นักธุรกิจ 4G ชูโมเดล Sharing Economy ส่งมอบอาชีพ-โอกาสให้คนขยัน

14 มิ.ย. 2561 | 12:03 น.
Sharing Economy หรือ Gig Economy เป็นแนวคิดสังคมเศรษฐกิจแบบแบ่งปัน ที่สตาร์ตอัพหยิบขึ้นมาสร้างเป็นโมเดลธุรกิจจนประสบความสำเร็จมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น  และขณะนี้กำลังมีอีกหนึ่งธุรกิจที่ไปได้สวย ระยะเวลา 1-2 ปีสามารถเติบโตได้กว่า 600% ในประเทศไทย ก็คือ LALAMOVE ธุรกิจที่ให้บริการในลักษณะ On Demand Delivery ของสตาร์ตอัพฮ่องกง ให้บริการจัดส่งของตามความต้องการของผู้ใช้ ซึ่ง “คุณโน๊ต - ชานนท์ กล้าหาญ” เห็นแล้วชอบ และถูกจริตสุดๆ จนเขาย้ายตัวเองจากสตาร์ตอัพเดิม มานั่งเป็น กรรมการผู้จัดการ ลาล่ามูฟ ประเทศไทย และกลายเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นในปัจจุบัน

“คุณโน๊ต” บอกว่า เคยทำสตาร์ตอัพมาก่อน เป็นแอพพลิเคชันสำหรับการขนส่งเหมือนกัน แต่ที่หันมาสนใจการขนส่งหรือโลจิสติกส์ ในรูปแบบของลาล่ามูฟ เป็นเพราะมุมมองการทำธุรกิจที่ยั่งยืน และมีเจตนารมณ์ที่ต้องการพัฒนาอุตสาหกรรมการขนส่งให้ดีขึ้น เร็วขึ้น และยังเป็นการให้โอกาสคนที่ทำงานในระดับรากหญ้า ที่ไม่มีวุฒิการศึกษา ได้มีโอกาสมีอาชีพ สร้างรายได้ เพียงแค่มีรถเป็นของตัวเอง ก็สามารถเข้ามาร่วมงานกับลาล่ามูฟได้แล้ว และหากขยันก็สามารถสร้างรายได้ถึงเดือนละกว่า 6 หมื่นบาทเลยทีเดียว

ในฝั่งของผู้ใช้บริการ ผู้บริหารคนนี้เล็งเห็นว่า ลาล่ามูฟสามารถให้ประโยชน์กับผู้ใช้บริการด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอีที่ต้องการเติบโต เมื่อมีออร์เดอร์มากๆ หากต้องลงทุนด้านโลจิสติกส์เอง อาจจะมีเงินลงทุนไม่เพียงพอ หรือไม่พร้อมที่จะลงทุนทันที บริการของลาล่ามูฟ จึงสามารถช่วยซัพพอร์ตงานในส่วนนี้ออกมาได้ และทำให้เอสเอ็มอีเหล่านี้มีโอกาสที่จะขยายธุรกิจให้เติบโตต่อไปได้

“ผมเห็นว่า ด้วยวิธีการคิด และเจตนารมณ์ ของซีอีโอ หรือผู้ก่อตั้งเขาดี ก็เลยเข้ามาทำกับเขาตั้งแต่เริ่มต้น”...นั่นคือเมื่อกว่า 3 ปีที่แล้ว และเพียงปีเดียว ลาล่ามูฟ ก็สามารถสร้างรายได้เติบโตกว่า 600% และยังขยายธุรกิจและสร้างรายได้เติบโตต่อเนื่องแบบหลายเท่าตัว

BB4A1180

ทำไมลาล่ามูฟจึงได้เติบโตมหาศาลขนาดนั้น ผู้บริหารคนนี้อธิบายว่า บริการของลาล่ามูฟแตกต่างจากโลจิสติกส์อื่นๆ เพราะเป็น On Demand Delivery ถ้าลูกค้าต้องการใช้งาน เรียกใช้งานผ่านระบบหรือแอพพลิเคชัน หลังจากนั้นจะมีคนขับเข้าไปรับของและส่งให้ทันที ของจะส่งถึงมือผู้รับไม่เกิน 1 ชม. มาตรฐานการให้บริการคือ ความรวดเร็ว ความสะดวกของลูกค้า และมารยาทในการให้บริการ ซึ่งขณะนี้มีพนักงานรับส่งของที่อยู่ในระบบของลาล่ามูฟกว่า 4 หมื่นคน ซึ่งขนส่งโดยรถมอเตอร์ไซค์ รถยนต์ 5 ประตู และรถกระบะ ส่วนผู้รับบริการปัจจุบัน มีทั้งที่เป็นองค์กรธุรกิจ และส่วนบุคคล

