ดึงทุนใหญ่หนุนสตาร์ตอัพ500TukTuks2หวังสร้างนักรบเศรษฐกิจพันธุ์ใหม่

23 มิ.ย. 2561 | 09:48 น.
กองทุน 500 TukTuks ดึงกลุ่มธุรกิจใหญ่ ตั้งกองทุนกอง 2 ตั้งเป้าปั่นธุรกิจใหม่ 150 บริษัท สร้างระบบนิเวศแห่งนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่สมบูรณ์แบบ หลังใช้สตาร์ตอัพพลิกระบบเศรษฐกิจไทย

นายกระทิง พูนผล ผู้จัดการกองทุน 500 TukTuks เปิดเผยว่า สตาร์ตอัพในภูมิภาคเอเชียมีการเติบโตสูง ซึ่งจะเห็นการก้าวสู่สตาร์ตอัพระดับยูนิคอร์นของภูมิภาคนี้ โดยแกร็บ มีมูลค่าธุรกิจ 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และล่าสุดโตโยต้า ได้ประกาศลงทุนในแกร็บ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ, บริษัท SEA ของสิงคโปร์ บริษัทแม่ของการีน่า มีมูลค่าธุรกิจ 3,750 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และจดทะเบียนในตลาดสหรัฐฯ  โดยปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของสตาร์ตอัพในภูมิภาคอาเซียนมาจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจ, การเติบโตของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตที่สูงสุดในโลก จากจำนวนผู้ใช้ 260 ล้านคนปัจจุบัน จะเพิ่มเป็น 480 ล้านคนในปี 2563 นอกจากนี้ยังเป็นผลมาจากการขยายตัวของคนชั้นกลาง

[caption id="attachment_290182" align="alignright" width="210"] กระทิง พูนผล กระทิง พูนผล[/caption]

ส่วนวงการสตาร์ตอัพของไทย หลายรายมีศักยภาพ แต่ส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนลงทุนประมาณ 1-10 ล้านบาท  โดยมีสัดส่วนราว 80% ทำให้เป็นปัญหาคอขวด ไม่สามารถเติบโตต่อไปได้  ส่วนสตาร์ตอัพที่มีการลงทุนระดับ 10-100 ล้านบาท มีสัดส่วนเพียง 15% ซึ่งหากเราสามารถเพิ่มสัดส่วนของสตาร์ตอัพ ที่มีมูลค่าการลงทุนเกิน 100 ล้านบาทขึ้นมามากขึ้นเชื่อว่าเงินลงทุนจะหลั่งไหลเข้ามาในไทยมากขึ้นอย่างแน่นอน  ขณะเดียวกันสตาร์ตอัพไทย ยังประสบปัญหาด้านการทำงานของระบบราชการ ที่เป็นอุปสรรคเอื้อต่อการเติบโต และการดำเนินธุรกิจ ทั้งที่นโยบายการสนับสนุนภาครัฐดี

โดยล่าสุดได้จัดตั้งกองทุน  500 TukTuks II  หรือ 500 TukTuks กอง 2 ขึ้นมา โดยกองทุนดังกล่าวนั้นมีกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ของไทยเข้ามาร่วมลงทุน อาทิ กลุ่มเซ็นทรัล, กลุ่มธุรกิจ TCP, บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน), บริษัท วัชรพล จำกัด ในเครือหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ และบริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด นอกจากนี้กองทุนดังกล่าวยังได้รับความสนใจจากนักลงทุนอีกเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวตั้งเป้าลงทุนในสตาร์ตอัพ 150 ราย ทั้งสตาร์ตอัพด้าน Disruptive Digitalในไทยและเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งสตาร์ตอัพเทคโนโลยีเชิงลึกระดับโลก (Deep Tech) ที่จะเข้ามาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อสร้างระบบนิเวศแห่งเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่สมบูรณ์แบบทั้ง Disruptive Digital และเทคโนโลยีเชิงลึก ควบคู่กับการสร้างการทำงานร่วม (Synergy) กับกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ที่เข้ามาลงทุนในกองทุนดังกล่าว

“กองทุนที่ 2 จะเน้นการลงทุนในสตาร์ตอัพเอื้อกับธุรกิจของกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ที่ร่วมลงทุน เพื่อให้สามารถนำสตาร์ตอัพไปต่อยอด ให้เกิดธุรกิจใหม่ๆ ให้กับกลุ่มบริษัทใหญ่  นอกจากนี้กองทุนดังกล่าวยังมุ่งผลักดันให้เกิดสตาร์ตอัพที่มีมูลค่าเกิน 100 ล้านบาท ไม่ตํ่ากว่า 6-7 ราย ใน 5 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันกองแรกมีบริษัทสตาร์ตอัพ ที่มีมูลค่าการลงทุน 100 ล้านบาท เพียง 1 ราย”

นายกระทิง กล่าวต่อไปว่า 10 ปีที่ผ่านมาโอกาสของประเทศไทยสูญหายไป แต่เชื่อว่าใน 10 ปีข้างหน้าจะเปลี่ยนแปลงไป โดยเชื่อว่าไทยมีโอกาสเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ ซึ่งการเข้ามาลงทุนของบริษัทขนาดใหญ่ในสตาร์ตอัพ วันนี้จะสร้างให้เกิดซินเนอร์ยี ผลักดันให้เกิดนักรบพันธุ์ใหม่ และสร้างผู้นำแห่งอนาคตทางด้านธุรกิจขึ้นมา รวมถึงเชื่อว่าการเข้าไปลงทุนในสตาร์ตอัพ ด้านเทคโนโลยีเชิงลึก ทั้งทางด้านเกษตร อาหาร และท่องเที่ยว ที่เป็นจุดแข็งของประเทศไทยจะสร้างระบบนิเวศแห่งเทคโนโลยีและนวัตกรรมให้เกิดขึ้น

 

หน้า 5 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่38 | ฉบับ 3,375 ระหว่างวันที่ 17-20 มิ.ย.61 e-book-1-503x62-7