'นิชซึ' เล็งปรับกลยุทธ์! มุ่งออนไลน์ปั้นรายได้
บริษัท มาร์แม็กซ์ เล็งปรับกลยุทธ์ทางการตลาด มุ่งช่องทางออนไลน์ หวังเพิ่มสัดส่วนรายได้ขยับขึ้นเป็น 10% พร้อมเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า เชื่อสร้างรายได้ปีนี้ 18 ล้านบาท แย้มปีหน้าใช้บล็อกเกอร์แนะนำผลิตภัณฑ์เพิ่มสัดส่วนรายได้ออนไลน์เป็น 15%
น.ส.ชัญญาพัชญ์ ชาญศิริธนาวัฒน์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท มาร์แม็กซ์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเวชสำอางภายใต้แบรนด์ 'นิชซึ' (NichSu) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ในปี 2561 บริษัทจะมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางการตลาด โดยมุ่งเน้นการทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้น โดยการประชาสัมพันธ์ผ่านเพจเฟซบุ๊กและแฟนเพจ เพื่อกระจายฐานลูกค้าจากร้านวัตสันจำนวน 250 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งเป็นช่องทางจำหน่ายหลักของแบรนด์ในปัจจุบัน ให้เข้ามาใช้ช่องทางออนไลน์ผ่านการจัดกิจกรรมบนช่องทางดังกล่าวมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นการช่วยรักษาฐานลูกค้าเดิมและเพิ่มลูกค้าใหม่ควบคู่กัน
[caption id="attachment_280751" align="aligncenter" width="316"]
ผู้จัดการทั่วไป บริษัท มาร์แม็กซ์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเวชสำอางภายใต้แบรนด์ 'นิชซึ' (NichSu)[/caption]
ทั้งนี้ จากกลยุทธ์ดังกล่าว คาดว่าจะช่วยเพิ่มสัดส่วนรายได้จากช่องทางออนไลน์เป็น 10% ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ จากเดิมที่มีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 5% เท่านั้น นอกจากนี้ ช่วงปลายเดือน เม.ย. 2561 นี้ บริษัทมีแผนที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาด ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ประเภทโฟมล้างหน้าและผลิตภัณฑ์ประเภทกันแดด เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ 'นิชซึ' จากเดิมที่มีอยู่แล้ว 3 ประเภท ได้แก่ 1.ครีมสำหรับใช้ตอนกลางวัน หรือ เดย์ ครีม (DAY CREAM) 2.ครีมสำหรับใช้ตอนกลางคืน หรือ ไนต์ ครีม (NIGHT CREAM) และ 3.เซรั่มบำรุงผิว (Serum)
"จากกลยุทธ์การทำตลาดดังกล่าว เชื่อว่าจะทำให้รายได้ของบริษัทในปีนี้อยู่ที่ประมาณ 18 ล้านบาท หรือ ประมาณเดือนละ 1.5 ล้านบาท โดยผลิตภัณฑ์ของบริษัทเริ่มทำตลาดเมื่อเดือน มิ.ย. 2560"
[caption id="attachment_280752" align="aligncenter" width="377"]
ด้านการขยายตลาดสู่ต่างประเทศขณะนี้ ยังไม่ได้มีการวางแผนอย่างเป็นทางการ เนื่องจากช่องทางด้านการส่งออกของบริษัทยังไม่แข็งแรงเพียงพอที่จะทำการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งในปัจจุบัน ก็มีตัวแทนจำหน่ายทางภาคตะวันออกนำผลิตภัณฑ์ไปจำหน่ายที่ประเทศเพื่อนบ้านบ้างแล้ว
ขณะที่ ในปี 2562 ในช่วงกลางปี จะเริ่มใช้กลยุทธ์การแนะนำผลิตภัณฑ์ผ่านผู้แนะนำผลิตภัณฑ์ผ่านช่องทางออนไลน์ หรือ บล็อกเกอร์ (Blogger) เพื่อเพิ่มจำนวนฐานลูกค้าให้กว้างขวางมากขึ้น โดยเชื่อว่าจะทำให้สัดส่วนลูกค้าบนช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้นเป็น 15% ได้จากยอดขายทั้งหมด นอกจากนี้ บนช่องทางออฟไลน์ก็จะดำเนินการรขยายตลาดไปสู่การจำหน่ายที่ร้านบูท (Boots) ซึ่งจะช่วยทำให้ผลิตภัณฑ์สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น
[caption id="attachment_280753" align="aligncenter" width="503"]
ชัญญาพัชญ์ กล่าวต่อไปอีกว่า จุดเด่นของผลิตภัณฑ์แบรนด์ 'นิชซึ' อยู่ที่การเป็นเวชสำอางพรีเมียมนวัตกรรมจากธรรมชาติที่เหมาะกับสภาพผิวของกลุ่มลูกค้าชาวเอเชียและชาวไทย โดยได้รับการรับรองจากอีโคเสิร์ท (Ecocert) ซึ่งเป็นสถาบันจากยุโรปที่ให้การรับรองสารสกัดที่เป็นออร์แกนิก ซึ่งบริษัทจะคัดเลือกสารประกอบที่ได้รับการรับรองจากสถาบันดังกล่าวมาเป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ โดยให้มีส่วนประกอบของสารเคมีให้น้อยที่สุด เพื่อความปลอดภัยต่อผิวพรรณของลูกค้า
ส่วนภาพรวมของธุรกิจในอนาคต จะมุ่งเน้นให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้ง่าย โดยการทำตลาดทางด้านออฟไลน์ควบคู่ไปกับบนช่องทางออนไลน์ อีกทั้งยังจะเน้นเรื่องการดูแลหลังการขาย ซึ่งกลุ่มลูกค้าของแบรนด์จะเป็นผู้ที่ผิวแพ้ง่าย ดังนั้น อาจจะมีผู้เชี่ยวชาญอย่างดีในตัวผลิตภัณฑ์เวชสำอางคอยให้คำแนะนำกับลูกค้าที่เข้ามาเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีความเหมาะสมกับสภาพผิวมากที่สุด
[caption id="attachment_280754" align="aligncenter" width="503"]
ชัญญาพัชญ์ กล่าวอีกว่า หลักคิดในการทำธุรกิจที่ยึดถือ คือ เน้นเรื่องความจริงใจในทุกตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็น ทางด้านการตลาด ก็ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญจริง ส่วนพนักงานขายก็ต้องสามารถดูแลปัญหาของลูกค้าได้อย่างแท้จริงและให้คำแนะนำกับลูกค้าตามความเป็นจริง หากเห็นว่าไม่เหมาะสมกับสภาพผิวลูกค้าก็จะไม่แนะนำให้ซื้อไปใช้ ทำให้ได้ใจจากลูกค้า แม้ว่าจะซื้อใช้เองไม่ได้ ก็จะแนะนำเพื่อนให้มาซื้อผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ 'นิชซึ'
……………….
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,354 วันที่ 5-7 เม.ย. 2561 หน้า 13
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
● 'สหพัฒน์' ปรับกลยุทธ์! จับมือพันธมิตรดันรายได้ 3.4 หมื่นล้าน
● บิลท์แลนด์เปิดกลยุทธ์รุกขาย“เลสโต”คอนโดแต่งครบเป้าโกยยอดพันล้าน
