แอร์ไลน์-โรงแรมกำไรพุ่งมั่นใจทั้งปีธุรกิจท่องเที่ยวตีปีก

22 พ.ค. 2561 | 12:37 น.
ผลประกอบการธุรกิจด้านการบิน-ท่องเที่ยวของบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ที่เพิ่งปิดงบช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ สะท้อนชัดเจนถึงความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกับการขยายตัวของการท่องเที่ยวไทย ซึ่งตรงกับช่วงไฮซีซันที่ปีนี้เติบโตขึ้นหากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

แอร์ไลน์โกยกำไร4.43พันล.

ในส่วนของธุรกิจการบินในตลท.ซึ่งครองส่วนแบ่งตลาดในธุรกิจนี้รวมกันกว่า 80% พบว่าในช่วง 3 เดือนแรก ทุกสายการบินมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นทุกสาย และส่วนใหญ่มีการเติบโตของผลกำไรกันถ้วนหน้า รวมแล้วกว่า 4,430 ล้านบาทเริ่มจาก “ไทยแอร์เอเชีย (TAA)” มีการขยายตัวของกำไรสูงสุด หากเทียบกับสายการบินอื่น โดยเติบโต 76.06% ทั้งยังทำสถิติอัตราส่วนการขนส่งผู้โดยสารอยู่ที่ 91% ตามมาด้วย “บางกอกแอร์เวย์ส” กำไรโต 29.56%

ส่วน “การบินไทย” ไตรมาสแรกปีนี้แม้จะมีกำไร 2,716 ล้านบาท แต่หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ถือว่ากำไรลดลงราว 13.94% เนื่องจากค่านํ้ามันเครื่องบินเพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียวที่มีสาเหตุหลักเกิดจากการรับรู้ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์และเครื่องบิน 2,473ล้านบาท

ขณะที่ “นกแอร์” แม้จะยังประสบกับภาวะการขาดทุนอยู่ แต่ก็ถือว่ามีการขาดทุนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยลดการขาดทุนรวมลงได้อย่างมากจาก 295.57 ล้านบาท ลดลงเหลือ 26.88 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน อันเป็นผลมาจากความสำเร็จจากการดำเนินการตามแผนฟื้นธุรกิจของสายการบิน

นายปิยะ ยอดมณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การขาดทุนที่ลดลงอย่างมาก แสดงให้เห็นว่าสายการบินกำลังแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้อง สามารถรับมือกับต้นทุนเชื้อเพลิงที่เพิ่มสูงขึ้น ทำรายได้เพิ่มขึ้น 5.6% คิดเป็น 4.32 พันล้านบาท มีต้นทุนเฉลี่ยต่อที่นั่งลดลง มีอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร ปรับตัวดีขึ้น ทั้งยังมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 3.83% ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มเส้นทางบินจีนจาก 8 เมืองเป็น 19 เมืองในจีน ทำให้ผู้โดยสารเฉพาะในเส้นทางบินนี้เพิ่มขึ้นจาก 9.4 หมื่นคน เป็น 2.35 แสนคน เพิ่มขึ้น 149.57% และรายได้ในเส้นทางบินจีน มีสัดส่วนอยู่ที่ 19.82% ของรายได้โดยรวมของสายการบินเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 7.51%    MP22-3367-A
โรงแรมแก้มปริกำไรพุ่ง

ในด้านของธุรกิจโรงแรมช่วงไตรมาส 1 ปีนี้ต่างยังคงมีกำไรต่อเนื่อง ตามการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศ ไม่ว่าจะเป็น “ไมเนอร์” ที่มีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 5% อันเป็นผลจากการเติบโตของทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจ โดยในส่วนของกลุ่มธุรกิจไมเนอร์ โฮเทลส์ มีรายได้เติบโต 6% จากผลการดําเนินงานที่แข็งแกร่งของธุรกิจโรงแรมทั้งในไทยและต่างประเทศ ซึ่งกำไรสุทธิของกลุ่มโรงแรมเดิมมีการเติบโตอย่างโดดเด่นในอัตรามากกว่า 40% ณสิ้นไตรมาส 1 ไมเนอร์ โฮเทลส์ มีโรงแรมที่ลงทุนเอง 70 แห่ง และมีโรงแรมและเซอร์วิส สวีตที่รับจ้างบริหารอีก 90 แห่ง ใน 26 ประเทศ รวมจํานวนห้องพักทั้งหมด 20,379 ห้อง โดยเป็นห้องพักในไทย 4,411 ห้อง

