หุ้นกลุ่มร.พ.กำไรพุ่ง เติบโตอัตราเร่งตามแนวโน้มรักสุขภาพ

05 พ.ค. 2561 | 15:42 น.
โบรกเกอร์ คาดกำไรหุ้นกลุ่มการแพทย์มาแรงพลิกโตในอัตราเร่ง  คาดกำไรไตรมาส 1 พุ่งเป็น 2 หลักตามกระแสสังคมสูงอายุ แถมได้กำลังซื้อลูกค้าต่างชาติหนุน  จากอานิงสงค์ราคาน้ำมันทรงตัวในระดับสูง แนะเลือก BDMS ,CHG และ EKH โดดเด่น

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟินันเซียไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ FSS คาดกำไรไตรมาส 1/ 2561 ของหุ้นกลุ่มแพทย์ภายใต้ Coverage ของบริษัทใน 7 หลักทรัพย์ จะมีผลประกอบการรวม 4,078 ล้านบาท เติบโต 12.1% จากไตรมาส 4 ปี 2560 และเพิ่มขึ้น 17.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้อานิสงค์จากโรคระบาดที่เกิดขึ้นในปีนี้ทั้งไวรัสโรต้าและพิษสุนัขบ้า รวมถึงจำนวนผู้ป่วยต่างชาติที่เข้ามามากขึ้นด้วย โดยมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องตามจำนวนนักท่องเที่ยวในไตรมาสแรกปีนี้ ที่เติบโตขึ้น 15.4%  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมถึงและราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ทรงตัวในระดับสูงที่ 60-70 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่งผลต่อกำลังซื้อของลูกค้าชาวต่างชาติที่ยังสูงต่อเนื่องเช่นกัน

นอกจากนั้น ในระยะหลังๆ โรงพยาบาลได้ขยายตลาดไปในฝั่งเอเชียมากขึ้น ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง เพื่อกระจายฐานลูกค้าและลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดหลักเดิมลง ขณะที่ฝั่งของประกันสังคมคาดว่าจะเห็นการเติบโตโดดเด่นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยยังได้อานิสงส์จากการปรับเพิ่มการจ่ายเงินต่อเนื่องตั้งแต่ 1 กรกฏาคม 2560
17-336111

FSS ยังคงน้ำหนักการลงทุน Overweight สำหรับกลุ่มการแพทย์จากแนวโน้มการเติบโตที่กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งในปีนี้จากภาวะเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมที่ดูสดใสมากขึ้น โดยคาดการณ์กำไรปกติของกลุ่มในปีนี้จะเติบโตในอัตราเร่งเป็น 12.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปี 2560 ที่โตเพียง 2.6%  จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเช่นกัน

FSS  ยังได้เปลี่ยน Top Pick สำหรับโรงพยาบาลขนาดใหญ่จากบมจ.บางกอกเชนฯ (BCH) เป็นบมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) เนื่องจากราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมามาก ทำให้อัพไซค์เริ่มจำกัด ขณะที่โรงพยาบาลขนาดเล็กยังคงเลือกบมจ.เอกชัยการแพทย์ (EKH) เป็น Top Pick จากกำไรที่คาดว่าจะเติบโตโดดเด่นที่สุดในไตรมาส 1/2561

[caption id="attachment_279026" align="aligncenter" width="335"] พรเทพ ชูพันธุ์ พรเทพ ชูพันธุ์[/caption]

นายพรเทพ ชูพันธุ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ไทยพาณิชย์ จำกัด ( SCBS )กล่าวว่าการที่ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และคนหันมาใส่ใจในเรื่องสุขภาพมากขึ้น เป็นปัจจัยกระตุ้นการเติบโตหุ้นกลุ่มการแพทย์ในระยะยาว คาดว่า กำไรปกติของกลุ่มการแพทย์ปีนี้จะเติบโต 17% เทียบจากปี2560 ที่โตไม่ถึง 3% หุ้น top picks เลือก BDMS และ CHG จากกำไรที่ฟื้นตัวและ ROA ที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าเหมาะสม โดยคาดกำไรปกติ BDMS ปีนี้เติบโต 17% จากที่ติดลบ 2% ในปี 2560 และCHG เติบโต 20% จากที่โต 5% ในปี 2560

บล.ไทยพาณิชย์ระบุว่า เมื่อเทียบดัชนีหุ้นไทยในช่วง 6 เดือน นับตั้งแต่เดือนกันยายน 2560 ปรับขึ้นมาแล้วประมาณ 12% แต่สำหรับ ราคาหุ้น BDMS ยังปรับตัวค่อนข้างน้อยเพียง 9% จึงยังมีอัพไซค์ที่ปรับขึ้นได้ต่อ เมื่อเทียบกับผลประกอบการของธุรกิจ ขณะที่ราคาหุ้นบมจ.รพ.จุฬารัตน์ (CHG) ลดลงมาแล้วถึง 28% ในปีที่ผ่านมา จากผลประกอบการปี 2560 ที่น่าผิดหวัง และเมื่อพิจารณาจากแนวโน้มกำไรที่ดีขึ้นปีนี้ จึงมองว่าราคาหุ้น CHG ปรับตัวลดลงมากเกินไป  โดยซื้อขายที่อัตราส่วน PEG ปี 2561 ระดับ 1.4 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของหุ้นกลุ่มเดียวกันในตลาดภูมิภาคอยู่ 32%

[caption id="attachment_279027" align="aligncenter" width="335"] ชาคริต พืชพันธ์ ชาคริต พืชพันธ์[/caption]

นายชาคริต พืชพันธ์  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายบริหารกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า กลุ่มหุ้นหลักที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนตลาดปีนี้จะเป็นเป็นกลุ่มค้าปลีก และกลุ่มการแพทย์  ส่วนกลุ่มพลังงานปีนี้จะ เป็นตัวสนับสนุนเท่านั้นไม่ใช่ตัวหลัก

สำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นขณะนี้ยังไร้ประเด็นปัจจัยบวกใหม่ๆ ทำให้ตลาดหุ้นไทยยังคงซื้อขายตามฤดูกาลประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในขณะนี้เป็นหลัก รวมถึงบอนด์ยิลด์สหรัฐฯอายุ 10 ปี ยังคงมีแนวโน้มแกว่งตัวในกรอบ บวกลบ 3% เพื่อรอสัญญาณการปรับขึ้นดอกเบี้ยเฟดจากการประชุมในช่วงต้นสัปดาห์หน้า

ทั้งนี้ FSS ตั้งราคาเป้าหมาย   BDMS ที่ 26.00 บาท, BH 245.00 บาท ,BCH 18.30 บาท,CHG 2.50 บาท ,VIBHA 3.00 บาท ,EKH 7.00 บาทและ LPH ที่ 8.60 บาท  ด้าน SCBSให้ราคาเป้าหมาย  BDMS ที่ 27.50 บาท , BH 216.00 บาท,  BCH 21.00 บาท และ CHG 2.90 บาท

.............................
เชกชั่นตลาดทุน|หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ |ฉบับ 3361 ระหว่างวันที่ 29 เม.ย.-2 พ.ค.2561
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว