ตลาดหุ้นยุคดิจิตอล ‘ภากร’ ชูวิสัยทัศน์ สร้างแพลตฟอร์มเชื่อมทุกส่วน

23 มิ.ย. 2561 | 13:47 น.
ผู้จัดการตลท.“ภากร” ชูวิสัยทัศน์สร้างแพลต ฟอร์มครบวงจรเชื่อมทุกภาคส่วน  แก้กฎระเบียบเอื้อกลุ่มสตาร์ตอัพ เอสเอ็มอี พร้อมสร้าง Open platform การเข้าถึงข้อมูลรวดเร็ว โปร่งใส มั่นใจตลาดหุ้นไทย มีโอกาสเทียบชั้นสิงคโปร์ใน 5 ปี

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) คนที่ 13 แถลงข่าวครั้งแรก หลังเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมาว่า ตลท.จะมุ่งเน้นให้บริษัทจดทะเบียนใหม่ เช่น ธุรกิจสตาร์ตอัพ และธุรกิจเอสเอ็มอีมีโอกาสเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯมากขึ้น โดยอยู่ระหว่างแก้ไขกฎระเบียบ เพื่อเอื้ออำนวยธุรกิจเหล่านี้สามารถเข้ามาระดมทุน เบื้องต้นจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการภายในเดือนนี้

[caption id="attachment_288268" align="aligncenter" width="503"] ภากร ปีตธวัชชัย ภากร ปีตธวัชชัย[/caption]

“ในอดีตเรามักได้ยินคำพูดว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นตลาดของคนรวย เป็นโอกาสของนักเก็งกำไร สิ่งที่เราอยากจะเปลี่ยนในเรื่อง mindset คือ ตลาดหลักทรัพย์ฯเป็นที่ให้โอกาสกับทุกคน เป็นแหล่งระดมทุนให้กับผู้ประกอบการที่มีโปรเจ็กต์มาระดมทุนได้ แต่ที่เป็นโจทย์ใหญ่คือ เรายังไม่สามารถสร้างสินทรัพย์จากสตาร์ตอัพ หรือ เอสเอ็มอี บริษัทใหญ่หรือบริษัทข้ามชาติได้ เราจะสนับสนุนการเติบโตผ่านการใช้ตลาดทุนไทย เป็น ecosystem”

ส่วนการเข้าถึงข้อมูล จะร่วมกับพันธมิตรทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. สมาคมบริษัทหลักทรัพย์และสมาคมบริษัทจดทะเบียน สร้าง Open platform เพื่อ ให้การเข้าถึงข้อมูลมีความโปร่งใสและเปิดเผยมากขึ้น โดยให้ความสำคัญเรื่อง ดิจิตอลทรานส์ฟอร์เมชัน การเตรียมปรับปรุงรูปแบบการนำส่งแบบฟอร์ม 56-1 เพื่อให้สามารถนำข้อมูลไปใช้งานได้รวดเร็วขึ้นและไม่ต้องผ่านการปรับแก้ จากปัจจุบันที่แบบฟอร์ม 56-1 เป็นไฟล์รูปแบบ PDF ทำให้การนำข้อมูลไปใช้ต้องมีการปรับแก้ จนอาจทำให้ข้อมูลมีการคลาดเคลื่อนและไม่โปร่งใส

สำหรับแผนงานภายใต้วิสัยทัศน์ “Creating Partnership Platform to Drive Inclusive Growth” เพื่อขับเคลื่อนตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วยการ“สร้างจุดเปลี่ยน-เสริมจุดปรับ-ชูจุดขาย-คงจุดยืน” วางเป้าหมายสร้างแพลตฟอร์มสำหรับตลาดทุนตลอดกระบวนการ โดยจะนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาเพิ่มประสิทธิภาพให้บริการแบบครบวรจร (end-to-end service)  เตรียมความพร้อมบุคลากรในตลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาดทุน รวมถึงส่งเสริมการเชื่อมโยงการระดมทุนและลงทุนของตลาดทุนไทยและตลาดทุนต่างประเทศ และส่งเสริมตลาดทุนไทยให้เติบโตยั่งยืนอย่างมีคุณภาพในทุกมิติ  P18

ส่วนมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (มาร์เก็ตแคป) ของไทย นายภากรกล่าวว่า มีโอกาสจะเทียบเท่าตลาดหลักทรัพย์ของสิงคโปร์ได้ ภายในปี 2566 เพราะหากดูจาก 5 ปีที่ผ่านมา มาร์เก็ตแคปของตลาดหุ้นสิงคโปร์อยู่ที่ 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ 3.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ปัจจุบันมูลค่าตลาดหุ้นของสิงคโปร์อยู่ที่ 8.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ 5.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

“ด้วยอัตราการเติบโตของตลาดหุ้นไทยจากการเติบโตของบริษัทใหม่ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ปีละกว่า 40 บริษัท มาร์เก็ตแคปเพิ่มปีละ 2.5 แสนล้านบาท การระดมทุนในตลาดรอง (Secondary Offering) อีกราว 2.5 แสนล้านบาทต่อปี ดังนั้นหากรักษาอัตราเติบโตเช่นนี้ ก็มีโอกาสที่ตลาดหุ้นไทยจะมีขนาดเทียบเท่าตลาดหุ้นสิงคโปร์ในอีก 5 ปีแน่นอน”

...................................................................................

หน้า 18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3,373 ระหว่างวันที่ 10-13 มิ.ย.61 e-book-1-503x62-7