“พระราชพิธีบรมราชาภิเษก” ต้องมีก่อน “เลือกตั้ง”

19 มิ.ย. 2561 | 12:03 น.
“พระราชพิธีบรมราชาภิเษก” ประยุทธ์ยันต้องมีก่อน “เลือกตั้ง” อ้างไม่รู้เรื่อง “สามมิตร” เดินเครื่องดูด “อดีตส.ส.” ร่วมสังกัด

- 19 มิ.ย. 61 - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. กล่าวภายหลังการประชุม ครม. ถึงการเดินทางเยือนสหราชอาณาจักร และสาธารณรัฐฝรั่งเศสระหว่างวันที่ 20-26 มิ.ย. นี้ ว่า เป็นไปตามการปรับมติของสหภาพยุโรป (อียู) ที่ปรับฟื้นความสัมพันธ์ที่ดีกับไทย โดยมีการยกระดับความสัมพันธ์มากขึ้นกว่าเดิม แม้จะไม่ 100% ก็ตามโดยเฉพาะประเด็นเศรษฐกิจการค้า การลงทุน ซึ่งวันนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญของโลกและทุกประเทศประชาคมโลก

ส่วนเรื่องอื่นๆ คงไม่ไปหารือในระดับนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการส่งผู้ร้ายข้ามแดน นายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นเรื่องของหน่วยราชการ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งประสานงานอยู่แล้ว

เมื่อถามถึงความเคลื่อนไหวการนัดลงชื่อ ชุมนุมต่อต้านการเดินทางเยือนสหราชอาณาจักรและสาธารณรัฐฝรั่งเศสของ พล.อ.ประยุทธ์ ในครั้งนี้ tu19-6

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ก็เป็นสิทธิของพวกเขา แต่ในต่างประเทศคิดว่าก็มีกฎหมาย ในการดูแลผมอยู่แล้ว คงไม่ไปตระหนกอะไรในเรื่องดังกล่าว”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอเวลาในการเตรียมตัวเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่ต่างประเทศ ซึ่งมีการเตรียมตัวมาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว มีการประชุมเรื่องใหญ่ๆ ทุกวัน ขอให้ตนเดินทางไปด้วยความสุข เพราะตนต้องไปทำความเข้าใจกับพวกเขาหลายเรื่องด้วยกัน โดยเฉพาะการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ

“ส่วนเรื่องการทำสัญญาซื้อขายดาวเทียมทีออส 2 นั้น การทำข้อตกลงต่างๆ เป็นเรื่องตามขั้นตอนระบบราชการ เรื่องการจัดซื้อจัดหา ผมคงไปซื้อกับใครไม่ได้ ถ้าไม่ได้ผ่านขั้นตอน ถ้าไม่ได้ความร่วมมือที่จะต้องทำตามขั้นตอนของกฎหมายและต้องผ่าน ครม. ทั้งหมด ไม่สามารถที่จะไปตกลงปากเปล่ากับใครได้ รู้ดีในเรื่องข้อกฎหมาย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า การเดินทางเยือนสองประเทศในครั้งนี้ จะชี้แจงโรดแมปเลือกตั้งด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ต้องชี้แจงอยู่แล้ว โดยจะชี้แจงว่าทุกอย่างเป็นไปตามโรดแมปของการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายที่ต้องรอการโปรดเกล้าฯ ลงมา ซึ่งในช่วงที่ไม่อยู่ได้มอบหมายให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ประชุมชี้แจงขั้นต้นไปก่อนเพื่อรับฟังปัญหา จะแสวงหาวิธีการปลดล็อก คลายล็อกอะไรก็ว่ากัน govhouse-10

เมื่อถามว่า จะอธิบายถึงปรากฏการณ์เดินสายของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มวังน้ำยม และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตเลขาธิการพรรคไทยรักไทย ภายใต้ชื่อกลุ่มสามมิตร เพื่อทาบทามอดีต ส.ส.เข้าพรรคประชารัฐ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กรณีนักการเมืองออกมาพูดจาสนับสนุนการเดินสายเข้าร่วมพรรคพลังประชารัฐ อันนี้เป็นเรื่องของการเมือง ทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่าการเมืองมีการเคลื่อนไหวหลายอย่างด้วยกัน หลายพรรคการเมืองก็เคลื่อนไหว ตนยังไม่มีส่วนเกี่ยวข้องตรงนี้เลย ฉะนั้น เป็นเรื่องของพรรคการเมืองต่อพรรคการเมือง นักการเมืองก็ว่ากันไป

เมื่อถามว่า วันนัดหารือพรรคการเมืองเป็นวันที่เท่าไหร่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอให้รอฟัง พวกเขาจะแจ้ง เมื่อถามว่า จะเป็นช่วงที่ไม่อยู่ประเทศไทยใช่หรือไม่

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “คิดว่าไม่อยู่ คงกลับมาไม่ทัน โอเคนะจ๊ะ ขอให้บ้านเมืองสงบสุข สิ่งสำคัญที่สุดทุกคนต้องอย่าลืม อย่าเอาผมมาเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง มันคนละเรื่องกัน สิ่งสำคัญที่สุดที่ คสช.กำลังพิจารณาอยู่คือ การเตรียมการไปสู่พระราชพิธีบรมราชาภิเษก อย่าลืมนะ คนไทยทุกคน นั่นคือเรื่องสำคัญอีกหนึ่งเรื่อง ฉะนั้น อย่าหาว่าผมเอาเรื่องนี้มาอ้างทางนี้ มันคนละเรื่อง เรื่องนี้ผมต้องการให้ประเทศชาติสงบ มีเสถียรภาพและมีผลต่อการลงทุนในช่วงเวลานี้ เรื่องการเลือกตั้งเราก็เดินของเราไป ให้เป็นไปตามครรลองประชาธิปไตย ผมก็ไม่เห็นจะมีความขัดแย้งอะไรกัน อย่าลืมนะ”

เมื่อถามว่า การเลือกตั้งจะมีขึ้นก่อนหรือหลังพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “หลังอยู่แล้ว” pawit

ด้าน พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนกรณีที่จะเชิญนักการเมืองมาร่วมพูดคุยช่วงปลายเดือนนี้ว่า การหารือจะเชิญทุกพรรคที่จดทะเบียนกับ กกต. เรียบร้อยแล้ว และจะลงสมัครรับเลือกตั้ง ทั้งพรรคการเมืองเก่า และพรรคการเมืองใหม่ โดยจะให้คนที่อยากฟังมาร่วมพูดคุยเบื้องต้นไม่ได้จำกัดจำนวน อาจจะ 2-3 คนก็ได้ แต่ก็ไม่ใช่ยกมาเป็นโขยง ซึ่งจะคุยเฉพาะเรื่องที่เป็นปัญหา พร้อมกับรับฟังข้อเสนอแนะของพรรคการเมือง ตนจะจัดการเอง

“ขณะนี้ยังไม่ได้เชิญใครเลย แต่ดำเนินการทันแน่นอน ส่วนเรื่องวัน เวลา และสถานที่จะจัดการเอง เพราะอยู่ในหัวตนอยู่แล้ว และในการหารือจะไม่ให้มีการไลฟ์สด ไม่ให้มีเครื่องมือสื่อสาร และเวทีดังกล่าวจะเปิดให้เฉพาะพรรคการเมือง ไม่เปิดให้สื่อร่วมรับฟัง” พล.อ.ประวิตร ระบุ

เมื่อถามว่า จะเตรียมรับมือกับการพูดคุยอย่างไร เพราะนักการเมืองแต่ละพรรคก็มีสไตล์ที่แตกต่างกัน พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การพูดคุยไม่ได้ให้มาวิจารณ์ และการประชุมก็ใช้เวลาไม่นาน แต่ขึ้นอยู่กับความต้องการของพรรคการเมืองว่ามีอะไรบ้าง อะไรที่ตอบได้จะตอบ ส่วนอะไรที่ตอบไม่ได้ก็ต้องมาหารือ

เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะใช้อำนาจตามมาตรา 44 ออกคำสั่ง คสช. เพื่อยกเลือกการทำไพรมารีโหวต พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ก็เป็นไปได้” e-book-1-503x62-7

