การเมืองดันหุ้นขึ้นQ3ระวังแนวรับสำคัญเดือนมิ.ย.1710จุด
บล.ทิสโก้ฯชี้หุ้นไทยครึ่งปีหลังสดใส ดัชนีเริ่มปรับขึ้นเดือนกันยายนนี้อานิสงส์เลือกตั้งชัด การลงทุน EEC เดินหน้า บล.โกลเบล็กฯมองสหรัฐฯขึ้นดอกเบี้ยกดดันตลาดหุ้น
นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ทางเทคนิค บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ทิสโก้ฯ กล่าวถึงภาพรวมตลาดหุ้นไทยว่า บล.ทิสโก้ฯมีมุมมองเชิงบวกต่อภาพรวมการลงทุนในหุ้นไทยช่วงครึ่งปีหลังและคงเป้าหมายดัชนีสิ้นปี 2561 ไว้ที่ระดับ 1850 จุด โดยคาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะเริ่มเร่งตัวทะลุระดับ 1800 จุดได้ในช่วงเดือนกันยายน 2561 หากรัฐบาลจะจัดการเลือกตั้งในเดือนพฤษภาคม 2562
นอกจากปัจจัยการเลือกตั้งแล้ว ตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยบวกอื่นที่จะเข้ามาหนุนบรรยากาศการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลัง เช่น พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ.2561 (EEC) ที่มีผลบังคับใช้แล้ว ซึ่งคาดว่าจะกระตุ้นการลงทุนให้เร่งตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี เพราะโครงการนี้มีเป้าหมายการลงทุนมากถึง 1.5 ล้านล้านบาท ในช่วง 5 ปีแรก ประกอบกับสถานการณ์เศรษฐกิจไทยเริ่มปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้จากหน่วยงานด้านเศรษฐกิจต่างๆ ทยอยปรับประมาณการผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขึ้น จากต้นปี 2561
หุ้นเด่นน่าลงทุนในครึ่งปีหลัง แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มแรกเป็นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จาก EEC คือ BTS, CK, STEC, AMATA, WHA และ ROJNA กลุ่มปัจจัยพื้นฐานดีแต่ก่อนหน้านี้ราคาหุ้นปรับลงมาแรง คือ AEONTS และ JWD กลุ่มสุดท้ายคือ กลุ่มปันผลสูง ได้แก่ LH, QH, TVO และ NYT
สำหรับการลงทุนในเดือนมิถุนายน 2561 มองว่าหุ้นไทยจะปรับขึ้นได้ไม่มากนัก แนะนำให้นักลงทุนจับตาแนวรับสำคัญที่ 1710 จุด หากดัชนีหลุดแนวรับนี้ให้ชะลอการลงทุนทุกกรณี เพราะบล.ทิสโก้ฯ คาดว่าเมื่อหลุดแนวรับนี้ดัชนีจะลงไปทำแนวรับใหม่ที่ 1660-1690 จุด แต่กรณีที่ดัชนียืนเหนือ 1720 จุดได้ บล.ทิสโก้ฯ มองเป้าหมายดัชนีต่อไปที่ 1775 จุด โดยมีแนวต้านสำคัญที่น่าจะผ่านยากที่ 1745 จุด
นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่า ตลาดหุ้นยังคงให้นํ้าหนักทิศทางการประชุมระหว่างผู้นำสหรัฐฯและผู้นำเกาหลีที่สิงคโปร์ที่มีแนวโน้มเกิดขึ้นตามกำหนดการเดิมในวันที่ 12 มิถุนายนนี้ และการเร่งเดินหน้าโครงการลงทุนขนาดใหญ่ โดยมีความคืบหน้าในการ จัดทำหลักเกณฑ์และเงื่อนไข (TOR) เปิดประมูล 5 โครงการโครงสร้างพื้นฐานหลักในเขตพื้นที่อีอีซี ซึ่งจะช่วยดึงความเชื่อมั่น และการตัดสินใจลงทุนของนักลงทุนซึ่งส่งผลบวกกับดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงสั้น
อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นไทยยังคงมีปัจจัยกดดันต่อเนื่อง เช่น ธนาคารกลางสหรัฐฯมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมที่ใกล้จะถึงในเดือนมิถุนายนนี้ โดยมีข้อมูลสนับสนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ออกมาดี ตัวเลขการจ้างงานมีแนวโน้มแข็งแกร่ง และราคานํ้ามันดิบปรับลดลงจากความกังวลต่อกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากสหรัฐฯ ส่วน fund flow ยังคงผันผวนต่อเนื่อง ในช่วง 1 เดือนย้อนหลังนักลงทุนต่างชาติพลิกเป็นซื้อสุทธิเล็กน้อย 135 ล้านบาท
บล.โกลเบล็กฯ มองว่าทิศทางตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มชะลอตัว คาดดัชนีผันผวนในกรอบ 1700-1735 จุด แนะนำซื้อเก็งกำไร หุ้นที่มีปัจจัยบวก ได้แก่ หุ้น PSL, GGC, EA, BANPU และหุ้นที่ Laggard ดัชนี ได้แก่ CPF, CK, STEC, UNIQ, BJC