จำนวนพนักงานรับส่งของกว่า 4 หมื่นคน ถือเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูง การที่จะทำให้คนเหล่านี้ให้บริการในมาตรฐานเดียวกันทั้งหมดเป็นเรื่องยาก เพราะพนักงานเหล่านี้ไม่ใช่พนักงานประจำ และมาจากหลากหลายที่ ซึ่งประมาณ 90% เป็นคนที่ขับรถรับส่งของอยู่แล้ว แต่เมื่อมาเข้าระบบกับลาล่ามูฟ ทุกคนจะต้องถูกสอบประวัติ ถูกฝึกอบรม ภายใต้ขั้นตอนการควบคุม เพื่อให้ทุกคนสามารถให้บริการได้ตามมาตรฐานของลาล่ามูฟ

“ต้องยอมรับว่า การทำงานกับคนที่เราก็ไม่รู้ว่าเขามาจากไหนบ้าง คุมค่อนข้างยาก แต่ถ้าเราตรวจพบว่า เขาไม่พร้อมที่จะทำงานภายใต้กฎระเบียบ หรือมาตรฐานของเรา หรือมีเจตนาที่ไม่ถูกต้อง เราก็ไม่เอาไว้ เราต้องมอนิเตอร์ตลอดเวลา เพราะอีกฝั่งเราต้องคำนึงถึงลูกค้าที่รับบริการด้วย”

การให้ความสำคัญกับปริมาณพนักงาน เพื่อรับส่งของได้อย่างทั่วถึง กับการควบคุมมาตรฐานบริการและมารยาทของผู้รับส่งเป็นอย่างดี การรับประกันสินค้าเสียหายจากการขนส่ง ประกอบกับเป็นรูปแบบธุรกิจใหม่ ที่ตอบโจทย์ของนักธุรกิจใหม่ๆ หรือคนทั่วไป ทำให้ลาล่ามูฟ ทำรายได้เติบโตขึ้นเรื่อยๆ จาก 23 ล้านบาทในปีแรก ขยับขึ้นเป็น 120 ล้านบาทในปีที่ 2 และปีที่ 3 มีรายได้อยู่ที่ 540 ล้านบาท เติบโต 350% ส่วนปีนี้ เขาเชื่อว่า ธุรกิจนี้จะขยายตัวอีกมาก ซึ่งจะส่งผลให้รายได้ของลาล่ามูฟก้าวกระโดดขึ้นเกิน 1,000 ล้านบาทได้สบายๆ

โอกาสของธุรกิจ มีทั้งจากการเกิดขึ้นของธุรกิจใหม่ๆ รวมถึงการให้บริการที่หลากหลายขึ้น ทั้งการส่งของ ส่งสินค้า คนที่ลืมของ หรือที่ไม่อยากออกจากบ้านไปซื้ออาหารหรือของเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถใช้บริการนี้ได้ ด้วยราคาที่ตั้งมาตรฐานชัดเจน อนาคตลาล่ามูฟจะมีการเพิ่มทั้งจำนวนรถที่ให้บริการ และขนาดรถที่หลากหลายกว่าเดิม อาทิ รถที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อซัพพอร์ตการรับส่งสินค้าล็อตใหญ่ รวมไปถึงการขยายบริการออกสู่ต่างจังหวัด
ซึ่งปีนี้จะได้เห็นแน่นอน 1 จังหวัดหัวเมือง

“คุณโน๊ต” ยอมรับว่า ที่ผ่านมายังไม่มีการสร้างแบรนด์และบริการของลาล่ามูฟให้เป็นที่รู้จักแพร่หลาย ทั้งๆ ที่ ลาล่ามูฟ คือผู้บริหารจัดการด้านขนส่งให้กับไลน์แมน และอีกหลายๆ ธุรกิจ ตั้งแต่กลางปีที่แล้ว ก็เริ่มมีการสื่อสารประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ ไปบ้าง และปีนี้จะทำให้มากขึ้น เพราะสามารถสร้างรายได้เป็นบวกขึ้นแล้ว

เป้าหมายทางธุรกิจของผู้บริหารหนุ่มคนนี้คือ การสร้างให้ลาล่ามูฟเป็นที่รู้จักมากขึ้น และเมื่อคนนึกถึงการส่งด่วน ส่งเร็ว ต้องนึกถึงลาล่ามูฟ แม้ตอนนี้ “คุณโน๊ต” จะยังไม่กล้าเคลมว่าบริการของเขาสามารถครองส่วนแบ่งตลาดของการขนส่งในลักษณะ On Demand Delivery ได้เป็นเบอร์ 1 แต่ก็ถือว่า เขาคือผู้นำตลาดที่มีมูลค่ากว่าหมื่นล้านบาทแน่นอน

หน้า 26-27  หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3372 ระหว่างวันที่ 7 - 9 มิ.ย. 2561 e-book-1-503x62-7