5 สิ่งใหม่ที่ต้องรู้ก่อนเปิดตัว "มาสด้า3 โมเดลเชนจ์"
มาสด้า3 ที่ทำตลาดในปัจจุบันเป็นเจเนอเรชันที่ 3 เปิดตัวในเมืองไทยเมื่อ 4 ปีก่อน ซึ่งรถยนต์รุ่นนี้สร้างภาพลักษณ์อันโดดเด่น และทำยอดขายได้ยอดเยี่ยมในฐานะคอมแพ็กต์คาร์เครื่องยนต์ 2.0 ลิตรที่ขายดีสุดในตลาด!!!
ในยุคที่คอมแพ็กต์คาร์ยอดขายทรงตัว เพราะคนไทยมีตัวเลือกในระดับเริ่มต้นอย่างอีโคคาร์และซับคอมแพ็กต์ เหนืออื่นใดด้วยราคาขาย 8 แสน-1 ล้านบาท ยังไปทับกับพวกครอสโอเวอร์หรือเอสยูวีขนาดเล็กที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ
เรียกว่าใครโปรดักต์ไม่แข็งจริง กลุ่มลูกค้าไม่ชัดเจนคงจะแข่งขันในเซ็กเมนต์นี้ยากเพราะโตโยต้า โคโรลล่า อัลติส,ฮอนด้า ซีวิค และมาสด้า3 ต่างจองพื้นที่ไว้เต็มแล้ว
สำหรับ “มาสด้า3” โฉมปัจจุบัน มาพร้อมเทคโนโลยีสกายแอคทีฟทั้งคัน เครื่องยนต์ เกียร์ โครงสร้างตัวถัง ช่วงล่าง และเมืองไทยขายเพียงรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน สกายแอคทีฟ จี 2.0 ลิตร บน 2 ทางเลือกตัวถังคือ แฮตช์แบ็กและซีดาน ราคา 8.57 แสน- 1.149 ล้านบาท
ส่วนโฉมใหม่ เจเนอเรชันที่ 4 เตรียมเปิดตัวให้เห็นในตลาดโลกปลายปีนี้ และมีคิวขายในไทยปีหน้า ซึ่งก่อนจะถึงวันนั้น “ฐานยานยนต์” พาไปหาข้อมูลเชิงลึกของการพัฒนากันก่อน และนี่คือ 5 สิ่งใหม่ที่จะมาพร้อมกับ “มาสด้า3 โมเดลเชนจ์” ปี 2019
1.ขุมพลัง “สกายแอคทีฟ เอ็กซ์” แรงขึ้นประหยัดกว่าเดิม
ช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย เชิญสื่อมวลชนไทยไปสัมผัสเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ เอ็กซ์ (SKYACTIV X) ถึงประเทศญี่ปุ่น พร้อมลองขับรถยนต์ที่วางขุมพลังใหม่นี้ที่สนาม “ไมเน่ พรูฟวิ่งกราวด์” จังหวัดยะมะงุชิ (อยู่ทางตอนใต้ของฮิโรชิมา)
สำหรับเทคโนโลยี “สกายแอคทีฟ เอ็กซ์” คือการพัฒนาเครื่องยนต์เบนซินบล็อกใหม่ ซึ่งในช่วงแรกจะเป็นขนาด 4 สูบ 2.0 ลิตร โดยรุ่นที่ลองที่ญี่ปุ่นมีกำลังสูงถึง 190 แรงม้า (ประกบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด) มาพร้อมระบบไดเร็กต์อินเจ็กชัน ระบบอัดอากาศแบบซูเปอร์ชาร์จ มี EGR วาล์วในการนำไอเสียกลับมาใช้ใหม่ ขณะเดียวกันยังให้กำลังอัดสูงกว่า เครื่องยนต์สกายแอคทีฟ จี ในปัจจุบัน
โดยสกายแอคทีฟ จี ที่มีกำลังอัดสูงถึง 14:1 แต่สำหรับสกายแอคทีฟ เอ็กซ์ คาดว่าจะขยับสัดส่วนเป็น 16:1 นั่นเพราะวิศวกรมาสด้าประสบความสำเร็จในการพัฒนาเครื่องยนต์เบนซินที่ใช้กำลังอัดในการจุดระเบิด (เหมือนเครื่องยนต์ดีเซล)ควบคู่ไปกับการจุดระเบิดด้วยหัวเทียน(เครื่องยนต์เบนซิน) ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
ทั้งนี้ มาสด้าเคลมว่าเครื่องยนต์ สกายแอคทีฟ เอ็กซ์ ที่กำลังอัดสูงมีส่วนผสมของนํ้ามันบางๆ แต่สามารถเผาไหม้ได้หมดจดแบบ “ซูเปอร์ ลีน” ส่งผลให้เครื่องยนต์ใหม่นี้จะประหยัดนํ้ามันกว่า สกายแอคทีฟ จี 20-30% แต่ให้แรงบิดมากกว่า 10-30%
ขุมพลังบล็อกนี้จะถูกใส่ไว้ใต้ฝากระโปรงหน้าของ “มาสด้า3 โฉมใหม่” เป็นโมเดลแรก แต่กระนั้นยังไม่ถอดรุ่นเครื่องยนต์สกายแอคทีฟ จี เดิมออกไปจากไลน์อัพ ซึ่งมาสด้าจะขายทั้ง 2 ขุมพลังนี้ควบคู่กันไปอย่างแน่นอน
2.ไมลด์ไฮบริดจับมอเตอร์ช่วยเครื่องยนต์
มาสด้ายังยืนยันว่า รถที่ใช้เครื่องยนต์ “สกายแอคทีฟ เอ็กซ์” จะต้องมาพร้อมระบบ“ไมลด์ไฮบริด”ด้วย โดยมาสด้าติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าที่ได้รับพลังมาจากแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน ให้ทำหน้าที่ช่วยแบ่งเบาภาระของเครื่องยนต์ในการขับเคลื่อน และยังเป็นเจเนอเรเตอร์ปั่นไฟกลับไปเก็บไว้ในแบตเตอรี่ด้วย
โดยระบบไมลด์ไฮบริด ของมาสด้าจะเป็นไฮบริดแบบพาราเรล เครื่องยนต์ยังทำงานเป็นหลักและมีมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยเสริมการทำงาน ซึ่งมาสด้ายังหวังได้สิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนและภาษีจากรัฐบาลไทย ปัจจุบันกำลังอยู่ในขั้นตอนเจรจา
3.แพลตฟอร์มใหม่แบ่งให้ CX-3 ใช้ด้วย
มาสด้า 3 โฉมใหม่ จะพัฒนาบนแพลตฟอร์มSKYACTIVVEHICLE ARCHITECTUREที่แข็งแกร่งกว่าเดิม และรองรับขุมพลังรูปแบบใหม่ๆ ที่มาสด้า เตรียมทยอยแนะนำเข้าสู่ตลาด ทั้งไมลด์ไฮบริด ปลั๊ก-อินไฮบริด และอีวี
นอกจากนี้ ตัวถังของมาสด้า 3 โฉมใหม่จะมีขนาดใหญ่กว่าเดิมเล็กน้อย การออกแบบภายนอก-ภายใน พร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่ทันสมัย แต่จะไม่ยอมเสียบุคลิกในการขับขี่สไตล์มาสด้า ที่มุ่งเน้นให้คนและรถ เปรียบเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน
SKYACTIVVEHICLE ARCHITECTURE ที่จะถูกประเดิมกับมาสด้า3 เป็นโมเดลแรก มาสด้ายังมีแผนใช้แพลตฟอร์มนี้กับ“ซีเอ็กซ์-3 โฉมใหม่” อีกด้วย ซึ่งขนาดตัวถังของครอสโอเวอร์รุ่นนี้จะต้องใหญ่ขึ้นแน่นอน
4.ช่วงล่างหลังใหม่แบบทอร์ชันบีม
การทดสอบที่สนาม “ไมเน่ พรูฟวิ่งกราวด์” ประเทศญี่ปุ่น ภายใต้ขุมพลังสกายแอคทีฟ เอ็กซ์ ในกระดองมาสด้า3 รุ่นปัจจุบัน แต่มาสด้าถือโอกาสนี้เปลี่ยนโครงสร้างช่วงล่างหลังใหม่ให้เป็นแบบ“ทอร์ชันบีม”
