"ทรัมป์" ยกเลิกนัด "คิม" ลั่น! โสมแดงทำตัวเป็นปฏิปักษ์
- 25 พ.ค. 61 - สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวานนี้ (24 พ.ค.) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ได้ส่งจดหมายถึงนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ แจ้งขอยกเลิกการพบกันครั้งประวัติศาสตร์ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเดิมกำหนดไว้ในวันที่ 12 มิ.ย. ที่จะถึงนี้ โดยระบุว่า ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะมีการพบปะเจรจา ในเมื่อท่าทีล่าสุดของเกาหลีเหนือที่มีต่อสหรัฐฯนั้น ยังกราดเกรี้ยวและแสดงความเป็นปฏิปักษ์
อย่างไรก็ตาม เขายังหวังว่าการประชุมสุดยอดระหว่างทั้งสองฝ่ายจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต ซึ่งถ้าหากผู้นำเกาหลีเหนือเปลี่ยนใจ ก็สามารถโทรหรือเขียนแจ้งมายังเขาได้เลย
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ ยังกล่าวว่า ที่เกาหลีเหนือคุยเรื่องศักยภาพทางนิวเคลียร์นั้น สหรัฐฯขอย้ำว่า สหรัฐฯมีอาวุธนิวเคลียร์ที่ทำลายล้างได้ทรงอานุภาพที่สุด เขาหวังต่อพระเจ้าว่าคงไม่จำเป็นที่จะต้องใช้มัน กระนั้นก็ตาม เนื้อหาจดหมายของผู้นำสหรัฐฯดูลดความแข็งกร้าวลง เมื่อกล่าวถึงการที่เกาหลีเหนือยอมปล่อยตัวชาวอเมริกัน 3 คนที่ถูกจองจำในเกาหลีเหนือ กลับถึงสหรัฐฯแล้วโดยสวัสดิภาพ เขาขอแสดงความขอบคุณในเรื่องนี้
ข่าวระบุว่า การตัดสินใจยกเลิกการประชุมสุดยอดกับนายคิม จอง อึน โดยฝ่ายผู้นำสหรัฐฯในครั้งนี้ มีขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเกาหลีเหนือเพิ่งระเบิดทำลายอุโมงค์ในบริเวณสถานที่ทดสอบนิวเคลียร์ที่เมืองปุงกยี-รี ซึ่งงานนี้มีการเชิญนักข่าวต่างชาติและเกาหลีใต้มาเป็นประจักษ์พยาน เพื่อประกาศให้ชาวโลกรู้ว่า เกาหลีเหนือทำตามสัญญาที่จะทำให้คาบสมุทรเกาหลีเป็นเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์
อีกด้านหนึ่งในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ได้มีกลุ่มนักเคลื่อนไหวเพื่อสันติภาพในเกาหลีใต้ออกมาเดินขบวนประท้วงการตัดสินใจของประธานาธิบดีทรัมป์ ใกล้สถานทูตสหรัฐฯ เนื่องจากมีความคาดหวังว่า การประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์จะนำไปสู่การเกิดสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลี
ด้านนายคิม คเย-กวาน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือ ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการตัดสินใจของสหรัฐฯว่า เป็นเรื่องน่าเสียใจอย่างยิ่ง แต่เกาหลีเหนือก็ยังคงมีความยินดีที่จะเจรจากับประธานาธิบดีสหรัฐฯทุกที่ทุกเวลาในอนาคต แหล่งข่าวที่ไม่ประสงค์ออกนามเผยว่า การตัดสินใจของผู้นำสหรัฐฯมีขึ้นหลังจากที่เขาทราบข่าวเกี่ยวกับกรณีนางโช ซอน ฮุย นักการทูตอาวุโสของเกาหลีเหนือ ที่พูดตอบโต้นายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ด้วยถ้อยคำรุนแรงว่า ‘โง่’ เป็นการแสดงความไม่พอใจที่นายเพนซ์กล่าวว่า เกาหลีเหนืออาจพบจุดจบเหมือนกับลิเบีย เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวเผยว่า การแสดงความเห็นของนางโช ซึ่งเป็นนักการทูตอาวุโสของเกาหลีเหนือ เป็นเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้รัฐบาลสหรัฐฯไม่พอใจ แต่ถึงกระนั้นเขาก็เชื่อว่า ยังคงมีโอกาสที่การเจรจาครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างผู้นำสหรัฐฯและเกาหลีเหนือ จะเกิดขึ้นได้ในอนาคต
อย่างไรก็ตาม เขายังหวังว่าการประชุมสุดยอดระหว่างทั้งสองฝ่ายจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต ซึ่งถ้าหากผู้นำเกาหลีเหนือเปลี่ยนใจ ก็สามารถโทรหรือเขียนแจ้งมายังเขาได้เลย
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ ยังกล่าวว่า ที่เกาหลีเหนือคุยเรื่องศักยภาพทางนิวเคลียร์นั้น สหรัฐฯขอย้ำว่า สหรัฐฯมีอาวุธนิวเคลียร์ที่ทำลายล้างได้ทรงอานุภาพที่สุด เขาหวังต่อพระเจ้าว่าคงไม่จำเป็นที่จะต้องใช้มัน กระนั้นก็ตาม เนื้อหาจดหมายของผู้นำสหรัฐฯดูลดความแข็งกร้าวลง เมื่อกล่าวถึงการที่เกาหลีเหนือยอมปล่อยตัวชาวอเมริกัน 3 คนที่ถูกจองจำในเกาหลีเหนือ กลับถึงสหรัฐฯแล้วโดยสวัสดิภาพ เขาขอแสดงความขอบคุณในเรื่องนี้
ข่าวระบุว่า การตัดสินใจยกเลิกการประชุมสุดยอดกับนายคิม จอง อึน โดยฝ่ายผู้นำสหรัฐฯในครั้งนี้ มีขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเกาหลีเหนือเพิ่งระเบิดทำลายอุโมงค์ในบริเวณสถานที่ทดสอบนิวเคลียร์ที่เมืองปุงกยี-รี ซึ่งงานนี้มีการเชิญนักข่าวต่างชาติและเกาหลีใต้มาเป็นประจักษ์พยาน เพื่อประกาศให้ชาวโลกรู้ว่า เกาหลีเหนือทำตามสัญญาที่จะทำให้คาบสมุทรเกาหลีเป็นเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์
อีกด้านหนึ่งในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ได้มีกลุ่มนักเคลื่อนไหวเพื่อสันติภาพในเกาหลีใต้ออกมาเดินขบวนประท้วงการตัดสินใจของประธานาธิบดีทรัมป์ ใกล้สถานทูตสหรัฐฯ เนื่องจากมีความคาดหวังว่า การประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์จะนำไปสู่การเกิดสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลี
ด้านนายคิม คเย-กวาน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือ ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการตัดสินใจของสหรัฐฯว่า เป็นเรื่องน่าเสียใจอย่างยิ่ง แต่เกาหลีเหนือก็ยังคงมีความยินดีที่จะเจรจากับประธานาธิบดีสหรัฐฯทุกที่ทุกเวลาในอนาคต แหล่งข่าวที่ไม่ประสงค์ออกนามเผยว่า การตัดสินใจของผู้นำสหรัฐฯมีขึ้นหลังจากที่เขาทราบข่าวเกี่ยวกับกรณีนางโช ซอน ฮุย นักการทูตอาวุโสของเกาหลีเหนือ ที่พูดตอบโต้นายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ด้วยถ้อยคำรุนแรงว่า ‘โง่’ เป็นการแสดงความไม่พอใจที่นายเพนซ์กล่าวว่า เกาหลีเหนืออาจพบจุดจบเหมือนกับลิเบีย เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวเผยว่า การแสดงความเห็นของนางโช ซึ่งเป็นนักการทูตอาวุโสของเกาหลีเหนือ เป็นเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้รัฐบาลสหรัฐฯไม่พอใจ แต่ถึงกระนั้นเขาก็เชื่อว่า ยังคงมีโอกาสที่การเจรจาครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างผู้นำสหรัฐฯและเกาหลีเหนือ จะเกิดขึ้นได้ในอนาคต