น้ำมันแพง : วิกฤติทางปัญญา

30 พ.ค. 2561 | 07:20 น.
ijuhuhttr ปรากฎการข่าวน้ำมันแพง เป็นกระแสเกรียวกราวอย่างยิ่งในห้วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีข้อถกเถียงและการปั่นกระแสให้ทั้งสังคมออนไลน์และออฟไลน์ คล้อยตามความคิด ความเชื่อของตน ถึงกับมีการปั้นข่าว Fake News โดยอาศัยวาทกรรมและบุคลิกภาพของนายกรัฐมนตรีกรณีน้ำมันแพง ไล่ให้คนไปใช้น้ำเปล่าแทนน้ำมัน และอีกFake News กรณี เทวินทร์ วงศ์วานิช CEO บริษัทน้ำมันปตท.ที่ถูกบิดเบือนว่าออกมาตอบโต้กระแสหยุดเติมน้ำมันปั๊มปตท.ในลักษณะไม่ง้อผู้บริโภค โดยจะหันไปเน้นการส่งออกแทนและต้องปลดพนักงานหลายตำแหน่ง

ผู้สร้าง Fake News ทั้ง 2 กรณีอาศัยจุดเด่นในด้านบุคลิกของนายกรัฐมนตรี ที่เป็นคนพูดจาโผงผาง ออกไปในแนวปะทะตอบโต้ เมื่อมีถ้อยคำลักษณะตอบโต้ออกมาจึงถูกคล้อยตามและเป็นกระแสแชร์ทันที กรณีปตท.เช่นกันความรู้สึกผสมผสานไม่พอใจซ่อนอยู่ลึกๆ เมื่อมีการเต้าข่าวตอบโต้ลักษณะไม่ง้อผู้บริโภค จึงง่ายที่จะถูกแชร์ในโลกโซเชียล เสมือนว่าคนพร้อมที่จะเชื่อว่าCEO ปตท.พูดเช่นนั้นจริง เป็นการสร้างวาทกรรม Hate Speech ที่ลุกลามขยายวงทันที

[caption id="attachment_285789" align="aligncenter" width="503"] เทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)  เทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)[/caption]

ไม่ว่าผู้สร้าง Fake News ทั้ง 2 กรณีเจตนาหวังผลอะไร หรือไม่ ก็ตาม หรือหวังเพียงแค่สร้างความปั่นป่วน กระทั่งจุดกระแสให้ไปกระทบกับการบริหารของรัฐบาล ทำนองไม่อินังขังขอบกับความเดือดร้อนของประชาชนจากภาวะน้ำมันแพง ถือได้ว่าผู้ที่ดำเนินการเรื่องนี้ประสบความสำเร็จพอสมควร ในแง่ของผลตอบรับและโดยเฉพาะกรณีปตท.ดูเหมือนกระแสนี้ถาโถมเข้าหาอย่างสาหัสสากรรจ์ไม่น้อย เมื่อเทียบกับอดีตในสิ่งที่ต้องเผชิญมาในลักษณะคล้ายกัน
จากทั้ง 2 กรณีการสร้างกระแสที่เกิดขึ้นแรง เหมือนไฟลามทุ่ง สะท้อนให้เห็นว่าสังคมไทยกำลังเข้าสู่วิกฤติ เป็นวิกฤติทางปัญญา เป็นสังคมที่เข้าสู่ภาวะไร้เหตุผล สังคมจับฉ่าย พร้อมที่จะคล้อยตามอะไรง่ายๆโดยขาดการแสวงหาความรู้และข้อเท็จจริง พร้อมกระโจนและเอนเอียงเข้าสู่สิ่งที่เรียกว่าความไม่รู้ในทันที สะท้อนว่าเป็นสังคมที่หุนหันพลันแล่น ใช้อารมณ์มาครอบงำในการตัดสินสิ่งใด สิ่งหนึ่ง
750x422_762913_1499160985 เราเห็นว่ากรณีศึกษาน้ำมันแพงรอบนี้ ทุกคน ทุกฝ่ายต้องกลับมานั่งย้อนทบทวน ตั้งสติ ไตร่ตรอง แสวงหาความรู้ ถกเถียงบนพื้นฐานเหตุและผลเป็นการด่วน ดึงสติกลับมา ไม่ปล่อยให้เกิดมายาคติครอบงำ กัดกร่อนจิตใจ จนนำพาองคาพยพสังคมไทยขับเคลื่อนไปข้างหน้าไม่ได้ ถ้าจะแพงก็เป็นไปด้วยเหตุแห่งปัจจัยของการแพงที่เป็นจริง แต่ไม่ใช่แพงเพราะมีการบอกต่อๆกันมา ต้องหันมาหยุดคิดกันสักนิด ไม่ปล่อยให้สังคมที่อยู่อาศัยร่วมกันนี้ เป็นสังคมที่ชี้นิ้วกล่าวหา เลื่อนลอย เราต้องไม่ส่งผ่านสังคมแบบนี้ไปให้ลูกหลาน

บทบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ฐานเศราฐกิจ | ฉบับ 3370 ระหว่างวันที่ 31 พ.ค.- 2 มิ.ย.2561
e-book-1-503x62