มาสด้ายอมรับว่าจะใช้ระบบกันสะเทือนหลังแบบนี้ในมาสด้า3 โฉมใหม่แทนที่มัลติลิงก์เดิม ซึ่งการทดสอบในสนามสามารถสัมผัสได้ถึงความแตกต่าง ที่บุคลิกจะกระเดียดไปทางกระด้างกว่าโฉมปัจจุบันเล็กน้อย
5.การออกแบบ“โคโดะ”เจน2 และมาสด้า คอนเนกต์เวอร์ชันใหม่
ด้วยรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปทั้งภายนอกภายใน รวมถึงออพชันต่างๆที่ตอบสนองการใช้งานของลูกค้าในยุค Internet of Things มาสด้า3 จะมาพร้อมระบบสื่อสาร “มาสด้า คอนเนกต์ เวอร์ชันใหม่” ส่วนการออกแบบ ด้วยแนวคิด “โคโดะ” (Kodo Design) เจนเนอเรชันที่ 2 อ้างอิงมาจากรถต้นแบบรุ่น “ไค” (KAI) ที่เปิดตัวในงานโตเกียวมอเตอร์โชว์ 2017
โดย “ไค” แปลว่า “ผู้บุกเบิก” มาสด้าเลือกชื่อนี้เพื่อสื่อสารถึงรถเจเนอเรชันใหม่ มาพร้อมการออกแบบที่แสดงถึงความประณีต ภายนอกเห็นถึงสัดส่วนของกล้ามเนื้อ การมีชีวิตที่พลิ้วไหวสะท้อนถึงร่างกายของมนุษย์ และมุ่งรักษาความสัมพันธ์ระหว่างผู้ขับกับรถยนต์
...ทั้งหมดเป็น 5 สิ่งใหม่ ที่จะถูกนำมาประจำการในมาสด้า 3 โมเดลเชนจ์ ที่พร้อมเผยโฉมให้เห็นสู่สายตาชาวโลกปลายปีนี้ส่วนเมืองไทยเจอกันปีหน้า
หน้า32-33 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38ฉบับที่ 3,372 วันที่ 7- 9 มิถุนายน พ.ศ. 2561
ในยุคที่คอมแพ็กต์คาร์ยอดขายทรงตัว เพราะคนไทยมีตัวเลือกในระดับเริ่มต้นอย่างอีโคคาร์และซับคอมแพ็กต์ เหนืออื่นใดด้วยราคาขาย 8 แสน-1 ล้านบาท ยังไปทับกับพวกครอสโอเวอร์หรือเอสยูวีขนาดเล็กที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ
เรียกว่าใครโปรดักต์ไม่แข็งจริง กลุ่มลูกค้าไม่ชัดเจนคงจะแข่งขันในเซ็กเมนต์นี้ยากเพราะโตโยต้า โคโรลล่า อัลติส,ฮอนด้า ซีวิค และมาสด้า3 ต่างจองพื้นที่ไว้เต็มแล้ว
สำหรับ “มาสด้า3” โฉมปัจจุบัน มาพร้อมเทคโนโลยีสกายแอคทีฟทั้งคัน เครื่องยนต์ เกียร์ โครงสร้างตัวถัง ช่วงล่าง และเมืองไทยขายเพียงรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน สกายแอคทีฟ จี 2.0 ลิตร บน 2 ทางเลือกตัวถังคือ แฮตช์แบ็กและซีดาน ราคา 8.57 แสน- 1.149 ล้านบาท
ส่วนโฉมใหม่ เจเนอเรชันที่ 4 เตรียมเปิดตัวให้เห็นในตลาดโลกปลายปีนี้ และมีคิวขายในไทยปีหน้า ซึ่งก่อนจะถึงวันนั้น “ฐานยานยนต์” พาไปหาข้อมูลเชิงลึกของการพัฒนากันก่อน และนี่คือ 5 สิ่งใหม่ที่จะมาพร้อมกับ “มาสด้า3 โมเดลเชนจ์” ปี 2019
