ได้แก่ ข้าว ผัก/ผลไม้ สมุนไพร ปาล์มน้ำมัน กาแฟ โคนม ประมง ปศุสัตว์ และมันสำปะหลัง จำนวน 56,000 ตัน เกษตรกรได้รับประโยชน์ 300,000 ราย ช่วยเพิ่มปริมาณธุรกิจสหกรณ์เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 3% และ4.โครงการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพเพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของเกษตรกร วงเงิน 22.2789 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมการประกอบอาชีพให้กับชาวบ้านที่ได้รับการจัดสรรที่ดินไม่น้อยกว่า 10,320 ราย

ขณะนี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้จัดสรรงบประมาณให้สหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการแล้ว ซึ่งสหกรณ์ต้องสมทบเพิ่มเติมอีกไม่น้อยกว่า 10 % ของงบประมาณที่ได้รับ ขณะนี้สหกรณ์อยู่ในขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งดำเนินการโดยคณะกรรมการดำเนินการของสหกรณ์เอง และได้บริษัทผู้รับจ้างแล้วจำนวน 278 แห่ง ยังอยู่ระหว่างการจัดหาผู้รับจ้างอีก 36 แห่ง

โดยจะเร่ง ให้แล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน นี้ ซึ่งกรมฯได้กำชับให้ทุกจังหวัดส่งเจ้าหน้าที่ลงไปติดตามดูขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างและการก่อสร้างอุปกรณ์การตลาดเป็นรายสหกรณ์ว่าถูกต้องตามแบบหรือไม่ และต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบรัดกุมและคำนึงถึงประโยชน์ความคุ้มค่าเป็นสำคัญ
“สหกรณ์จะต้องยึดระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างที่นายทะเบียนสหกรณ์แนะนำให้ถือใช้ โดยอ้างอิงจากระเบียบของทางราชการ และทุกขั้นตอนจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการเข้าร่วมพิจารณา เริ่มตั้งแต่การกำหนดราคากลาง สหกรณ์จะต้องจัดหาผู้มีความรู้เฉพาะด้านนั้นมาร่วมเป็นคณะกรรมการกำหนดราคา”

เช่น ช่างโยธา ที่มีความรู้ด้านการก่อสร้าง หรือช่างเทคนิคที่มีความรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือที่สหกรณ์จะจัดซื้อ ส่วนการจัดซื้อครุภัณฑ์ทั่ว ๆ ไป จะมีการรับซองประกวดราคา การพิจารณาผลการจัดซื้อจัดจ้าง และการตรวจรับพัสดุ จะมีภาคประชาชนเข้ามาร่วมในทุกขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งการพิจารณาคัดเลือกผู้เสนอราคา จะพิจารณาจากคุณลักษณะของอุปกรณ์เครื่องมือตามที่กำหนดในประกาศ และเป็นการประกวดแข่งขันราคากันอย่างเปิดเผย

"แต่ละสหกรณ์ก็ต้องทำตามแบบที่เสนอขอมา ว่าสิ่งก่อสร้างแบบไหน ครุภัณฑ์แบบไหนที่จำเป็นต้องใช้ เช่น รถโฟล์คลิฟ รถตัก แม้ว่าจะสามารถยกของได้ในปริมาณ 2 ตันเท่ากัน แต่อาจจะราคาต่างกัน เนื่องจากคุณสมบัติและสมรรถนะในการ ใช้งานของรถไม่เท่ากัน"

เช่น สามารถยกได้สูงกว่าและยาวกว่า เครื่องยนต์มีความแรง 2,000 ซีซี หรือ 3,000 ซีซี สหกรณ์จะเป็นผู้กำหนดคุณลักษณะของเครื่องมือและอุปกรณ์ เพื่อดำเนินการประกวดราคาจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งกรมฯได้กำหนดว่าจะต้องมีสมาชิกสหกรณ์เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการด้วยอย่างน้อย 1 คน เพื่อตรวจสอบทุกขั้นตอนให้เกิดความโปร่งใส

"มั่นใจว่าสหกรณ์ดำเนินการอย่างเปิดเผย ซึ่งผลการจัดซื้อจัดจ้างขณะนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและไม่พบว่ามีการกระทำผิดระเบียบ ซึ่งการแข่งขันราคา ส่วนใหญ่สหกรณ์จะจัดซื้ออุปกรณ์และเครื่องมือได้ในราคาที่ต่ำกว่างบประมาณที่ขอไป สามารถประหยัดงบประมาณลง 57.499 ล้านบาท ซึ่งแสดงว่ากระบวนการจัดซื้อจัดจ้างเกิดการแข่งขันอย่างมีอิสระ ไม่การล๊อคสเปค"

กรมฯได้วางระบบการกำกับติดตามการดำเนินโครงการนี้ไว้อย่างเข้มข้นรัดกุม เพื่อป้องกันปัญหาเรื่องทุจริต และหากตรวจพบในภายหลังว่าสหกรณ์ใดมีการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้าง จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดทันที” อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม กรมฯได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจและติดตามนโยบายไทยนิยมยั่งยืน ซึ่งมีรองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์เป็นประธานในการติดตามความก้าวหน้าอย่างใกล้ชิด มีคณะทำงานกำกับติดตามงานในระดับจังหวัดที่มีผู้ตรวจราชการกรมฯ ทำหน้าที่เป็นประธานคณะทำงานในเขตจังหวัดที่รับผิดชอบ

มีคณะทำงานประกอบด้วยสหกรณ์จังหวัด ผู้อำนวยการกลุ่มพัฒนาธุรกิจ ผู้อำนวยการกลุ่มพัฒนาระบบบริหารจัดการ และตัวแทนภาคประชาชนในจังหวัดนั้นเข้าร่วมอย่างน้อย 2-3 คน เพื่อติดตามและกำกับให้การดำเนินโครงการเป็นไปด้วยความโปร่งใส ภายใต้ “ความถูกต้อง เป็นธรรม ได้ประโยชน์” ซึ่งคาดว่าการก่อสร้างอุปกรณ์การตลาดและเครื่องมือแปรรูปผลผลิตการเกษตร กำหนดให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2561 เพื่อรองรับฤดูกาลผลิตทันในต้นปี 2562 เป็นต้นไป