บุพเพสันนิวาส ปลุกกระแสอาหารไทย กลุ่มผู้ประกอบการเอสเอมอีได้รับอนิสงส์ แบรนด์กล่องทิพย์ อาหารไทยชาววังแบบเดลิเวอร์รี่ เผยยอดพุ่ง 100% ส่งรายได้เพิ่มต่อวันเป็น 6-7 หมื่นบาท ด้าน Love Eaten ชี้ลูกค้าเพิ่ม 10% เผยเมนูยอดฮิต หมูโสร่ง ช่อม่วง ทองหยิบ ฝอยทอง
ละครโทรทัศน์เรื่อง “บุพเพสันนิวาส” นอกจากจะสร้างกระแสความนิยมการแต่งกายแบบไทยโบราณ และการเดินทางท่องเที่ยวตามรอยยังเมืองประวัติศาสตร์ของประเทศไทยให้กลับมาคึกคักแล้ว ยังมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้เกิดความคึกคักขึ้นมาทันตา เห็นในหลากหลายอุตสาหกรรมโดยเฉพาะเรื่องของการท่องเที่ยว และธุรกิจที่เกี่ยวกับอาหารแบบไทยๆ
[caption id="attachment_279222" align="aligncenter" width="335"]
นางฐนิวรรณ กุลมงคล[/caption]
เรื่องดังกล่าว นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย และประธานกรรมการบริหารกล่องทิพย์ ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารไทยชาววัง ในรูปแบบกล่องเดลิเวอร์รี่แบรนด์ “กล่องทิพย์” กล่าวกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ละครเรื่องดังกล่าว มีส่วนในการเพิ่มยอดขายของที่ร้านให้เพิ่มมากขึ้นถึง 100% โดยต่อวันที่ร้านจะต้องทำอาหารหลักซึ่งเป็นอาหารคาวให้กับลูกค้าประมาณ 300 กล่อง และอาหารหวานอีกประมาณ 300-500 กล่อง ซึ่งถือว่าเต็มตามศักยภาพของร้านที่จะรองรับได้ จนทำให้ไม่สามารถรับออเดอร์เพิ่มได้
ทั้งนี้ จากเดิมก่อนที่จะมีละครเรื่องดังกล่าว ที่ร้านจะมียอดออเดอร์สั่งอาหารในแต่ละวันที่ไม่คงที่ แต่ล่าสุด มีออเดอร์เข้ามาเป็นจำนวนมากในแต่ละวันจนไม่สามารถทำให้ได้ทั้งหมด และต้องขอให้ลูกค้าจองออเดอร์ใหม่ในวันถัดไป จนทำให้ปัจจุบันมียอดออเดอร์สั่งจองอาหารยาวไปจนถึงเดือนพฤษภาคม โดยอาหารที่ได้รับความนิยมได้แก่ หมูโสร่ง ,กุ้งเผา ,ช่อม่วง ,มะม่วงน้ำปลาหวาน ,ทองหยิบ และฝอยทอง เป็นต้น โดยส่งผลให้รายได้ในแต่ละวันเพิ่มขึ้นเป็น 6-7 หมื่นบาท
“ยอดที่เพิ่มมากขึ้นขนาดนี้ทำให้ตนต้องมีวันหยุดให้กับพนักงานยาวถึง 10 วันเต็ม เนื่องจากที่ผ่านมาต้องทำงานกันอย่างหนักเพื่อรองรับออเดอร์ที่ลูกค้าสั่งเข้ามา โดยเมนูที่ลูกค้าต้องการก็จะเป็นที่ในละครรับประทานให้เห็น เช่น หมูโสร่ง ซึ่งตามปกติที่ร้านจะมีเมนูกุ้งโสร่งซึ่งมีรสชาติที่อร่อยเพื่อจำหน่ายอยู่แล้ว แต่ลูกค้าก็เลือกที่จะให้ทำเป็นหมูโสร่งเหมือนกับในละครมากกว่า”
นางฐนิวรรณกล่าวต่อไปอีกว่า ด้วยความที่ตนเองเป็นผู้ดูแลตลาดทางด้านช่องทางออนไลน์ด้วยตนเอง ทำให้เห็นว่าหากผู้ประกอบการรายใดที่ทำการตลาดเป็นก็จะสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้า เพื่อรับอนิสงส์จากละครเรื่องดังกล่าวได้ โดยสังเกตได้จากตอนหนึ่งที่ละครมีการรับประทานมะม่วงน้ำปลาหวาน ในวันถัดไปก็จะมีผู้ประกอบการจำนวนมากโพสขายเมนูดังกล่าวบนช่องทางออนไลน์ ซึ่งผู้บริโภคก็จะมีการสอบถามกันว่าของเจ้าใดที่รสชาติอร่อย โดยเมนูของที่ร้านก็จะได้รับการแนะนำ เพราะเป็นร้านที่ทำอาหารไทยแบบชาววังจำหน่ายอยู่แล้ว หลังจากนั้นก็ทำให้ได้รู้ว่ากระแสของอาหารไทยตามละครเรื่อดังกล่าวนี้กำลังจะได้รับความนิยมในระยะต่อไป
“ละครเรื่องดังกล่าวนี้ช่วยให้อาหารไทยชาววังแบบเดลิเวอร์รี่ที่เราทำอยู่ และเจ้าอื่นได้มีพื้นที่ทางการตลาดเพิ่มมากขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้าที่เราเป็นเจ้าแรกที่ทำธุรกิจในรูปแบบนี้ แต่ก็ได้รับความนิยมจากลูกค้าในระดับหนึ่งเท่านั้น”
สอดคล้องกับความคิดเห็นของนางสาวณภัทร ธานีวรรณ เจ้าของธุรกิจ “Love Eaten” ผู้ประกอบการรับจัดเลี้ยงงานประชุมสัมมนา และงานเลี้ยงสังสรรค์ (Catering) ในรูปแบบของอาหารเพื่อสุขภาพ ซึ่งระบุว่า หลังจากที่ละครออกอากาศ และมีฉากที่เกี่ยวกับการรับประทานขนมไทย ส่งผลให้มีลูกค้ากลุ่มใหม่อย่างหน่วยงานราชการที่ต้องการจัดงาน และจะต้องเตรียมอาหารเพื่อต้อนรับแขกมีออเดอร์เกี่ยวกับขนมไทยเพิ่มมากขึ้นประมาณ 5-10% จากช่วงเวลาปกติ โดยขนมที่ได้รับความนิยมได้แก่ ช่อม่วง ,ขนมใส่ไส้ ,ทองหยิบ ,ทองหยอด และฝอยทอง เป็นต้น
“ตามปกติเมนูอาหารที่ Love Eaten จัดให้กับลูกค้าจะมีขนม ,ผลไม้ และเบเกอรี่ให้อยู่แล้ว แต่ช่วงนี้ลูกค้าจะอยากได้เมนูที่เป็นขนมไทยเพิ่มเติม เพื่อต้องการความแปลกตาให้กับผู้ที่มาร่วมงาน และต้องการได้เมนูตามที่มีในฉากของละครบุพเพสันนิวาส”
................................
เชกชั่นเอสเอ็มอี | หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,360 ระหว่างวันที่ 26 -28 เมษายน 2561