หน้า 18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับ 3,372 วันที่ 7-9 มิ.ย. 2561
นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ทางเทคนิค บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ทิสโก้ฯ กล่าวถึงภาพรวมตลาดหุ้นไทยว่า บล.ทิสโก้ฯมีมุมมองเชิงบวกต่อภาพรวมการลงทุนในหุ้นไทยช่วงครึ่งปีหลังและคงเป้าหมายดัชนีสิ้นปี 2561 ไว้ที่ระดับ 1850 จุด โดยคาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะเริ่มเร่งตัวทะลุระดับ 1800 จุดได้ในช่วงเดือนกันยายน 2561 หากรัฐบาลจะจัดการเลือกตั้งในเดือนพฤษภาคม 2562
นอกจากปัจจัยการเลือกตั้งแล้ว ตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยบวกอื่นที่จะเข้ามาหนุนบรรยากาศการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลัง เช่น พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ.2561 (EEC) ที่มีผลบังคับใช้แล้ว ซึ่งคาดว่าจะกระตุ้นการลงทุนให้เร่งตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี เพราะโครงการนี้มีเป้าหมายการลงทุนมากถึง 1.5 ล้านล้านบาท ในช่วง 5 ปีแรก ประกอบกับสถานการณ์เศรษฐกิจไทยเริ่มปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้จากหน่วยงานด้านเศรษฐกิจต่างๆ ทยอยปรับประมาณการผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขึ้น จากต้นปี 2561
หุ้นเด่นน่าลงทุนในครึ่งปีหลัง แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มแรกเป็นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จาก EEC คือ BTS, CK, STEC, AMATA, WHA และ ROJNA กลุ่มปัจจัยพื้นฐานดีแต่ก่อนหน้านี้ราคาหุ้นปรับลงมาแรง คือ AEONTS และ JWD กลุ่มสุดท้ายคือ กลุ่มปันผลสูง ได้แก่ LH, QH, TVO และ NYT
สำหรับการลงทุนในเดือนมิถุนายน 2561 มองว่าหุ้นไทยจะปรับขึ้นได้ไม่มากนัก แนะนำให้นักลงทุนจับตาแนวรับสำคัญที่ 1710 จุด หากดัชนีหลุดแนวรับนี้ให้ชะลอการลงทุนทุกกรณี เพราะบล.ทิสโก้ฯ คาดว่าเมื่อหลุดแนวรับนี้ดัชนีจะลงไปทำแนวรับใหม่ที่ 1660-1690 จุด แต่กรณีที่ดัชนียืนเหนือ 1720 จุดได้ บล.ทิสโก้ฯ มองเป้าหมายดัชนีต่อไปที่ 1775 จุด โดยมีแนวต้านสำคัญที่น่าจะผ่านยากที่ 1745 จุด
นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่า ตลาดหุ้นยังคงให้นํ้าหนักทิศทางการประชุมระหว่างผู้นำสหรัฐฯและผู้นำเกาหลีที่สิงคโปร์ที่มีแนวโน้มเกิดขึ้นตามกำหนดการเดิมในวันที่ 12 มิถุนายนนี้ และการเร่งเดินหน้าโครงการลงทุนขนาดใหญ่ โดยมีความคืบหน้าในการ จัดทำหลักเกณฑ์และเงื่อนไข (TOR) เปิดประมูล 5 โครงการโครงสร้างพื้นฐานหลักในเขตพื้นที่อีอีซี ซึ่งจะช่วยดึงความเชื่อมั่น และการตัดสินใจลงทุนของนักลงทุนซึ่งส่งผลบวกกับดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงสั้น
อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นไทยยังคงมีปัจจัยกดดันต่อเนื่อง เช่น ธนาคารกลางสหรัฐฯมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมที่ใกล้จะถึงในเดือนมิถุนายนนี้ โดยมีข้อมูลสนับสนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ออกมาดี ตัวเลขการจ้างงานมีแนวโน้มแข็งแกร่ง และราคานํ้ามันดิบปรับลดลงจากความกังวลต่อกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากสหรัฐฯ ส่วน fund flow ยังคงผันผวนต่อเนื่อง ในช่วง 1 เดือนย้อนหลังนักลงทุนต่างชาติพลิกเป็นซื้อสุทธิเล็กน้อย 135 ล้านบาท
บล.โกลเบล็กฯ มองว่าทิศทางตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มชะลอตัว คาดดัชนีผันผวนในกรอบ 1700-1735 จุด แนะนำซื้อเก็งกำไร หุ้นที่มีปัจจัยบวก ได้แก่ หุ้น PSL, GGC, EA, BANPU และหุ้นที่ Laggard ดัชนี ได้แก่ CPF, CK, STEC, UNIQ, BJC
หน้า 18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับ 3,372 วันที่ 7-9 มิ.ย. 2561
