จัดพอร์ตรับดอกเบี้ยขาขึ้น แนะกระจายสินทรัพย์เพิ่มผลตอบแทนลดเสี่ยง

04 มิ.ย. 2561 | 03:52 น.
กูรูกองทุนแนะกระจายสินทรัพย์ลงทุนให้เหมาะสม เพื่อเพิ่มผลตอบแทนและลดความเสี่ยง ในภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น ยอมรับผันผวนทั้งตลาดทุน ตราสารหนี้ และเป็นความท้าทายมากขึ้น หลังดอกเบี้ยสหรัฐฯปรับตัวขึ้นและแนวโน้มขึ้นอีก 1-2 ครั้งในปีนี้

นางสาวฉัตรแก้ว เกราะทอง  ผู้อำนวยการ ฝ่ายการลงทุนทางเลือก บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงศรี เปิดเผยว่า แม้อัตราเงินเฟ้อในระดับปัจจุบันยังไม่ถึง 1% แต่เห็นทิศทางที่จะปรับเพิ่มขึ้นจากราคานํ้ามันที่เริ่มทะยานขึ้น จะเป็นปัจจัยกดดันให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นการถือเงินสดจะทำให้มูลค่าเงินลดลง ดังนั้น จะต้องหาทางเลือกการลงทุนให้เหมาะสม แม้การลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลอายุเฉลี่ย 8 ปี จะให้ผลตอบแทนค่อนข้างดี แต่จากนี้ไปจะเป็นจุดเปลี่ยนของตลาดตราสารหนี้จากอัตราดอกเบี้ยที่ผ่านจุดตํ่าสุดไปแล้ว และอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาที่เป็นดอกเบี้ยขาขึ้นชัดเจนในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา

“ดอกเบี้ยไทยนั้น แค่รอระยะเวลาเท่านั้น แต่ถ้ามั่นใจว่าเศรษฐกิจขยายตัวได้ดี จากที่ไตรมาสแรกก็จะเห็นแล้วว่าขยายตัวถึง 4.8% อัตราเงินเฟ้ออยู่ในกรอบที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด ก็จะเห็นดอกเบี้ยปรับขึ้นได้ ซึ่งดอกเบี้ยขาขึ้นจะทำให้ตราสารหนี้มีความผันผวนมากขึ้นเช่นกัน ภายใต้ดอกเบี้ยนโยบาย 1.5% โอกาสที่จะเห็นผลตอบแทน 2.4%ในตราสารหนี้ระยะสั้นก็จะยากขึ้น”

ขณะที่การลงทุนในหุ้น แม้ผลตอบแทนระยะยาวจะดี เฉลี่ยที่ 12% ต่อปี แต่ก็จะมีความผันผวนสูงเช่นกัน ดังนั้นปัจจัยสำคัญที่จะสร้างผลตอบแทนไดดีคือ กระจายความเสี่ยง จัดการลงทุนไปในสินทรัพย์ที่เหมาะสม จะสามารถลดความเสี่ยงและความผันผวนลงได้ และทำให้การออมเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้        MP19-3370-A

นายวิทัย รัตนากร เลขาธิการ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ(กบข.) กล่าวว่า การลงทุนในปีนี้และปีหน้า จะมีความท้าทายมากขึ้น เพราะการที่เศรษฐกิจโลกและสหรัฐฯ มีอัตราการเติบโตที่ลดลง รวมถึงราคาสินทรัพย์เสี่ยงที่ค่อนข้างตึงตัวน่า จะส่งผลให้การลงทุนในหุ้นมีความผันผวน ส่วนการลงทุนในตราสารหนี้คงจะต้องมีการปรับอายุการถือครองให้สั้นลง เนื่องจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยน่าจะปรับตัวขึ้นอีก โดยอัตราดอกเบี้ยของไทยน่าจะมีการปรับขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า

“แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ปรับขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อราคาพันธบัตร ซึ่งการลงทุนตราสารหนี้ของ กบข.ได้มีการปรับลดอายุการถือครองมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ปัจจุบันมีอายุเฉลี่ยอยู่แค่ 2 ปีครึ่งเท่านั้น จึงไม่น่าส่งผลกระทบมากนัก ส่วนผลตอบแทนจากการลงทุนในปีนี้ น่าจะทำได้น้อยกว่าปีที่แล้วแต่จะชนะเกณฑ์มาตรฐานที่ใช้ชี้วัดได้”

ด้านนายนาวิน  อินทรสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุนต่างประเทศ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯที่มีแนวโน้มไปถึงเป้าหมายที่ธนาคารกลางสหรัฐฯกำหนด 2% รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีอย่างต่อเนื่อง คาดว่าในการประชุมเดือนมิถุนายนนี้น่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกเป็น 1.75-2.00% และมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอีก 1-2 ครั้งในช่วงครึ่งหลังปีนี้ ดังนั้นการขายกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ประเภทกำหนดอายุโครงการเป็นประจำทุกสัปดาห์ เพื่อเป็นทางเลือกหนึ่ง สำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนที่แน่นอน สามารถเลือกลงทุน 6 เดือนหรือ 1 ปีได้

             หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,370 วันที่ 31 พ.ค. - 2 มิ.ย. 2561 e-book-1-503x62