เข้าสู่ปลายปีที่ 4 ในการบริหารประเทศของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถึงตอนนี้ดูเหมือนว่า เป้าหมายสำคัญในการทำงานคือการลงพื้นที่แบบถี่ยิบแบบเดือนชนเดือน เพื่อเข้าถึงหัวใจประชาชน จึงไม่แปลกที่จะเกิดข้อครหาจากฝ่ายการเมืองว่า คสช.ต้องการสืบทอดอำนาจ ผ่านการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต
เหนือไปกว่านั้นคือ การโจมตีตรง ๆ ไปยังหัวใจของผู้นำรัฐบาลว่า กำลังสร้างฐานอำนาจแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด โดยไม่ยอมให้พรรคการเมืองอื่นที่มีส่วนได้ส่วนเสีย ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง แต่ผู้นำรัฐบาลและ คสช.กลับดำเนินกิจกรรมทางการเมืองแต่เพียงผู้เดียว ปิดกั้นโอกาสคนอื่นโดยสิ้นเชิง
แม้แกนนำรัฐบาลจะออกมาชี้แจงว่า การลงพื้นที่พบปะประชาชนในแต่ละจังหวัด เป็นการติดตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อรับทราบปัญหาของประชาชน จะได้นำไปปรับใช้ให้มีประสิทธิภาพ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ทุกครั้งจะมีร่องรอยของการเลือกนายกรัฐมนตรีคนต่อไปทิ้งทุ่นไว้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นวาทกรรม
“รู้ใช่มั้ยว่าจะเลือกใคร” ทำให้การลงพื้นที่เพื่อพูดคุยรับฟังปัญหาจากประชาชนกลับถูกมองเป็น ปฏิบัติการเพื่อหวังผลทางการเมือง มากกว่าลงไปแก้ปัญหาให้กับประชาชน
แก่นแกนของความมุ่งหวังเพื่อที่จะเข้ามาแก้ปัญหาความยากจน และยกระดับคุณภาพชีวิตในพื้นที่ของประชาชนให้ดียิ่งขึ้น โดยที่ไม่ได้มุ่งหวังผลประโยชน์ หรือคะแนนนิยมทางการเมือง จึงถูกกลบไปจากข้อมูลข่าวสารที่ถูกสื่อความออกไปจากคณะรัฐบาลที่ส่งสัญญาณออกมาอย่างมีนัยแทบทุกครั้ง
ปฏิกริยาล่าสุดที่นายกรัฐมนตรีเดินทางไปพบปะเยี่ยมเยียนประชาชนในการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรใน 4 จังหวัดภาคอีสาน นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ก็เป็นตัวสะท้อนได้เป็นอย่างดีว่า มีกระดานหกจากการเดินทางลงพื้นที่ของคณะรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีในทางการเมืองอย่างไร
มิติทางการเมืองที่มีการเชื่อมสะพานต่อท่อไปยังนายเนวิน ชิดชอบ นายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยนั้น ประชาชนให้ความสนใจในเนื้อหามากกว่า การมอบพื้นที่ทำกินให้กับประชาชน การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนไม่สามารถบดบังรัศมีของปฏิบัติการดูดทางการเมืองออกไปได้
เมื่อจุดยืน หลักการ ที่เคยประกาศ ถูกทำลายลงไปจากการปฏิบัติเสียแล้ว รัฐบาลจึงต้องให้ความเป็นธรรมกับนักการเมืองที่ประกาศตัวกล้าอาสามาทำงานกับประชาชน ให้ออกมาทำงานการเมืองเช่นเดียวกับรัฐบาล อย่าปิดประตูตีแมวเพียงฝ่ายเดียวอีกเลย
.........................................
บทบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3364 ระหว่างวันที่ 10-12 พ.ค.2561