ประกาศแล้ว! ม.44 ช่วยทีวีดิจิทัล

23 พ.ค. 2561 | 08:38 น.
- 23 พ.ค. 61 - ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 9/2561 เรื่องมาตรการบรรเทาผลกระทบต่อผู้ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์

ตามที่ได้มีคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ 76/2559 เรื่อง มาตรการส่งเสริม การประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ ลงวันที่ 20 ธันวาคม พุทธศักราช 2559 เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบกิจการที่สุจริตแต่ได้รับ ผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและสังคมจึงไม่อาจชําระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ได้ทัน ภายในระยะเวลาที่กําหนดไปแล้วนั้น

โดยที่ในปัจจุบันภาวะดังกล่าวยังคงปรากฏอยู่และมีแนวโน้มท่ีจะก่อให้เกิดปัญหาที่รุนแรง มากยิ่งขึ้นเนื่องจากการแข่งขันทางธุรกิจ ในขณะที่ส่วนแบ่งรายรับจากการประกอบกิจการลดลง อีกทั้งพฤติกรรมการบริโภคสื่อของประชาชนก็เปลี่ยนแปลงไปอันเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เกินความคาดหมายทางเทคโนโลยีด้านการสื่อสารและโทรคมนาคม (Technological Disruption) โดยเฉพาะการแก้ปัญหาในการเปลี่ยนผ่านระบบการส่งสัญญาณวิทยุโทรทัศน์เป็นระบบดิจิตอล ซึ่งแม้ปัญหาดังกล่าวเป็นความเสี่ยงทางธุรกิจและขึ้นอยู่กับความพร้อมและความสามารถในการปรับตัว ของผู้ประกอบกิจการ แต่มีบางส่วนเป็นความรับผิดชอบของภาครัฐที่จะต้องมีมาตรการป้องกันมิให้ ส่งผลกระทบต่อการเข้าถึง การรับรู้ข้อมูลข่าวสาร การเรียนรู้เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต และเสรีภาพ ของประชาชน นอกจากนั้น หากปล่อยให้เกิดความเสียหายแก่นักลงทุนหรือผู้ประกอบกิจการที่เป็น ผู้ได้รับใบอนุญาตจากรัฐในกิจการที่การลงทุนมีมูลค่าสูง และเป็นห่วงโซ่ทางเศรษฐกิจและสังคมที่สําคัญ ก่อให้เกิดการจ้างงานและอาชีพต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องตามมาอีกเป็นอันมาก ซึ่งหากประสบภาวะวิกฤติ ก็จะส่งผลกระทบไปถึงภาคส่วนอื่นๆ และประชาชนในวงกว้าง รัฐจึงควรมีมาตรการบรรเทาความเสียหาย แก่ผู้ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ อันเนื่องมาจากผลกระทบดังกล่าว เพื่อให้สามารถประกอบกิจการและชําระค่าธรรมเนียมใบอนุญาต ให้ใช้คลื่นความถี่ได้ในท่ีสุดบนพื้นฐานความเป็นจริงในสังคม โดยไม่ก่อให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบ และไม่กระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน และความเป็นธรรมระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชน โดยพิจารณาไม่ให้ภาครัฐและประชาชนเสียหายเมื่อเปรียบเทียบกับการบังคับการให้เป็นไปตามกติกาเดิม อย่างเคร่งครัด และการให้ผู้ประกอบกิจการได้ใช้เวลา โอกาสและทุนในการพัฒนาศักยภาพการให้บริการ และการผลิตหรือการเผยแพร่รายการที่มีคุณภาพให้ทันต่อความต้องการของสังคม และเทคโนโลยี ที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันสมควรให้กรมประชาสัมพันธ์ในฐานะองค์กรสื่อของรัฐสามารถ มีรายได้จากการโฆษณาได้ตามความจําเป็น และเพียงพอต่อการพัฒนาภารกิจด้านกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์อย่างมีคุณภาพและประสิทธิภาพให้ทันต่อความต้องการของรัฐและสังคม ตลอดจนทันต่อเทคโนโลยีด้วยเช่นกัน โดยต้องไม่เป็นการประกอบธุรกิจที่มุ่งแสวงหากําไร ทั้งน้ี

ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม แห่งชาติกําหนด ซึ่งมาตรการบรรเทาความเสียหายเหล่านี้ได้รับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องแล้ว และถือว่าเป็นกรณีจําเป็นเพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปกิจการด้านสื่อสารมวลชนซึ่งจะทํา ให้ระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศมีความมั่นคงและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 265 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับ มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 หัวหน้าคณะรักษา ความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงมีคําสั่งดังต่อไปนี้
ข้อ 1 คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ 2 ในกรณีที่เห็นสมควร นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีอาจเสนอให้คณะรักษาความสงบ แห่งชาติเปลี่ยนแปลงคําสั่งนี้ได้
ส่วนที่ 1 กรณีผู้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อให้บริการโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล
ข้อ 3 ในส่วนนี้

“คําสั่งที่ 76/2559” หมายความว่า คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 76/2559 เรื่อง มาตรการส่งเสริมการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ
“ประกาศ” หมายความว่า ประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการประมูลคลื่นความถี่เพื่อให้ บริการโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล
ประเภทบริการทางธุรกิจระดับชาติ พ.ศ. 2556
“ผู้รับใบอนุญาต” หมายความว่า ผู้ได้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อให้บริการโทรทัศน์ ในระบบดิจิตอลจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
ข้อ 4 ให้ผู้รับใบอนุญาตที่ต้องชําระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ตามคําสั่ง ที่ 76/2559 ชําระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ ในส่วนท่ีเหลือตั้งแต่งวดที่สองเป็นต้นไป
สําหรับผู้รับใบอนุญาตตามประกาศ ให้ชําระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ ในส่วนที่เหลือตั้งแต่งวดท่ีห้าเป็นต้นไป ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กําหนดในข้อ 12 ของประกาศ
ข้อ 5 ผู้รับใบอนุญาตตามคําสั่งที่ 76/2559 หรือประกาศรายใดไม่สามารถชําระ ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ในงวดที่เหลือตามข้อ 4 ให้ผู้รับใบอนุญาตรายนั้นแจ้งเป็น หนังสือไปยังสํานักงาน กสทช. ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่คําสั่งนี้มีผลใช้บังคับเพื่อขอพักชําระ ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ตามคําสั่งที่ 76/2559 หรือประกาศ
ให้สํานักงาน กสทช. พิจารณาการพักชําระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ให้กับ ผู้รับใบอนุญาตท่ีแจ้งตามวรรคหนึ่งและกําหนดระยะเวลาการพักชําระค่าธรรมเนียมซึ่งต้องไม่เกินสามปี นับแต่วันที่ได้รับความเห็นชอบจากสํานักงาน กสทช. ทั้งนี้ ผู้รับใบอนุญาตยังคงต้องปฏิบัติตาม หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขอื่นตามคําสั่งที่ 76/2559 หรือประกาศ
ในระหว่างเวลาพักชําระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ตามวรรคสองให้ผู้รับ ใบอนุญาตชําระดอกเบี้ยในวันที่ครบกําหนดชําระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ในแต่ละงวด ให้แก่สํานักงาน กสทช. โดยให้ชําระดอกเบี้ยในอัตราเท่ากับอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามที่คณะกรรมการ นโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ประกาศกําหนด
เมื่อครบกําหนดระยะเวลาขอพักชําระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ตามวรรคสองแล้ว ให้ผู้รับใบอนุญาตชําระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ในงวดที่เหลือตามข้อ 4 ให้ครบถ้วนต่อไป
ข้อ 6 การพักชําระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ตามข้อ 5 ไม่เป็นการตัดสิทธิ ผู้รับใบอนุญาตที่จะขอชําระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ในงวดท่ีเหลือตามข้อ 4 โดยให้ ผู้รับใบอนุญาตแจ้งเป็นหนังสือไปยังสํานักงาน กสทช. ล่วงหน้าสามสิบวันก่อนครบกําหนดชําระค่าธรรมเนียม ใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ตามคําสั่งที่ 76/2559 หรือประกาศ
ข้อ 7 การขอพักชําระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ตามข้อ 5 มิให้นํามาใช้ บังคับกับผู้ประกอบกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล ประเภทบริการทางธุรกิจระดับชาติ ที่ขอยกเลิกการประกอบกิจการหรือถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์และใบอนุญาต ให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อประกอบกิจการดังกล่าวก่อนวันท่ีคําสั่งนี้มีผลใช้บังคับ
ข้อ 8 ให้ กสทช. และสํานักงาน กสทช. หรือคณะกรรมการบริหารกองทุนวิจัย และพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ แล้วแต่กรณี จัดให้มีการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเช่าใช้โครงข่ายโทรทัศน์ประเภทที่ใช้คลื่นความถี่ ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล (MUX) ให้กับผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ภาคพ้ืนดินในระบบดิจิตอล เป็นจํานวนเงินในอัตราร้อยละห้าสิบของค่าเช่าใช้โครงข่ายโทรทัศน์ดังกล่าวเป็นระยะเวลายี่สิบสี่เดือน นับแต่วันที่คําสั่งนี้มีผลใช้บังคับ
การดําเนินการตามวรรคหน่ึง ให้ใช้จ่ายเงินจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ ซึ่งเหลือจ่ายจากการดําเนินโครงการ สนับสนุนประชาชนในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การรับชมโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล โดยให้คํานึงถึง การใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ประหยัด และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชน
ข้อ 9 ให้ผู้รับใบอนุญาตจัดทําผังรายการท่ีเหมาะสมและสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของ การประกอบกิจการที่ได้รับใบอนุญาต มีการผลิตรายการหรือการดําเนินรายการที่ดี ให้ข้อมูลที่มีความถูกต้อง ชัดเจน มีสาระและเป็นประโยชน์ต่อสังคม เนื้อหารายการมีความหลากหลาย ไม่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรมอันดีของประชาชน ตลอดจนเปิดโอกาสให้คนพิการหรือคนด้อยโอกาสมีโอกาสเข้าถึงหรือ ใช้ประโยชน์จากรายการที่ออกอากาศได้อย่างเสมอภาคกับบุคคลทั่วไปโดยให้ผู้รับใบอนุญาตดําเนินการ ตามหมวด 2 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 อย่างเคร่งครัด
การดําเนินการตามวรรคหนึ่งให้สํานักงาน กสทช. มีหน้าที่ตรวจสอบหากพบว่าผู้รับใบอนุญาต ไม่ปฏิบัติตามที่กําหนดในวรรคหนึ่ง ให้สํานักงาน กสทช. พิจารณายกเลิกการพักชําระค่าธรรมเนียม ใบอนุญาตและให้ผู้รับใบอนุญาตชําระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ในงวดที่เหลือตามข้อ 4 ให้ครบถ้วนต่อไป

ส่วนที่ 2 มาตรการส่งเสริมการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์
ข้อ 10 ในการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ของกรมประชาสัมพันธ์ ตามมาตรา 20 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 กรมประชาสัมพันธ์อาจมีเงินรายได้จากการโฆษณาได้เท่าที่จําเป็นและเพียงพอต่อการผลิตรายการ ตามวัตถุประสงค์โดยต้องไม่เป็นการมุ่งต่อการแสวงหากําไรทางธุรกิจ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่ กสทช. ประกาศกําหนด

ในการกําหนดหลักเกณฑ์ตามวรรคหนึ่ง ให้ กสทช. คํานึงถึงผู้บริโภค ต้นทุนในการผลิตรายการ และความเป็นธรรมในการแข่งขันที่จะมีผลกระทบต่อผู้รับใบอนุญาตประเภทอื่นด้วย โดยให้มีระยะเวลาสูงสุด ในการโฆษณาได้ตามที่ กสทช. กําหนด

สั่ง ณ วันที่ 23 พฤษภาคม พุทธศักราช 2561

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