1.ขุมพลัง “สกายแอคทีฟ เอ็กซ์” แรงขึ้นประหยัดกว่าเดิม
ช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย เชิญสื่อมวลชนไทยไปสัมผัสเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ เอ็กซ์ (SKYACTIV X) ถึงประเทศญี่ปุ่น พร้อมลองขับรถยนต์ที่วางขุมพลังใหม่นี้ที่สนาม “ไมเน่ พรูฟวิ่งกราวด์” จังหวัดยะมะงุชิ (อยู่ทางตอนใต้ของฮิโรชิมา)
สำหรับเทคโนโลยี “สกายแอคทีฟ เอ็กซ์” คือการพัฒนาเครื่องยนต์เบนซินบล็อกใหม่ ซึ่งในช่วงแรกจะเป็นขนาด 4 สูบ 2.0 ลิตร โดยรุ่นที่ลองที่ญี่ปุ่นมีกำลังสูงถึง 190 แรงม้า (ประกบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด) มาพร้อมระบบไดเร็กต์อินเจ็กชัน ระบบอัดอากาศแบบซูเปอร์ชาร์จ มี EGR วาล์วในการนำไอเสียกลับมาใช้ใหม่ ขณะเดียวกันยังให้กำลังอัดสูงกว่า เครื่องยนต์สกายแอคทีฟ จี ในปัจจุบัน
โดยสกายแอคทีฟ จี ที่มีกำลังอัดสูงถึง 14:1 แต่สำหรับสกายแอคทีฟ เอ็กซ์ คาดว่าจะขยับสัดส่วนเป็น 16:1 นั่นเพราะวิศวกรมาสด้าประสบความสำเร็จในการพัฒนาเครื่องยนต์เบนซินที่ใช้กำลังอัดในการจุดระเบิด (เหมือนเครื่องยนต์ดีเซล)ควบคู่ไปกับการจุดระเบิดด้วยหัวเทียน(เครื่องยนต์เบนซิน) ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
ทั้งนี้ มาสด้าเคลมว่าเครื่องยนต์ สกายแอคทีฟ เอ็กซ์ ที่กำลังอัดสูงมีส่วนผสมของนํ้ามันบางๆ แต่สามารถเผาไหม้ได้หมดจดแบบ “ซูเปอร์ ลีน” ส่งผลให้เครื่องยนต์ใหม่นี้จะประหยัดนํ้ามันกว่า สกายแอคทีฟ จี 20-30% แต่ให้แรงบิดมากกว่า 10-30%
ขุมพลังบล็อกนี้จะถูกใส่ไว้ใต้ฝากระโปรงหน้าของ “มาสด้า3 โฉมใหม่” เป็นโมเดลแรก แต่กระนั้นยังไม่ถอดรุ่นเครื่องยนต์สกายแอคทีฟ จี เดิมออกไปจากไลน์อัพ ซึ่งมาสด้าจะขายทั้ง 2 ขุมพลังนี้ควบคู่กันไปอย่างแน่นอน
2.ไมลด์ไฮบริดจับมอเตอร์ช่วยเครื่องยนต์
มาสด้ายังยืนยันว่า รถที่ใช้เครื่องยนต์ “สกายแอคทีฟ เอ็กซ์” จะต้องมาพร้อมระบบ“ไมลด์ไฮบริด”ด้วย โดยมาสด้าติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าที่ได้รับพลังมาจากแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน ให้ทำหน้าที่ช่วยแบ่งเบาภาระของเครื่องยนต์ในการขับเคลื่อน และยังเป็นเจเนอเรเตอร์ปั่นไฟกลับไปเก็บไว้ในแบตเตอรี่ด้วย
โดยระบบไมลด์ไฮบริด ของมาสด้าจะเป็นไฮบริดแบบพาราเรล เครื่องยนต์ยังทำงานเป็นหลักและมีมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยเสริมการทำงาน ซึ่งมาสด้ายังหวังได้สิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนและภาษีจากรัฐบาลไทย ปัจจุบันกำลังอยู่ในขั้นตอนเจรจา
3.แพลตฟอร์มใหม่แบ่งให้ CX-3 ใช้ด้วย
มาสด้า 3 โฉมใหม่ จะพัฒนาบนแพลตฟอร์มSKYACTIVVEHICLE ARCHITECTUREที่แข็งแกร่งกว่าเดิม และรองรับขุมพลังรูปแบบใหม่ๆ ที่มาสด้า เตรียมทยอยแนะนำเข้าสู่ตลาด ทั้งไมลด์ไฮบริด ปลั๊ก-อินไฮบริด และอีวี
นอกจากนี้ ตัวถังของมาสด้า 3 โฉมใหม่จะมีขนาดใหญ่กว่าเดิมเล็กน้อย การออกแบบภายนอก-ภายใน พร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่ทันสมัย แต่จะไม่ยอมเสียบุคลิกในการขับขี่สไตล์มาสด้า ที่มุ่งเน้นให้คนและรถ เปรียบเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน
SKYACTIVVEHICLE ARCHITECTURE ที่จะถูกประเดิมกับมาสด้า3 เป็นโมเดลแรก มาสด้ายังมีแผนใช้แพลตฟอร์มนี้กับ“ซีเอ็กซ์-3 โฉมใหม่” อีกด้วย ซึ่งขนาดตัวถังของครอสโอเวอร์รุ่นนี้จะต้องใหญ่ขึ้นแน่นอน
4.ช่วงล่างหลังใหม่แบบทอร์ชันบีม
การทดสอบที่สนาม “ไมเน่ พรูฟวิ่งกราวด์” ประเทศญี่ปุ่น ภายใต้ขุมพลังสกายแอคทีฟ เอ็กซ์ ในกระดองมาสด้า3 รุ่นปัจจุบัน แต่มาสด้าถือโอกาสนี้เปลี่ยนโครงสร้างช่วงล่างหลังใหม่ให้เป็นแบบ“ทอร์ชันบีม”
มาสด้ายอมรับว่าจะใช้ระบบกันสะเทือนหลังแบบนี้ในมาสด้า3 โฉมใหม่แทนที่มัลติลิงก์เดิม ซึ่งการทดสอบในสนามสามารถสัมผัสได้ถึงความแตกต่าง ที่บุคลิกจะกระเดียดไปทางกระด้างกว่าโฉมปัจจุบันเล็กน้อย
5.การออกแบบ“โคโดะ”เจน2 และมาสด้า คอนเนกต์เวอร์ชันใหม่
ด้วยรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปทั้งภายนอกภายใน รวมถึงออพชันต่างๆที่ตอบสนองการใช้งานของลูกค้าในยุค Internet of Things มาสด้า3 จะมาพร้อมระบบสื่อสาร “มาสด้า คอนเนกต์ เวอร์ชันใหม่” ส่วนการออกแบบ ด้วยแนวคิด “โคโดะ” (Kodo Design) เจนเนอเรชันที่ 2 อ้างอิงมาจากรถต้นแบบรุ่น “ไค” (KAI) ที่เปิดตัวในงานโตเกียวมอเตอร์โชว์ 2017
โดย “ไค” แปลว่า “ผู้บุกเบิก” มาสด้าเลือกชื่อนี้เพื่อสื่อสารถึงรถเจเนอเรชันใหม่ มาพร้อมการออกแบบที่แสดงถึงความประณีต ภายนอกเห็นถึงสัดส่วนของกล้ามเนื้อ การมีชีวิตที่พลิ้วไหวสะท้อนถึงร่างกายของมนุษย์ และมุ่งรักษาความสัมพันธ์ระหว่างผู้ขับกับรถยนต์
...ทั้งหมดเป็น 5 สิ่งใหม่ ที่จะถูกนำมาประจำการในมาสด้า 3 โมเดลเชนจ์ ที่พร้อมเผยโฉมให้เห็นสู่สายตาชาวโลกปลายปีนี้ส่วนเมืองไทยเจอกันปีหน้า
หน้า32-33 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38ฉบับที่ 3,372 วันที่ 7- 9 มิถุนายน พ.ศ. 2561