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวถึงกระแสข่าวที่มีอดีตส.ส.ออกมาสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปหลังการเลือกตั้ง เเละเรื่องนี้จะมีผลต่อการตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่ว่า

“ไม่รู้ เพราะไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องถาม พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะพี่ก็เป็นเพียงพี่ และไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องไปเตือนเพราะนายกฯไม่ได้ทำอะไรผิด ท่านทำงานอย่างเดียว 4 ปีที่ทำงานมา ทำตามกฎหมาย และระเบียบข้อบังคับตลอด ไม่มีเรื่องอะไรเลย แล้วจะต้องไปกลัวอะไร เรื่องอะไรที่บิดเบือนก็ว่ากันไป”

เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าหาก พล.อ.ประยุทธ์ เข้าสู่วงการาการเมืองเต็มตัวจริงๆจะถูกโจมตีมากขึ้น พล.อ.ประวิตร กล่าวย้อนว่า “ใครกังวล ผมยังไม่เจอ ยังไม่รู้ อย่าไปถ้า หรือเผื่อ”

เมื่อถามถึงพรรคพลังประชารัฐที่กำลังมาแรง และมีอดีตส.ส.จากพรรคต่างๆสนใจเข้าไปร่วมจำนวนมาก พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ไม่รู้ ต้องถามพรรคพลังประชารัฐ ผมไม่ใช่พรรคดังกล่าว”

ส่วนกรณีที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ในฐานะแกนนำกลุ่มสามมิตร เดินสายพบนักการเมืองกลุ่มต่างๆนั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ต้องไปถามเขา มาถามผมก็ตอบไม่ได้เพราะไม่รู้ ที่รู้เขาไปเยี่ยมกันไม่ใช่หรือ แล้วไปคุยกันเรื่องอะไร ถ้าทำอะไรขัดกฎหมายก็จับ แล้วถามว่าการไปเยี่ยมเยียนกันขัดกฎหมายหรือไม่ ถ้าขัดก็จับ”

เมื่อถามว่า อดีต ส.ส. สนใจมาร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ เพราะมีเงื่อนไขโดยการแลกเปลี่ยนในเรื่องคดีความใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ไม่รู้ ต้องไปถามพรรคพลังประชารัฐ แล้วที่บอกว่า คสช. ดูด ผมก็เป็น คสช. ถามว่าไปดูดใคร ใครจะวิจารณ์ก็วิจารณ์ไป สิ่งที่ออกทางโซเชียลก็บิดเบือนตลอด แล้วสื่อเอาข้อบิดเบือนมาถามทำไม สื่อจะเข้าใจอย่างไรก็เข้าใจไป ไม่ต้องมาตรงกับผม” austama

ส่วนนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวถึงการจัดตั้งพรรคพลังประชารัฐ ภายหลังกลุ่มสามมิตร เดินสายพูดคุยกับบรรดานักการเมืองกลุ่มต่างๆ ว่า ในส่วนของตนนั้นยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ และเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ตนเองก็อยู่ที่ กทม. ไม่ได้อยู่ที่จังหวัดเลยกับกลุ่มดังกล่าวที่มีข่าวปรากฏออกมา จึงไม่ได้ไปร่วมพบใคร และยังไม่ได้คุยกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ถึงการเตรียมตั้งพรรคการเมืองแต่อย่างใด

“ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามีนักการเมืองจำนวนมาก สนใจเข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐนั้น ส่วนตัวก็ได้ทราบจากทางข่าวที่เสนอของสื่อมวลชน แต่ยังไม่ได้พูดคุยกับใคร” นายอุตตม ระบุ

นายอุตตม กล่าวว่า นักการเมืองบางคน ตนก็มีความรู้จักกันอยู่ ส่วนในอนาคตจะทำงานร่วมกันหรือไม่นั้น ต้องดูก่อน ว่าเป็นการทำงานในลักษณะใด เมื่อถามว่า หากได้นักการเมืองมาร่วมทำงานด้วยจะถือว่าเป็นประโยชน์หรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า คงต้องดูเป็นเรื่องๆ ไปเพราะแต่ละคนก็มีความชำนาญในงานที่ไม่เหมือนกัน แต่ตอนนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน