"อีตั้น"ดันเอ็มพีวีญี่ปุ่น สู้ตลาดรถนําเข้า-หวังปีนี้โต10%

09 มิ.ย. 2561 | 12:34 น.
ควํ่าหวอดอยู่ในวงการรถนำเข้ากว่า 20 ปีสำหรับ “อีตั้นอิมปอร์ท” และมี 4 สาขาให้เลือกสรรอย่าง ศรีนครินทร์, รัชดาฯ, เชียงใหม่, ขอนแก่น พร้อมทั้งมีรถหลากโมเดลรองรับลูกค้าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา และแม้ว่าในช่วง 2-3 ปีธุรกิจรถนำเข้าจะเจอมรสุมโหมกระหนํ่า แต่อีตั้นยังคงเดินหน้าลุย ล่าสุดมีการปรับโพสิชัน และโฟกัส ทิศทางการทำตลาดอย่างชัดเจน โดยจะเน้นหนักไปที่รถในกลุ่มครอบครัว เรียกว่าหากลูกค้ากำลังมองหารถในกลุ่มนี้จะต้องมีชื่อของ อีตั้นเป็นชอยซ์แรกในการซื้อ

นอกจากหาจุดแข็งของตนเองได้แล้ว ในปีนี้อีตั้นจะมีแผนอะไรเพิ่มเติมขึ้นมาอีก วันนี้แม่ทัพใหญ่ “อัจฉรีย์ ตันติยันกุล” ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด อีตั้นอิมปอร์ท กรุ๊ป จะมาบอกเล่าผ่าน “ฐานยานยนต์” โฟกัสรถครอบครัว 5665956 เราอยู่ในตลาดมานาน และมีรถหลายรุ่นที่เข้ามาตอบโจทย์ลูกค้าทั้งกลุ่มสปอร์ต, ซีดาน, อเนกประสงค์ แต่ปัจจุบันเราจะโฟกัสไปที่รถครอบครัว หรือกลุ่มเอ็มพีวี เพราะที่ผ่านมารถกลุ่มนี้มีสัดส่วนการขายกว่า 70-80% โดยมีโมเดลหลักคือ อัลพาร์ด และเวลไฟร์ หรือจะเป็นกลุ่มเอ็มพีวีขนาดกลางอย่าง เอสติม่า, เซเรน่า, เอสไควร์, วอกซี่ ส่วนรถที่ได้รับความนิยมรองลงมาคือรถอเนกประสงค์อย่างเอสยูวี ไม่ว่าจะเป็นแฮริเออร์, เลกซัส เอ็นเอ็กซ์, อาร์เอ็กซ์ ซึ่งเมื่อรวมกันเฉพาะกลุ่มนี้มีหลายรุ่นหลายซีรีส์มากที่จะตอบโจทย์ลูกค้าอย่างไรก็ดีหากลูกค้าต้องการรถในเซ็กเมนต์อื่นๆเราก็มีนำเสนอ หรือพร้อมจะนำเข้ามาให้
เข้าหากลุ่มออนไลน์

กลยุทธ์ทางการตลาด จากเดิมที่มีช่องทางการขายปกติผ่านโชว์รูม หรือกิจกรรมโรดโชว์ ที่เราไปจัดกิจกรรมทุกเดือน เรายังเน้นสื่อสารผ่านออนไลน์ ผ่านโซเชียล อาทิ เฟซบุ๊ก ไลน์ อินสตาแกรม เว็บไซต์ โดยพนักงานฝ่ายขายแต่ละคนจะมีคอนเทนต์ และต้องให้ความรู้กับลูกค้าเกี่ยวกับโปรดักต์ต่างๆรวมไปถึงข้อมูลด้านอื่นเพื่อให้ลูกค้าได้รถที่เหมาะสมกับการใช้งานของตนเองมากที่สุด

รุกหนักมือ 2

เราเปิดอีตั้น ชอยส์ มาประมาณ 2 ปี เพื่อเป็นการช่วยเทรด-อิน รับซื้อ-ขายรถจากลูกค้าที่จะมาซื้อรถใหม่กับเรา ซึ่งรถที่ลูกค้านำมาเทรดนั้นจะได้รับราคาที่เหมาะสม และเราจะนำมาเข้าโปรแกรมการขายต่อไป พร้อมทั้งมีการตรวจสภาพ รับประกันตัวสินค้าสำหรับลูกค้าที่จะมาซื้อไปเป็นระยะเวลา 3 เดือน 5,000 กิโลเมตร โดยในช่วงที่ผ่านมาเรามียอดขายรถจากอีตั้น ชอยส์ประมาณ 10% จากยอดรถใหม่ และในอนาคตหากมีปริมาณเพิ่มขึ้นอาจจะขยายสาขาเพิ่มจากปัจจุบันที่เปิดในบริเวณเดียวกับสำนักงานใหญ่ศรีนครินทร์
Booth-Eastville8 เปิดกว้างศูนย์บริการ

บริการหลังการขายของเรา ให้บริการทั้งรถที่ลูกค้าซื้อกับเรา และรถนำเข้าที่มาจากที่อื่น โดยไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียม แต่ความพิเศษของลูกค้าที่ซื้อกับเราจะมีส่วนลดค่าบริการต่างๆ มากกว่า ซึ่งปัจจุบันรถที่มาเข้ารับบริการหลังการขายเฉลี่ยอยู่ที่ 600-700 คัน

เพิ่มบริการเคลือบแก้ว

เรามีการจับมือกับแบรนด์เคลือบแก้ว และทำแคมเปญให้กับลูกค้า ภายใต้ชื่อ “สุขคูณสอง” เพียงแนะนำเพื่อนมาซื้อรถกับเราจะได้รับเคลือบแก้วฟรีมูลค่ากว่า 1 แสนบาท โดยแบรนด์เคลือบแก้วนี้อยู่ในระดับพรีเมียม ซึ่งหากลูกค้าตอบรับดีเราอาจจะขยายสาขาในอนาคต

เป้าหมายปี 61

ในปี 2560 เรามียอดขาย 402 คันเติบโตจากปี 2559 ประมาณ 30% และเป้าหมายในปีนี้จะเติบโต 10%
Booth-Eastville

ภาพรวมตลาดรถนำเข้า

สถานการณ์ของรถนำเข้าตอนนี้ถือว่านิ่งแล้ว เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ ที่มีปัจจัยต่างๆ เข้ามากระทบไม่ว่าจะเป็น การปรับเปลี่ยนวิธีการตรวจสอบ การจัดเก็บภาษีรูปแบบใหม่ ที่ส่งผลให้ราคาขายต้องมีการปรับขึ้นมา ทั้งหมดนี้ถือว่าเราผ่านวิกฤติมาได้หมดแล้ว ส่วนการแข่งขันในตอนนี้เป็นไปตามสภาพตลาดรวม ไม่ได้หวือหวามากนัก แต่ก็ไม่ดุเดือดเหมือนแต่ก่อน ในส่วนของแคมเปญก็ยังคงมีอยู่ ถือเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้

สำหรับอีตั้นมองว่า “การทำธุรกิจรถนำเข้าไม่ใช่เฉพาะแค่การขาย แต่ต้องดูแลลูกค้า มีความพร้อมในการให้บริการด้านต่างๆ” ดังนั้นเมื่อตลาดนี้มีปัจจัยต่างๆเข้ามากระทบบ่อยๆ ทำให้ผู้ประกอบการบางรายที่ไม่ได้จริงจัง ก็หายไปกว่าครึ่งหนึ่ง แต่สำหรับเราเองยังคงเดินหน้าที่จะทำธุรกิจนี้ต่อไป
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว เชกชั่นฐานยานยนต์ ฐานเศรษฐกิจ หน้า 32- 33 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,366 วันที่ 17-19 พฤษภาคม พ.ศ.2561