กลุ่มเซ็นทารา ก็ไปได้สวยมาก โดย CENTEL ก็ตีปีกกับกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติ การณ์ จากกำไร 883 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.8% เทียบปีก่อน ด้วยผลการดำเนินงานของทั้งธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอาหารที่ดีขึ้น รวมถึงการรับรู้รายได้ของโรงแรมเซ็นทรา บายเซ็นทาราศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ และโรงแรมโคซี่ สมุย เฉวง บีช ที่บริษัทได้ลงทุน และเปิดดำเนินการในปลายปี 2560

ขณะที่ดุสิตธานี ก็มีการเติบโตของรายได้ 12% จากปี ก่อน ขณะที่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น85% จากรายได้ของธุรกิจโรงแรมที่เพิ่มขึ้นและกำไรจากเงินลงทุนระยะยาวอื่นๆ ทั้งการลงทุนในธุรกิจอาหาร ด้วยการจัดตั้งบริษัท ดุสิต  ฟู้ดส์ จำกัด การเข้าลงทุนใน NRIP ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและส่งออกอาหารแห้งและเครื่องปรุงรสที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลและการเปิดตัวโรงแรมแบรนด์ “อาศัย” (ASAI) เจาะกลุ่มลูกค้ามิลเลนเนียล โดย บริษัทมีแผนที่จะเปิดโรงแรมภายใต้แบรนด์ ASAI ประมาณ 10 แห่งต่อปีทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดย ณ สิ้นไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทมีโรงแรมที่จะพัฒนาภายใต้แบรนด์ ASAI รวม 6 แห่งในประเทศไทย เมียนมา และฟิลิปปินส์
มั่นใจเติบโตตลอดทั้งปี

โปรโมทแทรกอีบุ๊ก-6

จากการขยายตัวของธุรกิจในช่วงดังกล่าว ก็ทำให้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่มองว่ายังมี แนวโน้มดีต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 2 และตลอดทั้งปีนี้

นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานกรรมการบริหารบริษัทเอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) และสายการบินไทยแอร์เอเชีย เผยว่าไตรมาส 2 ก็มองว่าไทยแอร์เอเชีย ยังจะเดินหน้าต่อไปอย่างดีตามแผนที่วางไว้ โดยเฉพาะการเพิ่มความถี่เที่ยวบินในเส้นทางที่ได้รับความนิยม โดยปีนี้สายการบินยังตั้งเป้ายอดผู้โดยสาร 23.2 ล้านคน อัตราการขนส่งผู้โดยสารที่ 87% และรับเครื่องบินตลอดปี 7 ลำ จบสิ้นปีด้วยฝูงบินรวม 63 ลำ ซึ่งจะทำให้ TAA มีความแข็งแกร่งทั้งด้านผลการดำเนินงานและผลประกอบการในปีนี้แน่นอน

นายรณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ รองประธานอาวุโสฝ่ายการเงินและบริหารบริษัทโรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน)หรือ CENTEL เผยว่า ในปี 2561 เชื่อมั่นว่าผลการดำเนินงานทั้งธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอาหารจะปรับตัวดีขึ้น จากการคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งไทยและมัลดีฟส์ ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อผลการ
ดำเนินงานของธุรกิจโรงแรม คงประมาณการการเติบโตของ RevPar ของกลุ่มโรงแรมเดิมที่ 3-4% เทียบปีก่อน และโรงแรมใหม่ 2 แห่งที่ศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ และเกาะสมุย จะช่วยสร้างรายได้ธุรกิจโรงแรมอีก 3-4% เพิ่มเติมจากรายได้ของกลุ่มโรงแรมเดิม

ทั้งภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2561 คาดว่าจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ รวมถึงการเร่งใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐในช่วงครึ่งปีหลัง กอปรกับเริ่มเข้าสู่ช่วงหาเสียงในการเลือกตั้งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในต้นปี 2562 ปัจจัยดังกล่าวมีส่วนสนับสนุนให้การบริโภคภายในประเทศเพิ่มขึ้นนั่นเอง

หน้า 22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3367 ระหว่างวันที่ 20-23 พ.ค. 2561

e-book-1-503x62-7