ลูกค้าเฮ!‘บิ๊กซี-โลตัส’ทุ่มชิงเจ้าไฮเปอร์ฯ

30 ม.ค. 2559 | 04:00 น.
เมินกระแสขายกิจการ"บิ๊กซี"เดินหน้าเร่งสปีดสาขาไล่บี้ "เทสโก้ โลตัส" ชิงกำลังซื้อรากหญ้า ชู 3 กลยุทธ์ "ขยายสาขา/ถูกทุกวัน /โปรโมชั่น" ใจป้ำสาดงบหมื่นล้านหั่นราคาสินค้าลงถ้วนหน้า หวังดูดนักช้อปเพิ่ม ด้าน "เทสโก้ โลตัส" ไม่หวั่นวาง 3 ไม้เด็ดดึงลูกค้า ทั้งสินค้าครบ/ราคาถูก/บริการเลิศ มั่นใจต้นปีกำลังซื้อคึกคัก ประเดิมทุ่มงบ 250 ล้านอัดแคมเปญรับตรุษจีน หั่นลดราคาอาหารสดลดสูงสุด 46%

[caption id="attachment_28424" align="aligncenter" width="500"] ประชันกลยุทธ์การตลาดปี 2559 ประชันกลยุทธ์การตลาดปี 2559[/caption]

นางสาววารุณี กิจเจริญพูลสิน ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า การแข่งขันของไฮเปอร์มาร์เก็ตในปีนี้เชื่อว่ารุนแรงและเข้มข้นมากขึ้น จากหลายปัจจัยทั้งภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ดีขึ้น กำลังซื้อที่ลดลงโดยเฉพาะในต่างจังหวัด แต่เพื่อรักษาฐานลูกค้าทำให้บริษัทต้องเร่งรุกทำตลาดเพิ่มขึ้น โดยในปีนี้แม้บริษัทแม่จะประกาศขายหุ้นของบิ๊กซี ประเทศไทย แต่ในภาพรวมของบริษัทยังคงเดินหน้าดำเนินธุรกิจเต็มรูปแบบ โดยกลยุทธ์การทำตลาดประกอบไปด้วย การทุ่มงบลงทุน 6-7 พันล้านบาทสำหรับขยายสาขาใหม่ 22 สาขา ประกอบไปด้วย ไฮเปอร์มาร์เก็ต 5 แห่ง บิ๊กซีมาร์เก็ต 3 แห่ง มินิบิ๊กซี 11 แห่ง และเพียว 3 แห่ง

 ทุ่มงบผุด 5 ไฮเปอร์ฯรวด

การประกาศลงทุนขยายสาขาขนาดใหญ่สุดอย่างไฮเปอร์มาร์เก็ต 5 แห่ง ถือเป็นการสวนกระแสการลงทุนท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจทั้งของประเทศไทยและบริษัทแม่ ขณะที่ในปีที่ผ่านมามีการขยายสาขาไฮเปอร์มาร์เก็ตเพียงแค่ 2 แห่งเท่านั้น ต่อเรื่องดังกล่าวนางสาววารุณี กล่าวว่า ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของความพร้อมของทำเล เมื่อยังหาทำเลที่ลงตัวไม่ได้ ทำให้ต้องชะลอการลงทุนออกไป นอกจากนี้เรื่องของเศรษฐกิจก็มีส่วน

อีกกลยุทธ์ที่ถือเป็นนโยบายสำคัญ และเป็นกลยุทธ์หลักที่บิ๊กซีใช้คือ นโยบายด้านราคา ภายใต้แนวคิด "ถูกทุกวัน" ยังเป็นหัวใจในการทำตลาดปีนี้ โดยในปีที่ผ่านมาบิ๊กซีหั่นราคาสินค้าที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันลงในหลายรายการ รวมใช้งบลงทุนไปกว่า 9 พันล้านบาท และลูกค้าประหยัดเมื่อมาใช้จ่ายที่บิ๊กซีมากขึ้น ซึ่งในปีนี้ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ยังลดลง เชื่อว่าจะใช้งบอัดฉีดด้านราคาสินค้าให้ถูกลงมากกว่าปีก่อน ซึ่งคาดว่าน่าจะสูงกว่า 1 หมื่นล้านบาท

ส่วนกลยุทธ์สุดท้ายเป็นการจัดโปรโมชั่น เนื่องจากผู้ประกอบการยังต้องการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งดูจากแนวโน้มกำลังซื้อของผู้บริโภคที่เริ่มปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ปลายปี 2558 และเชื่อว่าจะขยับดีขึ้นอย่างชัดเจนตั้งแต่ไตรมาสแรกของปีนี้

 ซุ่มเปิดสาขาจ.สุรินทร์

ด้านนายสมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานกรรมการบริหารฝ่ายการพาณิชย์ บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ผู้บริหาร "เทสโก้ โลตัส" กล่าวว่า บริษัทงัด 3 กลยุทธ์ในการดึงลูกค้าให้มาใช้บริการต่อเนื่อง ประกอบไปด้วย ความครบครันของสินค้า , ราคาที่ถูกกว่าห้างร้านทั่วไป และเการบริการที่ครบครัน ขณะที่แผนการขยายสาขาใหม่ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องแต่ยังไม่กำหนดจำนวนสาขาที่แน่นอน โดยล่าสุดได้เปิดให้บริการเทสโก้ โลตัสในรูปแบบไฮเปอร์มาร์เก็ตแห่งใหม่ ที่จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา

"กำลังซื้อของผู้บริโภคในช่วงต้นปีจนถึงเทศกาลตรุษจีนคึกคักเป็นพิเศษ ผลมาจากผู้บริโภคถูกกระตุ้นการจับจ่ายด้วยมาตรการของภาครัฐในช่วงปลายปีที่ผ่านมา กอปรกับเพิ่งผ่านช่วงต้นปีมาไม่กี่อาทิตย์ เชื่อว่าลูกค้ายังคงมีมูดและกำลังซื้อที่สูงอยู่"

ปัจจุบัน เทสโก้โลตัส มีสาขาทั้งสิ้นกว่า 1.8 พันแห่ง แบ่งออกเป็น ไฮเปอร์มาร์เก็ตและดีพาร์ทเม้นท์ สโตร์ 170 แห่ง ตลาด 1.3 พันแห่ง และโลตัส เอ็กซ์เพรส 1.5 พันแห่ง

อย่างไรก็ดี นโยบายด้านราคาและคุณภาพถือเป็นหัวใจสำคัญของเทสโก้ โลตัส โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทมุ่งเน้นแผนกอาหารสด เพราะเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันของลูกค้า โดยใช้งบประมาณไปแล้วกว่า 3 พันล้านบาท ส่วนปีนี้งบประมาณที่ใช้ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมและวางแผน

 เปิดศึกชิงกำลังซื้อ "ตรุษจีน"

ทั้งนี้ กลยุทธ์ที่เทสโก้ โลตัส ใช้เป็นหัวหอกในการทำตลาดยังคงเป็นเรื่องของการจัดแคมเปญและโปรโมชั่น โดยล่าสุดเทสโก้ โลตัส จัดแคมเปญต้อนรับเทศกาลตรุษจีน ภายใต้ชื่อ "อาหารสดลดกระหน่ำ รับตรุษจีน" โดยใช้งบลงทุน 250 ล้านบาทมากกว่าปีที่ผ่านมาสำหรับการทำโปรโมชั่น ลดราคาและคูปองเงินสด โดยไฮไลท์จะเป็นการลดราคาอาหารสดทั้งแผนกสูงสุด 46% ถูกกว่าปีก่อนเฉลี่ย 20% เช่น ชุดไหว้ซาแซ ราคา 288 บาท ลดราคาจากปีก่อนที่มีราคา 529 บาท ,แอปเปิ้ลแพ็ค 4 ลูกราคา 32 บาท ลดลงจากปีก่อนที่มีราคา 58 บาทเป็นต้น

นอกจากนี้ เมื่อซื้อสินค้าทุก 800 บาทขึ้นไปต่อบิล จะได้รับคูปองเงินสด 80 บาท เพื่อนำไปใช้เป็นลดราคาเมื่อซื้อสินค้าครั้งต่อไป รวมทั้งยังสามารถนำคูปองเงินสดท้ายบิลซึ่งมีมูลค่า 50 บาท และ 100 บาท ไปใช้เป็นส่วนลดในการซื้อสินค้าในแผนกอาหารลดที่มีมูลค่า 300 บาทและ 500 บาทได้อีกด้วย

"นอกจากส่วนลดราคาสินค้า คูปองเงินสดที่จะช่วยให้ลูกค้าซื้อสินค้าได้ประหยัดเงินมากขึ้นแล้ว ยังมีการแจกอั่งเปาและพรีเมี่ยม โดยลูกค้าที่ซื้อตั้งแต่ 600 บาทขึ้นไปจะได้รับอั่งเปาส่วนลดสินค้า 50 รายการมูลค่าลดรวมทั้งหมด 4.4 พันบาท และเมื่อซื้อครบ 400 บาทขึ้นไปยังสามารถแลกซื้อตุ๊กตาลิง เฮง เฮง ในราคา 159 บาทด้วย" นายสมพงษ์กล่าวและว่ามั่นใจว่ากำลังซื้อผู้บริโภคในช่วงเทศกาลตรุษจีนจะดีกว่าปีก่อน จะเห็นลูกค้าออกมาจับจ่ายซื้อสินค้ามากขึ้น อีกทั้งตรุษจีนปีนี้ตรงกับวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ต้นเดือนทำให้บรรยกาศการจับจ่ายจะเพิ่มขึ้น ผนวกกับแคมเปญ โปรโมชั่นต่างๆ ที่จัดขึ้นทำให้เชื่อว่า จะทำให้มียอดการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 20-30% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ

ขณะที่ "บิ๊กซี" เตรียมส่งแคมเปญต้อนรับปีวอกฉลองเทศกาลตรุษจีน "ตรุษจีนนี้ ยิ้งช้อป ยิ่งเฮง" เพื่อกระตุ้นคนไทยเชื้อสายจีนในการเลือกซื้อสินค้าอุปโภค บริโภค เครื่องเซ่นไหว้ ผักผลไม้และอาหารต่างๆ รวมกว่า 6 พันรายการ โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 28 มกราคม – 8 กุมภาพันธ์นี้ โดยไฮไลท์จะเป็นการลุ้นรับรางวัลทองคำแท่งหนัก 10 บาท และของรางวัลอื่นมากๆ รวมทั้งรับอั่งเปาส่วนลดรวมมูลค่ากว่า 8,888 บาท เมื่อตัดโบรชัวร์ของบิ๊กซีนำมาใช้ได้ทันที

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,126 วันที่ 28 - 30 มกราคม พ.ศ. 2559