ไทยเทรดดอตคอมเล็งเป้าสมาชิก1แสนรายซื้อขายหมื่นล้านใน3ปี

06 มิ.ย. 2561 | 11:17 น.
นอกจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ มีภารกิจหลักในการสร้างมูลค่าการส่งออกของไทยให้ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแล้ว ยังมีหน้าที่ส่งเสริมผู้ประกอบการทำการค้าในช่องทางใหม่ๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ตลาดโลก ซึ่งปัจจุบันการค้าออนไลน์ได้เข้ามามีบทบาทเพิ่มขึ้นทุกขณะ ทั้งนี้กรมได้จัดทำโครงการตลาดกลางพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ Thaitrade.com ขึ้นในปี 2554 เพื่อเป็นเครื่องมือในการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการไทยในการทำการค้าออนไลน์ ในรูปแบบ B2B e-Marketplace (Business to Business) ที่ให้ผู้ซื้อจากทั่วโลกสามารถติดต่อซื้อขายกับผู้ส่งออกไทยได้อย่างง่ายดาย และเป็นศูนย์รวมข้อมูลทางการค้าที่สมบูรณ์ที่สุดของไทยบนโลกออนไลน์

jan4

เพื่อฉายภาพ Thaitrade.comให้ชัดเจนขึ้น “ฐานเศรษฐกิจ” ฉบับนี้สัมภาษณ์พิเศษ “นางจันทิรา ยิมเรวัต วิวัฒน์รัตน์”อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ถึงสถานการณ์และทิศทาง Thaitrade.com ในอนาคตหลังรัฐบาลชุดปัจจุบันได้สั่งใส่เกียร์เดินหน้าเรื่องนี้อย่างเต็มที่

เน้นทำตลาดเชิงรุก

“จันทิรา” กล่าวว่า ในปีนี้กรมได้วางแผนการทำงานของ Thaitrade.com  โดยเน้นการทำตลาดเชิงรุก ที่สำคัญคือการดึงดูดผู้ที่สนใจให้เข้ามาเยี่ยมชมสินค้าและติดต่อซื้อขายสินค้าและบริการที่นำเสนอบนเว็บไซต์  Thaitrade.com ผ่านเครื่องมือต่างๆ เช่น การทำให้ตลาดกลางพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ Thaitrade.com  อยู่ลำดับต้นๆ ในโปรแกรมการค้นหา (Search Engine)  การทำ แบนเนอร์โฆษณาออนไลน์บนเครือข่ายออนไลน์ที่มีชื่อเสียง การทำการตลาดบนสังคมออนไลน์ต่างๆ  การทำการตลาดผ่านสื่อสมัยใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้ไปยังกลุ่มเป้าหมายทั้งในและต่างประเทศ เฉพาะอย่างยิ่งเอสเอ็มอีไทยเพื่อให้เข้าร่วมเป็นสมาชิก Thaitrade.com ในรูปแบบผู้ขาย รวมถึงกลุ่มผู้ซื้อในประเทศที่ต้องการสรรหาสินค้าไทยคุณภาพส่งออก

เป้าสมาชิก1แสนรายใน3ปี

กรมตั้งเป้าในการเพิ่มสมาชิก Thaitrade.com  ให้ได้ 1 แสนรายภายใน 3 ปี จากปัจจุบันมีผู้ประกอบการไทยที่เป็นผู้ซื้อและผู้ขายเป็นสมาชิก 2.5 หมื่นราย ตลอดระยะเวลา 7 ปี Thaitrade.com สามารถสร้างเม็ดเงินเข้าสู่ภาคเศรษฐกิจของไทยได้กว่า 5,000 ล้านบาท (มูลค่าการซื้อขายที่มีหลักฐาน)  และมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีจำนวนร้านค้าออนไลน์ของไทยที่ได้รับการคัดสรรแล้วว่ามีคุณภาพมาตรฐานการส่งออก เข้าร่วมมากกว่า 23,886 ร้านค้า ประกอบด้วยสินค้ามากกว่า 257,096 รายการ มีผู้ซื้อจาก 237 ประเทศ เข้ามาชมสินค้าแล้วกว่า 6.2 ล้านราย จากผู้เข้าเยี่ยมชมเหล่านี้ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิกผู้ซื้อแล้วกว่า 164,460
ราย ซึ่งมีการแลกเปลี่ยน inquiries ระหว่างผู้ซื้อ-ผู้ขายจำนวนมาก

“กรมมั่นใจว่าแนวโน้มการค้าใน Thaitrade.com จากนี้จะสามารถสร้างมูลค่าการซื้อขายในรูปแบบ B2B2C ทั้งภายในและต่างประเทศ เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว (หรือ 1 หมื่นล้านบาท) ภายใน 3 ปี”

โปรโมทแทรกอีบุ๊ก-6

ได้เครดิตกู้เงินแบงก์

สำหรับการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ต้องการเข้ามาทำการค้าใน Thaitrade.com นั้น กรมจะมีศูนย์ให้บริการ Thaitrade.com Center โดยมีเจ้าหน้าที่คอย ให้บริการ และมี Online Support ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันในการอำนวยความสะดวกด้านการซื้อขายให้กับสมาชิกตั้งแต่เริ่มต้นสมัครสมาชิกจนถึงปิดการซื้อ-ขาย เช่น  การให้คำปรึกษาและอำนวยความสะดวกต่างๆ ในด้านการค้าออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ Thaitrade.comแก่สมาชิกผู้ขาย (Seller) สมาชิกผู้ซื้อ (Buyer) และบุคคล ทั่วไปที่มีความสนใจประกอบธุรกิจออนไลน์ การตอบข้อซักถาม และอำนวยความสะดวกในทุกเรื่องผ่านทุกช่องทางของกรม

“ผู้ประกอบการไทยที่เข้ามาเป็นสมาชิก Thaitrade.com จะได้ประโยชน์จากการทำการค้าออนไลน์มากที่สุดโดยเฉพาะเอสเอ็มอีไทย คือ ได้โปรโมตสินค้าผ่านช่องทางที่มีความน่าเชื่อถือไม่มีค่าใช้จ่าย อีกทั้งยังสามารถมีเครดิตในการขอเงินกู้จาก
ธนาคารที่มีความร่วมมือได้ง่ายยิ่งขึ้น  ผู้ซื้อสามารถเข้าถึงสินค้าไทยได้ง่ายยิ่งขึ้น สามารถค้นเจอสินค้าได้ภายในที่เดียว นอกจากนี้ธนาคารจะเชื่อมั่นในตัวผู้ขายได้มากขึ้น และสามารถพิจารณาการให้กู้ได้ดียิ่งขึ้นและข้อมูลด้านการค้าออนไลน์จำนวนมหาศาล (Big Data) จะไม่ตกไปอยู่ในมือของต่างชาติ ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมี E-Marketplace Platform ที่สามารถเติมเต็ม e-Commerce Ecosystem ที่เข้มแข็ง เป็นศูนย์กลางการเข้าถึงสินค้าและบริการของไทย”

สำหรับในปี 2561 กรมจะยกระดับ Thaitrade.com ให้เป็น National E-Marketplace Platform เพื่อรองรับการซื้อขายทั้งภายในและระหว่างประเทศครบวงจร โดยอยู่ระหว่างการปรับโฉมเว็บไซต์ร่วมกับการพัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับการซื้อขายภายในประเทศภายใต้ชื่อ Thaitrade Shop ซึ่งเป็นบริการใหม่ให้บริการซื้อ-ขายสินค้าแบบ B2C ภายในประเทศ ซึ่งจะรองรับการชำระเงินผ่านบัตรเครดิต บัตรเดบิต ทุกธนาคาร และช่องทางการชำระเงินใหม่ๆ อีกทั้งยังรองรับการขนส่งภายในประเทศผ่านบริการของไปรษณีย์ไทย และเครือข่ายขนส่งในประเทศด้วย

หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับ 3,371 วันที่ 3-6 มิถุนายน 2561 e-book-1-503x62-7