ครม.สัญจรไฟเขียวเทงบ พัฒนาฐานเสียง “เนวิน”

09 พ.ค. 2561 | 07:29 น.
 

เนวิน นับจากวันที่ประกาศตัวเป็น “นักการเมือง” เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2561 แทบทุกก้าวย่างของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงพื้นที่จัดประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ (ครม.สัญจร) ที่ถูกเพ่งเล็งว่า กำลังใช้โอกาสหว่านเม็ดเงินเพื่อหาเสียง

ล่าสุด (8 พฤษภาคม) ในการประชุม ครม.สัญจร ครั้งที่ 3/2561 ณ เนวินนคร โดย ครม.เห็นชอบผลการประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 ซึ่งประกอบด้วย นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสุรินทร์ เพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่อีสานใต้ให้ดีขึ้น
S__2679425 โดยแบ่งออกเป็น 5 ด้านสำคัญ คือ 1.ด้านการเกษตรและแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร 2.ด้านการท่องเที่ยว 3.ด้านคุณภาพชีวิต 4.ด้านโครงสร้างพื้นฐาน และ 5.ด้านการค้าการลงทุน

โดยด้านการเกษตรและแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร ที่ประชุมเห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการโครงการสำคัญเร่งด่วนที่มีความพร้อมและทำได้ทันทีรวม 40 โครงการวงเงิน 1,015 ล้านบาท จากที่เสนอมาทั้งสิ้น 84 โครงการ วงเงิน 3,476 ล้านบาท สำหรับโครงการที่เหลืออีก 44 โครงการนั้นให้ไปจัดลำดับความสำคัญเพื่อขอเสนอขอใช้งบประมาณในปี 2562-2564 ต่อไป
S__2679433 ส่วนเรื่องพัฒนาด้านการท่องเที่ยวได้เสนอการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวศิลปะแบบโบราณ และการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานได้เห็นชอบให้ปรับแผนขยายทางวิ่งของสนามบินบุรีรีมย์จาก 2,100 เมตร เป็น 3,000 เมตร โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายนนี้ และได้ขยายต่อเติมอาคารผู้โดยสารขาออกให้รองรับผู้โดยสารได้ 450 คนต่อวัน

พร้อมกันนี้ได้รับข้อเสนอของภาคเอกชนไปพิจารณา โดยดูจากความเหมาะสมและจัดลำดับความสำคัญตามความจำเป็นเร่งด่วน และคำนึงถึงการเชื่อมโยงกับภาพใหญ่ด้วยทั้งทางถนน ทางราง และทางอากาศควบคู่กันตามแผนงานของกระทรวงคมนาคมในการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 ในระหว่างปี 2557-2561 ได้ใช้งบประมาณสำหรับการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานทางถนนไปแล้ว 52,876 ล้านบาท ส่วนงบประมาณปี 62 เบื้องต้นคาดว่าจะใช้งบประมาณจำนวน 14,588 ล้านบาท
S__2679428 ส่วนข้อเสนอด้านการค้า การลงทุน และการค้าชายแดนเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงนิทรรศการภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 ขอให้สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) องค์การมหาชนไปศึกษาความเหมาะสมร่วมกับภาคเอกชนว่าควรจะก่อสร้างที่นครราชสีมาหรือไม่, โครงการก่อสร้างศูนย์รวบรวมตู้คอนเทนเนอร์ และเปลี่ยนโหมดขนส่ง Korat ICD, โครงการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการก่อสร้างสนามบินสุรินทร์เพื่อการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว รวมไปถึงการศึกษาแผนแม่บทการพัฒนาเมืองใหม่นครราชสีมา เพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 โดยมอบหมายให้กรมโยธาธิการและผังเมืองรับไปดำเนินการ และให้คำนึงถึงการพัฒนาตามแนวทางของ Smart City ด้วย

ก่อนหน้านั้น 6 กุมภาพันธ์ การประชุม ครม.สัญจร ที่จังหวัดจันทบุรี เห็นชอบหลักการโครงการจัดตั้งระเบียงผลไม้ภาคตะวันออก (Eastern Fruit Corridor : EFC) ในพื้นที่ภาคตะวันออกเพื่อให้ประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตและตลาดผลไม้เมืองร้อนที่มีคุณภาพสูง โดยใช้งบประมาณ 1,580 ล้านบาท เบื้องต้นจะตั้งอยู่ที่นิคม Smart Park จังหวัดระยอง ทั้งยังได้เห็นชอบแผนยุทธศาสตร์การค้าผลไม้ครบวงจรด้วย
GP-3364_๑๘๐๕๐๙_0018 พร้อมทั้งรับทราบการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งภาคตะวันออก วงเงินรวมกว่า 77,323 ล้านบาทเพื่อก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายพัทยา-มาบตาพุด ระยะทาง 22 ก.ม.วงเงิน 20,200 ล้านบาท และเห็นชอบให้ขยายช่องทางการจราจรทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3162 ทางเข้าท่าอากาศยานอู่ตะเภา-ท่าเรือจุกเสม็ด และให้ปรับปรุงแหล่งน้ำเดิมที่อยู่ในเขตพื้นที่ 6 แห่งเพื่อเก็บน้ำเพิ่มอีก 75 ล้านลูกบาศก์เมตร

ทว่า ประเด็นเดือดกลับเกิดขึ้นหลังจากนั้นเมื่อ ครม. แต่งตั้ง นายสนธยา คุณปลื้ม หัวหน้าพรรคพลังชล เป็น ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง พ่วงด้วย นายอิทธิพล คุณปลื้ม อดีตนายกเมืองพัทยา เป็น กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา หนีไม่พ้นถูกครหาเพราะในการประชุม ครม.สัญจรที่จันทบุรีในครั้งนั้น นายสนธยา หัวหน้าพรรคพลังชล นำทีมอดีต ส.ส.พร้อมด้วยกลุ่มมัชฌิมาของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ที่มีอดีต ส.ส.อยู่ในจังหวัดสุโขทัย ชัยนาท และราชบุรี รวมอยู่ด้วยได้เข้าพบกับคณะของนายกฯ ในห้วงที่มีกระแสข่าวหนาหูว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กำลังรวบรวมอดีต ส.ส.เพื่อจัดตั้งพรรคการเมืองที่จะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ให้เป็นนายกฯในการเลือกตั้งครั้งต่อไป

TP16-3361-A

อีกครั้งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 มีนาคม ณ โรงแรมดุสิตธานี อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี โดย ครม.เห็นชอบแนวทางพัฒนาการท่องเที่ยวในเขตพัฒนาการท่องเที่ยวฝั่งทะเลตะวันตก (The Royal Coast หรือ Thailand Riviera) ซึ่งเป็นการพัฒนาสร้างถนนสำรองเรียบพื้นที่ชายหาด ตั้งแต่จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และระนอง ให้เป็นถนนเลียบชายหาดเหมือนต่างประเทศ ทั้งยังเห็นชอบหลักการเร่งรัดการสร้างท่าเรือเฟอรี่ข้ามอ่าวไทย จากพัทยา-เขาตะเกียบ ที่จะให้เอกชนปรับปรุงท่าเรือสัตหีบและท่าเรือแหลมฉบัง-บางสะพานเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวด้วย

พร้อมกันนี้ยังได้อนุมัติโครงการการพัฒนาพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2 ระยะเวลา 4 ปี (2561-2564) วงเงินงบประมาณรวม 1,853 ล้านบาท อาทิ โครงการทางหลวงหมายเลข 35 และทางเลี่ยงเมือง รวมถึงทางด่วนนครปฐม ชะอำ ที่เอกชนเข้าร่วมประมูลเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา รวมถึงการขยายช่องทาง ชะอำ-ปราณบุรี โครงการรถไฟทางคู่ และโครงการรถไฟความเร็วสูง กทม.-หัวหินที่จะเริ่มก่อสร้างในปี 2565 ตลอดจนแนวทางการแก้ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งในพื้นที่โดยให้ขยายขุดลอกคูคลองจาก 10 ลบ.ม. เป็น 100 ลบ.ม. ปากแม่น้ำเพชรบุรี และสร้างเขื่อนขึ้นอีก 2 แห่งเหนือแม่น้ำเพชรบุรี และนำโครงการพระราชดำริบำบัดน้ำเสียแหลมผักเบี้ยไปปรับใช้พื้นที่โดยรอบด้วย
.................................
เชกชั่นการเมือง | หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ |  หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3364 ระหว่างวันที่ 10-12 พ.ค.2561 |
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว