อุตฯ ดัน SME TRANSFORM เข้าสู่ยุค 4.0 หนุนก้าวสู่ตลาดโลก

15 พ.ค. 2561 | 03:00 น.
 

ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีถือว่ามีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เพราะเป็นผู้ประกอบการที่มีจำนวนมากที่สุด แต่ด้วยโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วส่งผลให้การดำเนินธุรกิจกำลังก้าวเข้าสู่ “โลกยุคใหม่” ที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่มาเป็นตัวเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดด

SMEs จำเป็นต้องเร่งปรับตัวให้ทันกับเทคโนโลยีที่เกิดขึ้น เพื่อความอยู่รอด และแข่งขันกับผู้ประกอบการรายอื่นๆ ได้ นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ให้สัมภาษณ์กับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงทิศทางในการเข้าไปช่วยเหลือเอสเอ็มอีเข้าสู่ยุค 4.0 ไว้อย่างน่าสนใจ
151591 - ก้าวทันพฤติกรรมผู้บริโภค
นายอุตตม ชี้ให้เห็นว่า อิทธิพลของเทคโนโลยี มีผลต่อวิธีการดำเนินธุรกิจในแทบจะทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบกระบวนการผลิตสินค้าและบริการ การดำเนินธุรกิจ (Business Model) พฤติกรรมผู้บริโภค ความต้องการของลูกค้า ตลาดแรงงาน วิธีการทำการตลาด หรือการทำธุรกรรมทางการเงิน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยียุคนี้ นอกจากเป็นไปอย่างรวดเร็วและซับซ้อนขึ้นแล้ว ยังได้เชื่อมโยงส่วนต่างๆ เข้าด้วยกัน ส่งผลให้เส้นแบ่งระหว่างผลิตภัณฑ์หรือการบริการต่างๆ เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

บริบทและกระแสต่างๆ ที่กล่าวมา บังคับให้ทุกประเทศในโลกจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อรับกับการเปลี่ยนแปลง และไม่ใช่เฉพาะในภาคการผลิต แต่ครอบคลุมทุกอย่างในชีวิตมนุษย์บนโลก เป็นความท้าทายต่อทุกสาขาอาชีพ ยึดโยงกับทุกภาคส่วน การปรับตัวจึงเป็นความจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะโลกเปลี่ยนแปลงเร็วมาก ถ้าเรายังทำสิ่งเดิมๆ ต่อไป แม้จะเดินหน้าต่อไปได้ ก็จะช้าลงเรื่อยๆ แรงถ่วงจะมีมากขึ้นทุกขณะ
5658856 ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมจึงได้ดำเนินการจัดงานแสดงกิจกรรมมาตรการเพื่อขับเคลื่อน SMEs สู่ยุค 4.0 ภายใต้ชื่องาน SME Transform #พร้อมเปลี่ยน ประชารัฐร่วมใจ เชื่อม SMEs ไทยสู่สากล ระหว่างวันที่ 18-20 พฤษภาคม 2561 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 2 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดการร่วมมือกันทุกภาคส่วน รวมถึงตอกย้ำถึงพลังเครือข่ายประชารัฐที่ช่วยขับเคลื่อนและยกระดับ SMEs สู่ยุค 4.0

อีกทั้งยังเป็นเวทีให้ SMEs ที่ประสบความสำเร็จได้แสดงถึงศักยภาพในการเติบโต ถ่ายทอดแนวคิดว่าต้องผ่านอะไรมาบ้างจึงประสบความสำเร็จ อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ที่ให้ SMEs ที่ต้องการพัฒนาตนเอง ได้เรียนรู้ ทำความเข้าใจแนวทาง กลไกในการยกระดับ รวมไปถึงโอกาสการปรับเปลี่ยนธุรกิจ สู่การเป็น Smart SMEs นอกจาก SMEs แล้วยังรวมไปถึง เกษตรกรเปลี่ยนตัวเองสู่ นักธุรกิจเกษตร, Smart OTOP และ Startup ด้วยภาครัฐมีความตั้งใจให้ทั้ง SMEs เกษตรกร OTOP และ Startup เข้มแข็ง เพราะถึงแม้จะเป็นฟันเฟืองเล็กๆ แต่สำคัญของประเทศ ด้วยสัดส่วนผู้ประกอบการในกลุ่มเหล่านี้มีถึงร้อยละ 99 ของวิสาหกิจทั้งหมด

- เปิดมุมมองเปลี่ยนธุรกิจสู่ยุค 4.0

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการ SMEs ที่เข้าร่วมงาน จะได้เปิดมุมมองการปรับเปลี่ยนธุรกิจให้ก้าวทันสู่ยุค 4.0 พร้อมบริการต่าง ๆ จากเครือข่ายธุรกิจ พี่เลี้ยงทางธุรกิจ และสินเชื่อที่เหมาะสมกับธุรกิจ โดยมีโซนต่างๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ โซนเศรษฐกิจชุมชนเข้มแข็ง (Local Economy Zone) พบการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ชุมชน เชื่อมโยงสู่การท่องเที่ยว และการยกระดับวิสาหกิจชุมชน สู่นักธุรกิจมืออาชีพ ,โซนพลิกโอกาสสร้างธุรกิจ (Startup Zone) พบกับผลงานความสำเร็จของนักธุรกิจรุ่นใหม่ พร้อมบริการที่เหมาะสมสู่การเป็น Startup โซนปรับเปลี่ยนยกระดับธุรกิจ (Spring Up Zone) พื้นที่แสดงเครื่องมือในการปรับเปลี่ยนธุรกิจรองรับ 4.0 และ Big Brother องค์กรขนาดใหญ่ที่จะมาช่วยเหลือให้คำปรึกษาแก่ SMEsให้เติบโต มั่นคง และขยายโอกาสสู่ตลาดต่างประเทศ เช่น ปตท. Denso ลาซาด้า SCG เถ้าแก่น้อย เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมี " โซน SME ONE เชื่อมต่อทุกความต้องการธุรกิจ" เป็นส่วนที่ให้บริการปรึกษาแนะนำทางธุรกิจครบวงจร มาจุดเดียวครบทุกหน่วยงานที่ให้บริการแก่ SMEs โซนการเงินเสริมแกร่ง (Financial Zone) รวมแพ็กเก็จสินเชื่อ SMEs จากทุกธนาคาร ในโปรโมชันสุดพิเศษ และโซนช็อปสินค้าดีมีคุณภาพ (Premium Product) พบกับสินค้า SMEs มีมาตรฐาน คุณภาพดี ในราคาโรงงาน

ที่สำคัญมีไฮไลต์งานสัมมนาเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการดำเนินธุรกิจ และหัวข้อสัมมนาที่เป็นองค์ความรู้นำไปต่อยอดธุรกิจให้ก้าวกระโดด ตลอดทั้ง 3 วัน จากวิทยากรที่มีชื่อเสียงและมีประสบการณ์ตรง ทั้งภาครัฐ และเอกชน  บูธศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรม หรือ ITC ซึ่งเป็นเครื่องมือที่จะช่วยปรับเปลี่ยน และยกระดับให้ SMEs สู่สากล  พื้นที่จัดแสดงหมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ประกอบด้วย หมู่บ้านสมุนไพร-น้ำเกี๋ยน หมู่บ้านสีเขียว-นาตีน หมู่บ้านเกษตรแปรรูป-ศาลาดิน การปรับกระบวนการผลิตด้วยดิจิตอล-บ้านเชียง และการยกระดับเกษตรกรสู่ SMEs เกษตร เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนด้วยนวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ไข่ขาวพร้อมทาน มะม่วงน้ำดอกไม้พร้อมทาน เงาะอบแห้งจากสุราษฎร์ธานี ผลิตภัณฑ์ไม้ไผ่จากปราจีนบุรี

- เข้าถึงนโยบายรัฐและทิศทางธุรกิจ
นายอุตตม กล่าวอีกว่า สำหรับเอสเอ็มอีที่มาร่วมงานดังกล่าว จะเกิดการรับทราบและความเข้าใจในนโยบายของกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ อีกทั้งทิศทางในการดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรม รวมถึงผลสำเร็จของกระทรวงอุตสาหกรรมจากการต่อยอดจากนโยบายของภาครัฐ โดยผู้ประกอบการจะเกิดความตระหนักและแรงบันดาลใจในการพัฒนาธุรกิจของตนเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับภาคอุตสาหกรรมให้มีความเจริญรุดหน้าสร้างความเข้มแข็งและมั่นคงให้กับเศรษฐกิจของประเทศ ส่งผลให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น พร้อมสร้างภาพลักษณ์องค์กรในฐานะผู้นำการขับเคลื่อนนโยบายด้านการพัฒนาเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมเอสเอ็มอี และผู้ประกอบการไทย ให้แข็งแกร่งพร้อมก้าวเข้าสู่ Thailand 4.0 และสู่ตลาดโลกได้

“การก้าวเข้าสู่ตลาดโลกของเอสเอ็มอี ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญ  ซึ่งบางทีเอสเอ็มอีอาจมีผลิตภัณฑ์เป็นที่ต้องการของตลาด แต่บรรจุภัณฑ์ไม่ดึงดูด ก็ทำให้ไม่สามารถขายของได้  เราจึงต้องการมีส่วนช่วยปรับปรุงและพัฒนาเอสเอ็มอีให้ก้าวไปสู่ระดับโลกได้ ซึ่งภายในงานจะมีบูธต่างๆที่พร้อมจะช่วยผลักดันเอสเอ็มอีให้ไปสู่ตลาดโลกได้”

ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาจัดงานทั้ง 3 วัน คาดว่าจะมีเอสเอ็มอี และวิสาหกิจชุมชน เข้าร่วมงานไม่ต่ำกว่า 50,000 คน โดยน่าจะมีความสนใจเข้ารับบริการผ่านมาตรการส่งเสริมและพัฒนา จำนวนไม่ต่ำกว่า 5,000 ราย หรือมีมูลค่าสินเชื่อที่ยื่นขอกับธนาคารต่างๆ ที่มาร่วมออกบูธทั้งหมดรวมกันไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท