จีนเก็บภาษี 128 สินค้า! ดีเดย์ 2 เม.ย. ตอบโต้อเมริกา

05 เม.ย. 2561 | 09:15 น.
มาตรการตอบโต้ทางการค้าจากฝ่ายจีน มีผลบังคับใช้แล้วต้นสัปดาห์นี้ (2 เม.ย. 2561) โดยเป็นการเก็บภาษีสินค้านำเข้า 128 รายการ จากสหรัฐอเมริกา ในอัตราสูงขึ้น เป็นการตอบโต้หมัดแรกหลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ลงนามในคำสั่งขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กกล้าและอะลูมิเนียมเมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง

กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลังจีน ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 1 เม.ย. ที่ผ่านมา ว่า สินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ซึ่งได้รับผลกระทบในทันทีนั้น มีตั้งแต่สินค้าภาคการเกษตร อาทิ เนื้อสุกร ผลไม้ ไปจนถึงสินค้าอุตสาหกรรม เช่น ผลิตภัณฑ์เหล็กกล้า

ทั้งนี้ 120 รายการ จะถูกเรียกเก็บภาษีในอัตรา 15% อาทิ ผลไม้ ถั่ว ไวน์ และท่อเหล็ก ส่วนสินค้าอีก 8 รายการ จะถูกเรียกเก็บภาษี 25% ได้แก่ เนื้อสุกรและอะลูมิเนียมรีไซเคิล เป็นต้น แม้ว่าสินค้าเหล่านี้จะเป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็กน้อยของภาพรวมการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่มีมูลค่าหลายแสนล้านดอลลารา์ แต่ก็เป็นสัญญาณเตือนภัยที่ส่งไปยังอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น อุตสาหกรรมปศุสัตว์ และภาคการเกษตร


10-3354

นักวิเคราะห์แสดงความวิตกว่า การตอบโต้ของจีนในครั้งนี้อาจเป็นการเริ่มต้นของมาตรการกีดกันทางการค้าอีกหลายระลอกจากสหรัฐฯ เนื่องจากประธานาธิบดีทรัมป์ได้เคยขู่ไว้แล้วว่า ยังมีแผนจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนอีกนับพันรายการมูลค่ากว่า 50,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจะเป็นการพุ่งเป้าไปที่จีนโดยตรง เนื่องจากสหรัฐฯ เห็นว่า จีนบีบบังคับให้บริษัทสหรัฐฯ ถ่ายโอนเทคโนโลยีให้กับผู้ร่วมทุนท้องถิ่นอย่างไม่เป็นธรรม นอกจากนี้ ยังระบุว่า พฤติกรรมการทำการค้าของจีน ทำให้บริษัทอเมริกันต้องปิดโรงงานถึง 60,000 แห่ง และทำให้มีคนตกงาน 6 ล้านคน แต่คำขู่ดังกล่าวกลับทำให้รัฐบาลจีนขู่กลับว่า จะตีกรอบคุมเข้มบริษัทอเมริกันที่เข้าไปดำเนินธุรกิจอยู่ในจีนด้วยเช่นกัน

ปัจจุบัน จีนส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐอเมริกา 505,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ตัวเลข ณ ปี 2560) ขณะที่ สหรัฐฯ ส่งออกสินค้าไปยังจีนเพียง 135,000 ล้านดอลลาร์ ในช่วงเวลาเดียวกัน ผู้นำสหรัฐฯ พยายามใช้มาตรการทางภาษีกดดันให้จีนร่วมมือในการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น เปิดตลาดให้บริษัทอเมริกันเข้าไปลงทุนมากขึ้น และลดการได้เปรียบดุลการค้าสหรัฐฯ แต่หลายฝ่ายก็กังวลว่า ถ้าหากจีนตอบโต้ทางการค้าจริง อุตสาหกรรมการเกษตรของสหรัฐฯ เองจะได้รับผลกระทบอย่างชัดเจนที่สุด

ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา สภาการผู้ผลิตเนื้อสุกรแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา หรือ เอ็นพีพีซี (National Pork Producers Council) ได้ออกมาเปิดเผยว่า สมาชิกของเอ็นพีพีซี ส่งออกเนื้อสุกรไปยังตลาดสหรัฐฯ คิดเป็นมูลค่ารวมถึง 1,100 ล้านดอลลาร์ ในปีที่ผ่านมา (2560) กล่าวอีกอย่าง คือ จีนเป็นตลาดรองรับเนื้อสุกรจากสหรัฐฯ ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 เลยทีเดียว "มาตรการตอบโต้กันไปมากกับจีน จะทำให้เกษตรกรอเมริกันได้รับผลกระทบในทางลบ" เอ็นพีพีซี ระบุ

ด้าน สื่อจีนอย่าง ไชน่า เดลี่ ได้รายงานข่าวภาคเอกชนจีนให้การสนับสนุนรัฐบาลจีนในการดำเนินมาตรการตอบโต้สหรัฐฯ โดยเอกชนบางรายมีความเห็นว่า จีนควรใช้มาตรการที่แรงกว่าน้ีในการรับมือสหรัฐฯ ขณะที่ สำนักข่าวซินหัวได้นำเสนอบทวิเคราะห์ว่า แผนการของสหรัฐฯ ที่ใช้มาตรการทางการค้ากดดันจีนนั้น เป็นเหมือนเกมเดิมพันที่จะหวนทำร้ายสหรัฐฯ เอง เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะได้รับผลกระทบร้ายแรงเอง เพราะประชาชนจะต้องเผชิญกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น ทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจชะงักงัน และเป็นภัยคุกคามระบบการค้าเสรีของโลก


……………….
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,354 วันที่ 5-7 เม.ย. 2561 หน้า 10
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ทุนจีนกดราคาก๊าซ 50%! ชิงประมูลปิโตรเลียม
ปลดล็อก พ.ร.บ.ฮั้วประมูล เปิดทางกลุ่มทุนจีนลุยไฮสปีดเทรนกรุงเทพฯ-อู่ตะเภา


ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว