แฉยักษ์ค้าน้ำมัน! ฮั้วราคาขายปลีก
จับไต๋บริษัทผู้ค้าน้ำมัน "ฮั้วราคาขายปลีก" หลักฐานชัด! โครงสร้างราคา สนพ. ไม่รวมค่าการตลาด แต่ขายหน้าปั๊มเท่ากัน แม้แต่เศษสตางค์ ... 'ศิริ' ชี้! ห้ามผู้ค้าแจ้งปรับราคาล่วงหน้า แก้ลำแต่ถูกต้าน เผย ฟันค่าการตลาดลิตรละกว่า 2 บาท
นโยบายของกระทรวงพลังงานที่ขอความร่วมมือบริษัทผู้ค้าน้ำมัน ไม่ให้มีการแจ้งการปรับราคาน้ำมันขายปลีกล่วงหน้าผ่านช่องทางสื่อในช่วงที่ผ่านมา เพื่อให้ผู้ค้าน้ำมันแข่งขันด้านราคากันมากขึ้น โดยปรับราคาขึ้นลงตามต้นทุนที่แท้จริงของตัวเอง ซึ่งจะเป็นประโยชน์เพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภค
ทั้งนี้ โครงการสร้างราคาน้ำมันที่ประกาศบนเว็บไซต์ของสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ตั้งแต่วันที่ 20 เม.ย. ที่ผ่านมา คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ได้มีมติเห็นชอบให้ สนพ. แสดงโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิงถึงแค่ราคาขายส่งบวกภาษีมูลค่าเพิ่มเท่านั้น จากเดิมจะระบุตั้งแต่ราคาเนื้อน้ำมัน ภาษีสรรพสามิต ภาษีเทศบาล กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง กองทุนอนุรักษ์พลังงาน ราคาหน้าโรงกลั่นบวกภาษีมูลค่าเพิ่ม รวมเป็นราคาขายส่ง ค่าการตลาดบวกภาษีมูลค่าเพิ่ม จนถึงราคาขายปลีก
แต่สถานีบริการน้ำมันยังประกาศราคาขายปลีกน้ำมันสำเร็จรูป ที่ปรับขึ้นลงตั้งแต่วันที่ 21 เม.ย. 2561 เป็นต้นมา ยังคงเป็นอัตราเดียวกันทั้งหมดอยู่อีก ทั้งที่ไม่มีค่าการตลาดจาก สนพ. เป็นตัวอ้างอิง
ที่สำคัญในแง่ของต้นทุนการทำธุรกิจค้าปลีกน้ำมันของแต่ละบริษัทน้ำมัน หรือ สถานีบริการน้ำมัน ก็มีความแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อน้ำมันจากโรงกลั่นจะได้ส่วนลดต่างกันไประหว่างจ็อบเบอร์และบริษัทที่มีโรงกลั่นของตัวเอง ค่าขนส่งที่แตกต่างกัน หัวเชื้อที่ผสมในเนื้อน้ำมันที่แตกต่างกัน การบริหารงานในปั๊มน้ำมันในแต่ละพื้นที่ก็แตกต่างกัน หรือหากเป็นปั๊มดีลเลอร์ บริษัทผู้ค้าน้ำมันก็จ่ายค่าการตลาดให้กับเจ้าของปั๊มในอัตราที่แตกต่างกันด้วย เป็นต้น
เมื่อพิจารณาจากจุดนี้ หากมีการแข่งขันเสรีด้านราคาแล้ว จึงเป็นไปไม่ได้ที่ราคาขายปลีกหน้าปั๊มทุกแห่งจะเท่ากันได้ หากไม่มีการฮั้วราคากันเกิดขึ้น เพราะที่เป็นอยู่นี้ แม้แต่เศษสตางค์ก็ยังเท่ากัน
[caption id="attachment_288666" align="aligncenter" width="503"]
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน[/caption]
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า สิ่งที่น่าอึดอัดใจ คือ ทำไมขายเท่ากันทุกสถานีบริการน้ำมัน นับเป็นปาฏิหาริย์ น่าสังเกตว่า อาจมีผู้ประกอบการรายใดรายหนึ่งส่งสัญญาณราคาขายปลีกน้ำมัน เพื่อตกลงร่วมกันว่า ควรขายในราคาเดียวกันหมด จากการประกาศราคาขายปลีกน้ำมันล่วงหน้า ไม่เหมือนสมัยก่อนที่ราคาแตกต่างกันมีการแข่งขันรุนแรง
สำหรับในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา กระทรวงพลังงานได้เปลี่ยนโครงสร้างราคาหน้าโรงกลั่นน้ำมันลง 50 สตางค์ต่อลิตร และลดเงินเรียกเก็บเข้ากองทุนอนุรักษ์ฯ อีก 15 สตางค์ เพื่อให้ราคาน้ำมันลดลง 60 สตางค์ต่อลิตร เพื่อรักษาระดับราคาน้ำมันไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร แต่ยังห่วงว่า ผู้ค้าจะไม่ลดลงตามสัดส่วนดังกล่าว มาตรการ คือ อย่าให้ผู้ค้าน้ำมันแต่ละรายรู้กัน โดยเฉพาะตอนประกาศราคาขายปลีกจะได้ไม่มีใครส่งสัญญาณ ต่างคนต่างบริหารความเสี่ยงกันเอง แต่พบว่า ผู้ค้าน้ำมันยังรอกันก่อนประกาศราคาขายปลีกออกมา ผลสุดท้ายก็ยังขายราคาเท่ากันเช่นเดิม ซึ่งในช่วงนั้น พบว่า ค่าการตลาดอยู่ที่กว่า 2 บาทต่อลิตร
"มาตรการห้ามไม่ให้ผู้ค้าน้ำมันประกาศราคาขายปลีกล่วงหน้า นับว่าเป็นยาแรง แต่ก็ถูกต่อต้าน ซึ่งพบว่า ตอนนี้ประเทศไทยยังไม่พร้อมที่จะแข่งขันในตลาดน้ำมัน ดังนั้น กบง. เมื่อวันที่ 24 พ.ค. ที่ผ่านมา จึงมีมติให้กลับมาประกาศราคาขายปลีกล่วงหน้าได้แล้ว โดยกระทรวงพลังงานจะพิจารณาแนวทางต่อไปว่า ควรทำอย่างไรต่อไป" นายศิริ กล่าว
……………….
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,371 วันที่ 3-6 มิ.ย. 2561 หน้า 01+15
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
● น้ำมันเครื่องหมื่นล้านแข่งดุเด้งรับโมโตจีพี-บิ๊กไบค์ ‘เอสโซ่’ส่งโมบิลร่วมวง
● ตลาดกังวลส่งออกเวเนซุเอลาลดต่อเนื่อง หนุนราคาน้ำมันดิบขึ้น
