จบลงไปแล้วอย่างชื่นมื่นด้วยกันทุกฝ่ายสำหรับการประชุม Singapore Summit ที่ทั้ง Kim Jong-un ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ก็ได้รับสิ่งที่ตนเองต้องการ นั่นคือ การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการกับสหรัฐฯ ซึ่งจะนำไปสู่การผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ อันจะส่งผลให้เกิดการลดแรงกดดันภายในที่อาจจะเกิดขึ้น จากการที่ประชาชนเกาหลีเหนืออดอยากปากแห้ง จนออกมาโค่นล้มรัฐบาลระบอบคิม และยังสามารถลดแรงกดดันจากภายนอกเป็นของแถมได้ด้วย เพราะ Trump ได้ลงนามในบันทึกการประชุมเพื่อรับรองคำพูดที่ว่า "President Trump committed to provide security guarantees to the DPRK" ซึ่งเป็นการรับประกันว่า ระบอบคิมจะไม่พบจุดจบแบบซัดดัมและกัดดาฟี
ในขณะที่ Donald Trump เอง ก็สามารถประกาศชัยชนะได้ว่า เขาคือ สุดยอดแห่งการดีล เขาคือ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนแรก ที่สามารถจัดการให้ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ยอมประกาศว่า "Chairman Kim Jong-un reaffirmed his firm and unwavering commitment to complete denuclearization of the Korean Peninsula." นั่นคือ การยุติการพัฒนานิวเคลียร์ของเกาหลีเหนืออย่างสมบูรณ์
ถ้าพิจารณาเฉพาะผลการเจรจา เราอาจจะพูดได้ว่า ทั้ง 2 ฝ่าย ต่างก็เป็นผู้ชนะ แต่ถ้าติดตามการถ่ายทอดสดอย่างใกล้ชิด ในระหว่างผู้ชนะทั้ง 2 ผู้นำคิมมีความชนะในระดับที่สูงกว่าครับ เพราะตลอดการแถลงข่าวการประชุมครั้งประวัติศาสตร์นี้ Trump อยู่ในท่าทางที่ลุกลน ตื่นเต้น ละล่ำละลักกับชัยชนะ คำแถลงของ Trump เกิดขึ้นในลักษณะที่ลุกลี้ลุกลน ไม่มี Vocabulary มากมายนัก สิ่งที่ Trump พูดซ้ำแล้วซ้ำอีก ทำนอง Very Worthy , Very Talented man , Very Smart Negotiator , Very Proud , Very Special Bond , Very Important , Very Honored , Very Quick , Very Very Quickly , Very Happy. Great , Terrific , Excellent
ในขณะที่ ท่านผู้นำสูงสุด 'คิม' แม้จะอ้วนและเตี้ย และเด็ก ๆ แต่ดูรวม ๆ แล้ว มีเสน่ห์กว่ามาก เขายืนด้วยตัวตรง พูดเสียงห้าวต่ำ ด้วยคำพูดที่เหมาะสมมากกว่าสำหรับเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ในครั้งนี้ ว่า Today we had a very historic meeting. We decided to leave the past behind and sign a historic document. The world will see a major change. I would like to express my gratitude to President Trump to make this meeting happen. คือ เทียบฟอร์มกันแล้ว งานนี้ถือว่า Kim ชนะครับ
ส่วนคนที่ไม่ต้องเข้าร่วมประชุมวันนี้ แต่ทำงานหนักมาโดยตลอด คือ ประธานาธิบดี Moon Jae-in และชาวเกาหลีใต้ พวกเขาก็ชนะครับ เกาหลีใต้วางแผนและเตรียมพร้อมที่จะเดินหน้าสร้างระเบียงเศรษฐกิจอีก 2 ระเบียงใหญ่ ตามที่วางแผนไว้ในปฏิญญาปันมุนจอม ทั้งการเชื่อมโยงถนน รางรถไฟ ท่าเรือ และนิคมอุตสาหกรรมและเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยพวกเขาเรียกระเบียงเศรษฐกิจนี้ว่า Pan Yellow Sea Economic Belt , Pan East Sea Economic Belt และการเชื่อมโยงระบบรางอีก 3 เส้นทาง ที่จะเชื่อมจีน เกาหลี และรัสเซียเข้าด้วยกัน