"ช่อง 3" เล็งหาพันธมิตรร่วมลงทุนช่องเด็ก
ช่อง 3 แย้มหลังคสช.ใช้ ม.44 เยียวยาทีวีดิจิตอล เล็งหาพันธมิตรร่วมลงทุนช่องเด็ก ล่าสุดจับมือ JKN ส่งทัพละครดังในอดีตตีตลาดต่างประเทศ
- 5 มิ.ย. 61 - นายประชุม มาลีนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 เปิดเผยว่า มองว่าภาพรวมการแข่งขันในตลาดดิจิตอลทีวีช่วงครึ่งปีหลังนี้จะแข่งขันรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่สถานการณ์ของบริษัทขณะนี้ดีขึ้นกว่าช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะเรตติ้งที่ขยับขึ้นในทิศทางที่ดีหลังมีละครบุพเพสันนิวาสออกฉาย ดังนั้นการจะปรับราคาโฆษณาหรือการเล่นกลยุทธ์เรื่องราคาจำเป็นต้องดูสถานการณ์แต่ละเดือนเป็นปัจจัยสำคัญจึงยังไม่สามารถให้คำตอบได้
ด้านความคืบหน้าหลัง คสช. ใช้ ม.44 เยียวยาทีวีดิจิทัลนั้น มองว่าจะเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลให้มีกระแสเงินสดหรือมีสภาพคล่องขึ้น เพื่อนำมาพัฒนาคอนเทนต์ให้ดีขึ้น ขณะที่เรื่องมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐนั้น แน่นอนว่าจำนวนช่องทั้งหมดที่มีการประมูลมาทางช่องก็พร้อมดำเนินการต่อไป แต่ถ้าภาครัฐมีช่องทางให้สามารถคืนใบอนุญาตได้ก็คงต้องมามองเงื่อนไขของการอนุญาตต่อไป แต่เบื้องต้นยังไม่สามารถทำได้ตาม ม.44 ที่ระบุไว้ ซึ่งแน่นอนว่าถ้าหากสามารถคืนช่องได้ก็มองว่าเป็นเรื่องที่หลายช่องต้องการ
“ในเรื่องของการลงทุนสำหรับทางช่อง 13 (ช่องเด็ก) ก็พร้อมที่จะมองหาพันธมิตรในทุกๆด้าน ทุกช่องทาง เพื่อรองรับการแข่งขันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการร่วมทุน การเป็นพาร์ทเนอร์ เพื่อสร้างความแข็งแกร่ง”
ล่าสุดบริษัทจับมือกับ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) ในการเป็นตัวแทนจำหน่ายละครช่อง 3 ในต่างประเทศ (ยกเว้นประเทศที่ทางช่องมีการนำละครไปออกอากาศอยู่แล้ว ได้แก่ จีน ฮ่องกง มาเก๊า กัมพูชา เวียดนาม และเมียนมาร์) โดยช่วงแรกจะเป็นการนำละครตั้งแต่ปี 2556-2560 ทั้งหมด 70 เรื่องที่ประสบความสำเร็จไปจำหน่ายยังต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น นาคี, ทรายสีเพลิง, กำไลมาศ เป็นต้น ซึ่งจะประเดิมวันที่ 6 มิ.ย. นี้จะเป็นการนำละครไทยไปเสนอที่ประเทศเวียดนาม (ร่วมกับช่อง 3) ก่อนจะขยายไปยังประเทศแถบแอฟริกา และลาตินอะเมริกาต่อไป โดยวางเป้ารายได้ในช่วงปีแรกไว้ที่ตัวเลข 9 หลัก
- 5 มิ.ย. 61 - นายประชุม มาลีนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 เปิดเผยว่า มองว่าภาพรวมการแข่งขันในตลาดดิจิตอลทีวีช่วงครึ่งปีหลังนี้จะแข่งขันรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่สถานการณ์ของบริษัทขณะนี้ดีขึ้นกว่าช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะเรตติ้งที่ขยับขึ้นในทิศทางที่ดีหลังมีละครบุพเพสันนิวาสออกฉาย ดังนั้นการจะปรับราคาโฆษณาหรือการเล่นกลยุทธ์เรื่องราคาจำเป็นต้องดูสถานการณ์แต่ละเดือนเป็นปัจจัยสำคัญจึงยังไม่สามารถให้คำตอบได้
ด้านความคืบหน้าหลัง คสช. ใช้ ม.44 เยียวยาทีวีดิจิทัลนั้น มองว่าจะเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลให้มีกระแสเงินสดหรือมีสภาพคล่องขึ้น เพื่อนำมาพัฒนาคอนเทนต์ให้ดีขึ้น ขณะที่เรื่องมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐนั้น แน่นอนว่าจำนวนช่องทั้งหมดที่มีการประมูลมาทางช่องก็พร้อมดำเนินการต่อไป แต่ถ้าภาครัฐมีช่องทางให้สามารถคืนใบอนุญาตได้ก็คงต้องมามองเงื่อนไขของการอนุญาตต่อไป แต่เบื้องต้นยังไม่สามารถทำได้ตาม ม.44 ที่ระบุไว้ ซึ่งแน่นอนว่าถ้าหากสามารถคืนช่องได้ก็มองว่าเป็นเรื่องที่หลายช่องต้องการ
“ในเรื่องของการลงทุนสำหรับทางช่อง 13 (ช่องเด็ก) ก็พร้อมที่จะมองหาพันธมิตรในทุกๆด้าน ทุกช่องทาง เพื่อรองรับการแข่งขันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการร่วมทุน การเป็นพาร์ทเนอร์ เพื่อสร้างความแข็งแกร่ง”
ล่าสุดบริษัทจับมือกับ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) ในการเป็นตัวแทนจำหน่ายละครช่อง 3 ในต่างประเทศ (ยกเว้นประเทศที่ทางช่องมีการนำละครไปออกอากาศอยู่แล้ว ได้แก่ จีน ฮ่องกง มาเก๊า กัมพูชา เวียดนาม และเมียนมาร์) โดยช่วงแรกจะเป็นการนำละครตั้งแต่ปี 2556-2560 ทั้งหมด 70 เรื่องที่ประสบความสำเร็จไปจำหน่ายยังต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น นาคี, ทรายสีเพลิง, กำไลมาศ เป็นต้น ซึ่งจะประเดิมวันที่ 6 มิ.ย. นี้จะเป็นการนำละครไทยไปเสนอที่ประเทศเวียดนาม (ร่วมกับช่อง 3) ก่อนจะขยายไปยังประเทศแถบแอฟริกา และลาตินอะเมริกาต่อไป โดยวางเป้ารายได้ในช่วงปีแรกไว้ที่ตัวเลข 9 หลัก
