‘วิษณุ’ โต้ข้อหาสี่ปี “ยังไม่ได้ปฏิรูป” อ้างเพิ่งมีแผนเพียง 1 ปี
- 16 พ.ค. 61 - นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมการปฏิรูปด้านกฎหมาย กล่าวถึงกระบวนการปฏิรูป โดยแสดงความเป็นห่วงว่าการปฏิรูปจะไม่สำเร็จเพราะให้ข้าราชการเป็นฝ่ายปฏิบัติว่า ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกับนายบวรศักดิ์หลายครั้ง นายบวรศักดิ์อาจขี้บ่นหน่อย แต่ใจจริงคงไม่มีอะไร คิดว่าเป็นความรู้สึกคล้ายๆ กันกับคณะกรรมการที่ทำเรื่องปฏิรูปทั้ง 11 คณะ ที่มองว่าการปฏิรูปเป็นเรื่องยาก
นายวิษณุ กล่าวว่า นายบวรศักดิ์ไม่ได้บ่นในเชิงท้อแท้ แต่อยากทำอะไรอีกเยอะ ขณะนี้มีหลายเรื่องที่นายบวรศักดิ์เสนอมายังอยู่บนโต๊ะทำงานของตนและของนายกรัฐมนตรี ต้องเข้าใจว่าการปฏิรูปเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา ต่างจากการปฏิวัติที่ทำใน 24 ชั่วโมงได้ ส่วนที่พูดกันว่าการปฏิรูปคงไม่สำเร็จเพราะไปฝากผีฝากไข้กับข้าราชการนั้น นายบวรศักดิ์เข้าใจดีว่าการปฏิรูปคือการไปเปลี่ยนแปลงสังคมหรือสิ่งที่คนทำจนเคยชิน ดังนั้น เมื่อคิดจะปฏิรูประบบราชการและกฎหมายซึ่งสิ่งเหล่านี้เคยอยู่ในมือข้าราชการมาก่อน ก็ต้องคิดให้ได้ว่าทำอย่างไรจึงจะสำเร็จ
นายวิษณุ กล่าวว่า ความคิดที่จะปฏิรูปนั้นมีมาหลายรัฐบาล ตนอยู่กับรัฐบาลมา 4 คณะจึงได้เห็นบ้าง บางรัฐบาลใช้วิธี Top-Down คือข้างบนสั่งลงไป ให้ข้างล่างไปทำ ซึ่งไม่สำเร็จ เพราะเมื่อรัฐบาลออกไป ส่วนข้างล่างก็เลิกทำ บางรัฐบาลใช้วิธี Bottom-up คือจากข้างล่างขึ้นบน ให้ฝ่ายราชการคิดมาว่าอยากปฏิรูปอะไร รัฐบาลจะสนับสนุน ซึ่งไม่สำเร็จเช่นกัน เพราะฝ่ายราชการก็ไม่คิด และส่วนใหญ่จะบอกว่าทุกอย่างดีอยู่แล้ว วันนี้จึงคิดว่าควรทำทั้ง 2 อย่างพร้อมกัน
“ดังนั้น วันนี้ที่มอบหมายให้ข้าราชการทำเรื่องปฏิรูปเพราะหลายเรื่องเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับข้าราชการเอง เช่น การยกเลิกการขอดูบัตรประชาชน การยกเลิกการถ่ายเอกสาร แต่จะปล่อยให้ข้าราชการทำฝ่ายเดียวไม่ได้ ต้องมีการตรวจสอบ ด้วยเหตุนี้ จึงให้คณะกรรมการปฏิรูปเป็นฝ่ายคิดว่าจะปฏิรูปอะไร เพราะถ้าข้าราชการคิดก็คิดไม่ออก” นายวิษณุ กล่าว
นายวิษณุกล่าวว่า เมื่อได้ออกมาเป็นแผนปฏิรูปประเทศซึ่งเพิ่งประกาศลงราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 6 เม.ย. รวมเวลาเพียง 1 เดือน 10 วัน แล้วจะเอาอะไรกันนักกันหนา หลังจากนี้ผู้ปฏิบัติก็ต้องเป็นข้าราชการ เพราะพวกเขามีคน มีงบประมาณ มีอำนาจ แต่ถ้าปล่อยไว้แค่นี้ รับรองได้ว่าพวกเขาไม่ทำอะไรทั้งนั้น เราจึงให้คณะกรรมการปฏิรูป 11 คณะ คณะละ 15 คน ยังต้องอยู่ต่อ รวมเวลา 5 ปี ตอนนี้อยู่มาแล้ว 1 ปี เพื่อตรวจสอบดูแลว่าส่วนราชการต่างๆ ได้ทำตามแผนที่วางไว้หรือไม่
“ดังนั้น จึงไม่ใช่การวางแผนแล้วลอยแพ แต่มีคณะกรรมการปฏิรูปซึ่งนายบวรศักดิ์เป็น 1 ใน 11 คณะคอยติดตามดู และยังมีคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. เป็นประธานคอยกำกับอีกชั้นหนึ่ง นอกจากนี้ ยังมีสภาพบังคับและโทษสำหรับส่วนราชการที่ไม่ปฏิบัติตามแผนยุทธศาสตร์หรือแผนปฏิรูปประเทศด้วย เช่น อาจมีการรายงานไปยังครม. หาก ครม.ไม่ทำอะไรก็รายงานไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้ฟ้องข้อหาจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย และหาก ป.ป.ช.เห็นว่าเป็นเรื่องร้ายแรง อาจให้ผู้บังคับบัญชาหน่วยงานนั้นๆ หยุดการปฏิบัติงานหรือออกจากราชการชั่วคราวได้” นายวิษณุ กล่าว
นายวิษณุ กล่าวต่อว่า หากถามว่าก่อนหน้านี้ เกือบ 4 ปีตั้งแต่รัฐบาล คสช.เข้ามาได้ทำเรื่องปฏิรูปอะไรบ้าง ตนต้องบอกว่าขณะนั้นยังไม่มีแผน แต่ก็ได้ทำไปบ้างแล้ว อีกไม่ช้าคงมีการชี้แจงแสดงผลงาน ด้วยเหตุนี้นายกฯจึงรู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจกับการบอกว่ารัฐบาลไม่ได้ทำอะไรในเรื่องปฏิรูป เพราะหากมองรอบตัวหลายอย่างได้เปลี่ยนแปลงแล้ว เพียงแต่ยังไม่เห็นผลทุกเรื่องเท่านั้น รัฐบาลจึงต้องการเวลาในการทำความเข้าใจ ไม่ใช่มีมาตรา 44 แล้วจะปฏิรูปได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการปรับในส่วนราชการหรือไม่หลังนายบวรศักดิ์ออกมาท้วงติง นายวิษณุกล่าวว่า ปรับอยู่แล้ว ซึ่งในเดือน มิ.ย. นายกฯจะมาปักหมุด โดยแบ่งเป็นเรื่องๆ เช่น เมื่อครบ 5 ปี ทุกส่วนราชการต้องทบทวนกฎหมายที่มีอยู่ กฎหมายใดที่ล้าสมัยต้องยกเลิก รวมถึงได้ออกพระราชกฤษฎีกาทบทวนความจำเป็นของกฎหมายแล้วด้วย
เมื่อถามว่า จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการอะไรเพิ่มเติมอีกหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า จะมีการตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปกฎหมายในระยะเร่งด่วน โดยมีนายบวรศักดิ์เป็นประธาน ซึ่งไม่ซ้ำซ้อนกับคณะกรรมการปฏิรูปด้านกฎหมายที่มีหน้าที่วางแผนปฏิรูป เพราะคณะกรรมการชุดนี้เป็นชุดที่ทำ เนื่องจากบางเรื่องเป็นกฎหมายที่ไม่มีกระทรวงเป็นเจ้าภาพ
เมื่อถามว่า การที่นายบวรศักดิ์ออกมาระบุแบบนี้ อาจเป็นข้ออ้างให้รัฐบาลเเละคสช.อยู่ต่อหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่เกี่ยวอะไรเลย รัฐบาลไม่เคยใช้ให้นายบวรศักดิ์ไปพูด และขอบคุณที่นายบวรศักดิ์ช่วยพูด เพราะคนทั้งประเทศจะได้รู้ว่าการปฏิรูปเป็นเรื่องยุ่งยาก เมื่อถามว่า ดูเหมือนว่านายกฯไม่ค่อยพอใจที่นายบวรศักดิ์พูดแบบนี้ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ทราบ
นายวิษณุ กล่าวว่า นายบวรศักดิ์ไม่ได้บ่นในเชิงท้อแท้ แต่อยากทำอะไรอีกเยอะ ขณะนี้มีหลายเรื่องที่นายบวรศักดิ์เสนอมายังอยู่บนโต๊ะทำงานของตนและของนายกรัฐมนตรี ต้องเข้าใจว่าการปฏิรูปเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา ต่างจากการปฏิวัติที่ทำใน 24 ชั่วโมงได้ ส่วนที่พูดกันว่าการปฏิรูปคงไม่สำเร็จเพราะไปฝากผีฝากไข้กับข้าราชการนั้น นายบวรศักดิ์เข้าใจดีว่าการปฏิรูปคือการไปเปลี่ยนแปลงสังคมหรือสิ่งที่คนทำจนเคยชิน ดังนั้น เมื่อคิดจะปฏิรูประบบราชการและกฎหมายซึ่งสิ่งเหล่านี้เคยอยู่ในมือข้าราชการมาก่อน ก็ต้องคิดให้ได้ว่าทำอย่างไรจึงจะสำเร็จ
นายวิษณุ กล่าวว่า ความคิดที่จะปฏิรูปนั้นมีมาหลายรัฐบาล ตนอยู่กับรัฐบาลมา 4 คณะจึงได้เห็นบ้าง บางรัฐบาลใช้วิธี Top-Down คือข้างบนสั่งลงไป ให้ข้างล่างไปทำ ซึ่งไม่สำเร็จ เพราะเมื่อรัฐบาลออกไป ส่วนข้างล่างก็เลิกทำ บางรัฐบาลใช้วิธี Bottom-up คือจากข้างล่างขึ้นบน ให้ฝ่ายราชการคิดมาว่าอยากปฏิรูปอะไร รัฐบาลจะสนับสนุน ซึ่งไม่สำเร็จเช่นกัน เพราะฝ่ายราชการก็ไม่คิด และส่วนใหญ่จะบอกว่าทุกอย่างดีอยู่แล้ว วันนี้จึงคิดว่าควรทำทั้ง 2 อย่างพร้อมกัน
“ดังนั้น วันนี้ที่มอบหมายให้ข้าราชการทำเรื่องปฏิรูปเพราะหลายเรื่องเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับข้าราชการเอง เช่น การยกเลิกการขอดูบัตรประชาชน การยกเลิกการถ่ายเอกสาร แต่จะปล่อยให้ข้าราชการทำฝ่ายเดียวไม่ได้ ต้องมีการตรวจสอบ ด้วยเหตุนี้ จึงให้คณะกรรมการปฏิรูปเป็นฝ่ายคิดว่าจะปฏิรูปอะไร เพราะถ้าข้าราชการคิดก็คิดไม่ออก” นายวิษณุ กล่าว
นายวิษณุกล่าวว่า เมื่อได้ออกมาเป็นแผนปฏิรูปประเทศซึ่งเพิ่งประกาศลงราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 6 เม.ย. รวมเวลาเพียง 1 เดือน 10 วัน แล้วจะเอาอะไรกันนักกันหนา หลังจากนี้ผู้ปฏิบัติก็ต้องเป็นข้าราชการ เพราะพวกเขามีคน มีงบประมาณ มีอำนาจ แต่ถ้าปล่อยไว้แค่นี้ รับรองได้ว่าพวกเขาไม่ทำอะไรทั้งนั้น เราจึงให้คณะกรรมการปฏิรูป 11 คณะ คณะละ 15 คน ยังต้องอยู่ต่อ รวมเวลา 5 ปี ตอนนี้อยู่มาแล้ว 1 ปี เพื่อตรวจสอบดูแลว่าส่วนราชการต่างๆ ได้ทำตามแผนที่วางไว้หรือไม่
“ดังนั้น จึงไม่ใช่การวางแผนแล้วลอยแพ แต่มีคณะกรรมการปฏิรูปซึ่งนายบวรศักดิ์เป็น 1 ใน 11 คณะคอยติดตามดู และยังมีคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. เป็นประธานคอยกำกับอีกชั้นหนึ่ง นอกจากนี้ ยังมีสภาพบังคับและโทษสำหรับส่วนราชการที่ไม่ปฏิบัติตามแผนยุทธศาสตร์หรือแผนปฏิรูปประเทศด้วย เช่น อาจมีการรายงานไปยังครม. หาก ครม.ไม่ทำอะไรก็รายงานไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้ฟ้องข้อหาจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย และหาก ป.ป.ช.เห็นว่าเป็นเรื่องร้ายแรง อาจให้ผู้บังคับบัญชาหน่วยงานนั้นๆ หยุดการปฏิบัติงานหรือออกจากราชการชั่วคราวได้” นายวิษณุ กล่าว
นายวิษณุ กล่าวต่อว่า หากถามว่าก่อนหน้านี้ เกือบ 4 ปีตั้งแต่รัฐบาล คสช.เข้ามาได้ทำเรื่องปฏิรูปอะไรบ้าง ตนต้องบอกว่าขณะนั้นยังไม่มีแผน แต่ก็ได้ทำไปบ้างแล้ว อีกไม่ช้าคงมีการชี้แจงแสดงผลงาน ด้วยเหตุนี้นายกฯจึงรู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจกับการบอกว่ารัฐบาลไม่ได้ทำอะไรในเรื่องปฏิรูป เพราะหากมองรอบตัวหลายอย่างได้เปลี่ยนแปลงแล้ว เพียงแต่ยังไม่เห็นผลทุกเรื่องเท่านั้น รัฐบาลจึงต้องการเวลาในการทำความเข้าใจ ไม่ใช่มีมาตรา 44 แล้วจะปฏิรูปได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการปรับในส่วนราชการหรือไม่หลังนายบวรศักดิ์ออกมาท้วงติง นายวิษณุกล่าวว่า ปรับอยู่แล้ว ซึ่งในเดือน มิ.ย. นายกฯจะมาปักหมุด โดยแบ่งเป็นเรื่องๆ เช่น เมื่อครบ 5 ปี ทุกส่วนราชการต้องทบทวนกฎหมายที่มีอยู่ กฎหมายใดที่ล้าสมัยต้องยกเลิก รวมถึงได้ออกพระราชกฤษฎีกาทบทวนความจำเป็นของกฎหมายแล้วด้วย
เมื่อถามว่า จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการอะไรเพิ่มเติมอีกหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า จะมีการตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปกฎหมายในระยะเร่งด่วน โดยมีนายบวรศักดิ์เป็นประธาน ซึ่งไม่ซ้ำซ้อนกับคณะกรรมการปฏิรูปด้านกฎหมายที่มีหน้าที่วางแผนปฏิรูป เพราะคณะกรรมการชุดนี้เป็นชุดที่ทำ เนื่องจากบางเรื่องเป็นกฎหมายที่ไม่มีกระทรวงเป็นเจ้าภาพ
เมื่อถามว่า การที่นายบวรศักดิ์ออกมาระบุแบบนี้ อาจเป็นข้ออ้างให้รัฐบาลเเละคสช.อยู่ต่อหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่เกี่ยวอะไรเลย รัฐบาลไม่เคยใช้ให้นายบวรศักดิ์ไปพูด และขอบคุณที่นายบวรศักดิ์ช่วยพูด เพราะคนทั้งประเทศจะได้รู้ว่าการปฏิรูปเป็นเรื่องยุ่งยาก เมื่อถามว่า ดูเหมือนว่านายกฯไม่ค่อยพอใจที่นายบวรศักดิ์พูดแบบนี้ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ทราบ