อคส. ขาดทุน 172 ล้านบาท! ยอมรับศักยภาพด้อย ไม่เทียบชั้นเอกชน พร้อมปรับตัวพัฒนา "อีคอมเมิร์ซ ปาร์ค"

18 มิ.ย. 2561 | 15:15 น.
อคส. ขาดทุน 172 ล้านบาท ยอมรับศักยภาพด้อยไม่เทียบชั้นเอกชน พร้อมปรับตัวพัฒนาพื้นที่ "อีคอมเมิร์ซ ปาร์ค" หารายได้ ขณะที่ เดินหน้าพิจารณาคืนหลักประกันสัญญาในโครงการแทรกแซงราคาสินค้าเกษตร ทั้งข้าวและมัน มูลค่ารวมกว่า 7,729 ล้านบาท

นายดิเรก ดีประเสริฐ รองประธานกรรมการองค์การคลังสินค้า (อคส.) กล่าวว่า ในการดำเนินงานของ อคส. ในภาพรวมยังถือว่า ประสบภาวะขาดทุน โดยในปีงบประมาณ 2560 ขาดทุน 172 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งเป็นการขาดทุนที่เกิดจากต้นทุนการขายและบริการที่สูงขึ้น เนื่องจากความสามารถและศักยภาพขององค์กรยังไม่เท่าเทียมกับภาคเอกชนในสายธุรกิจเดียวกัน ซึ่ง อคส. อยู่ระหว่างการปรับตัวเพื่อพัฒนาองค์กร เช่น การร่วมมือกับ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และบริษัท สยามเอ้าท์เลต จำกัด ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อพัฒนาพื้นที่คลังสินค้าราษฎร์บูรณะของ อคส. เป็นเขตอุตสาหกรรมพาณิชย์อิเล็กทรอกนิกส์ "อีคอมเมริ์ซ ปาร์ค" เพื่อรองรับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งจะทำให้เป็นช่องทางการสร้างรายได้ที่มากขึ้นและเป็นการลดต้นทุนด้านการจัดการได้มากขึ้น

ส่วนการที่มีข่าวออกมาระบุว่า อคส. ขาดทุนกว่า 9,000 ล้านบาทนั้น เป็นการนำตัวเลขจากการดำเนินการในโครงการแทรกแซงราคาสินค้าเกษตร เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาสินค้าไว้ไม่ให้เกษตรกรต้องได้รับผลกระทบในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ตัวเลขดูสูงเกินความเป็นจริง และการดำเนินนโยบายเพื่อแทรกแซงราคาสินค้าเกษตร ทำให้ อคส. ไม่สามารถบริหารจัดการได้เองในทุกกระบวนการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการระบายสินค้าเกษตร ซึ่งต้องได้รับมติจากคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องเสียก่อนจึงจะดำเนินการได้ องค์การคลังสินค้าจึงเป็นแต่เพียงผู้เก็บรักษาสินค้าเกษตร และเป็นคู่สัญญาปฏิบัติกับเอกชนในการเก็บรักษา การจำหน่าย การแปรสภาพสินค้าเกษตร ทำให้งบดุลแสดงฐานะการเงินขององค์การคลังสินค้าเมื่อพิจารณารวมกับโครงการช่วยเหลือเกษตรกรจึงมีผลการดำเนินการด้านการเงินขาดทุนต่อเนื่องมาทุกปี

"ในปีงบประมาณรายจ่ายที่ผ่านมา องค์การคลังสินค้าแม้จะมีตัวเลขการขาดทุนตามรายงานงบดุลอยู่ที่ 172,896,554.10 บาท แต่ถ้าพิจารณาจากรายงานงบดุลทั้งฉบับจะเห็นได้ว่าองค์การคลังสินค้ามีรายด้านจากการขายข้าว 14,722,721.50 บาท ซึ่งสูงกว่าปีงบประมาณรายจ่าย 2559 ถึง 5,594,135.00 บาท และในภาพรวมของรายได้ในปีงบประมาณรายจ่าย 2560 ตามรายงานงบดุลมีถึง 500,638,429.36 บาท สูงขึ้นจากปีงบประมาณรายจ่าย 2559 ถึง 54,518,427.99 บาท"

ปัจจุบัน อคส. กำลังเร่งแก้ปัญหาให้เกิดความโปร่งใสและความเป็นธรรมนั้น คือ การพิจารณาคืนหลักประกันสัญญาในโครงการแทรกแซงราคาสินค้าเกษตรทั้งข้าวและมันสำปะหลัง ซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 7,729 ล้านบาท มีผู้ประกอบการกว่า 314 ราย ซึ่งบางโครงการเป็นโครงการเก่ามาตั้งแต่ 2551 ยังไม่มีการพิจารณาคืนหลักประกันสัญญาหรือพิจารณาเรียกร้องความเสียหายอย่างใด ๆ กับคู่สัญญาขององค์การคลังสินค้าในโครงการแทรกแซงราคาสินค้าเกษตร

ในการพิจารณาการให้ความเป็นธรรมในการคืนหลักประกันสัญญานั้น องค์การคลังสินค้าได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาเรื่องนี้โดยตรง ซึ่งจะมีความชัดเจนในเดือน ก.ค. นี้ รวมทั้งเป็นหน่วยงานที่เร่งสะสางปัญหาในข้อผูกพันทางแพ่งที่มีอยู่ในสัญญาทุก ๆ ประเภทสัญญาที่ใช้ในโครงการแทรกแซงราคาสินค้าเกษตรเพื่อคืนหลักประกันสัญญาให้แก่ผู้ประกอบการ ลดปัญหาการฟ้องร้องคดีหรือริบหลักประกันสัญญา เพื่อชดใช้ความเสียหายนำส่งคืนแก่รัฐบาล ส่วนที่ได้ฟ้องร้องคดีไปแล้วนั้น ก็ต้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ไม่ว่าจะเป็น การบังคับคดียึดทรัพย์ขายทอดตลาด เพื่อนำเงินมาชดใช้ความเสียหายในโครงการ และเป็นการนำเงินภาษีประชาชนที่ใช้ไปในโครงการต่าง ๆ ตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว กลับมาเพื่อใช้ประโยชน์ในการพัฒนาประเทศในด้านอื่นต่อไป


……………….
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
'อคส.' จับมือ 'สมาคมการค้าส่ง-ปลีกไทย' เพิ่มช่องทางกระจายข้าว
อคส.โชว์แผนรุกปี61 เป้ารายได้2พันล้าน-พลิกกำไร


e-book-1-503x62