‘ทีทีเอ’เดินหน้ารุก อาหาร-เครื่องดื่มไทย

20 มิ.ย. 2561 | 07:33 น.
ทีทีเอ มั่นใจธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มเติบโตดี จากกำลังซื้อในประเทศ เดินหน้าทุ่มกว่า 1,000 ล้านบาทขยายสาขาพิซซ่าฮัท 100 แห่งทั่วประเทศ เล็งผนึก “ทาโกเบลล์ เรสเทอรองตส์ เอเชีย พีทีอีแอลทีดี” ปักหมุดร้านทาโกเบลล์ในไทยในไตรมาส 4 นี้

[caption id="attachment_290017" align="alignright" width="282"] เฉลิมชัย มหากิจศิริ เฉลิมชัย มหากิจศิริ[/caption]

นายเฉลิมชัย  มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ทีทีเอ เปิดเผยว่า กลุ่มอาหารและเครื่องดื่มของบริษัทถือเป็นธุรกิจใหม่ ที่มีศักยภาพในการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่องตามฐานประชากรและกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น จึงมองว่าเป็นโอกาสที่ดีในการขยายธุรกิจในอนาคต โดยเฉพาะในเมืองไทยที่แม้จะมีการแข่งขันสูงแต่ก็มีโอกาสเติบโตสูงเช่นกัน โดยเฉพาะในแบรนด์พิซซ่า ฮัท ซึ่งทีทีเอ ได้ร่วมทุนกับ พีเอช แคปปิตอล สัดส่วนถือหุ้น 70% เพื่อลงทุนซื้อแฟรนไชส์ ธุรกิจพิซซ่า ฮัท ในประเทศ ไทย จาก บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย)ฯ

ในช่วงที่ผ่านมาที่มีความแข็งแกร่งด้านแบรนด์อยู่แล้ว ทั้งนี้ แผนการลงทุนระยะ 4 ปี ตั้งเป้าหมายเปิดร้านโมเดลใหม่ครบ 100 แห่งทั่วประเทศ กล่าวคือ เพิ่มจากเดิมที่รับโอนมารอบแรก เมื่อเดือนมิถุนายนปีก่อน จำนวน 92 แห่งเป็น 200 แห่ง คาดว่าใช้ งบลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท โดยในช่วง 5 เดือนแรก ที่ผ่านมา ได้ขยายสาขาเพิ่ม 13 แห่ง ส่วนใหญ่เป็นสาขาในต่างจังหวัด อาทิ อมตะนคร ชลบุรี พันท้าย สมุทร สาคร ท็อปส์ พลาซ่า พะเยา ทวีกิจ  บุรีรัมย์ และสระบุรี เป็นต้น

ทั้งนี้แนวทางนับจากนี้ยังคงเน้นเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจหลัก และมองทุกโอกาสธุรกิจใหม่ๆ ที่มีความมั่นคง เพื่อกระจายความเสี่ยงจากความผันผวนตามวัฏจักรของธุรกิจหลัก เพื่อขยายการลงทุน โดยเฉพาะธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจโลจิสติกส์

นอกจากนี้บริษัทมีแผนจัดตั้งบริษัทย่อย ซึ่งทีทีเอ จะถือหุ้น 70% เพื่อทำสัญญาแฟรนไชส์ บริษัท ทาโกเบลล์ เรสเทอรองตส์ เอเชีย พีทีอีแอลทีดีฯ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ ยัม แบรนด์ส ไอเอ็นซี ที่คาดว่าจะเริ่มประกอบธุรกิจ “ร้านอาหารทาโกเบลล์” ในประเทศ ไทยได้ราวไตรมาส 4 นี้ ทั้งนี้ภาย ใน 5 ปี การลงทุนในธุรกิจร้านอาหาร ทาโกเบลล์ในไทยจำนวน 40 ร้าน คิดเป็นเม็ดเงิน 664 ล้านบาท หรือ เป็นเงินลงทุน 464.8 ล้านบาท ตามสัดส่วนการถือหุ้นของทีทีเอ

web-01-ad

นายเฉลิมชัย กล่าวอีกว่า ภาพรวมเศรษฐกิจและการค้าทั่วโลกในช่วงครึ่งปีหลังจากนี้จะมีการขยายตัวในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลดีต่อภาพรวมธุรกิจของบริษัท ในการสร้างโอกาสทางการเติบโตใหม่ๆ โดยแนวทางการดำเนินธุรกิจในปีนี้จะมุ่งเน้น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ อาหารและเครื่องดื่ม ทรัพยากรนํ้า และโลจิสติกส์ จากปัจจุบันที่รายได้ของกลุ่มขับเคลื่อนโดย 2 ธุรกิจหลัก คือ กลุ่มธุรกิจขนส่งทาง เรือและบริการนอกชายฝั่ง สร้างรายได้ 60-70% ของรายได้รวม

โดยปีนี้บริษัทจะใช้เงินลงทุนราว 1,000-1,500 ล้านบาท เพื่อซื้อกองเรือเข้ามาเสริมจำนวน 3 ลำ โดยได้ดำเนินการซื้อเรือไปแล้ว 2 ลำ และอยู่ระหว่างการพิจารณาซื้ออีก 1 ลำ จากปัจจุบันที่ทีทีเอ เป็นเจ้าของเรือทั้งสิ้น 22 ลำ ขนาดระวางบรรทุกเฉลี่ย 54,706 เดตเวตตัน ซึ่งการเข้ามาของกองเรือใหม่ ทั้ง 3 ลำนี้จะช่วยเสริมประสิทธิภาพเครือข่ายการเดินเรือทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศจีนที่ความต้องการขนส่งทางเรือเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากกลุ่มธุรกิจหลักขนส่งทางเรือ รวมไปถึงการขยายตัวของเศรษฐกิจและธุรกิจจีนเพิ่มสูงขึ้นทำให้การเติบโตของบริษัทเป็นไปด้วยดี

 

หน้า 36 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่38 | ฉบับ 3,375 ระหว่างวันที่ 17-20 มิ.ย.61

e-book-1-503x62-7