ประยุทธ์โว”สี่ปีคสช.”ปราบการทำผิดกม.รุกป่าเเละค้าสัตว์ป่าเพียบ!

05 พ.ค. 2561 | 04:40 น.
ประยุทธ์โว”สี่ปีคสช.”ปราบการทำผิดกม.รุกป่าเเละค้าสัตว์ป่าเพียบ!

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน" ว่า “พี่น้องชาวไทยที่เคารพครับ 4 ปีที่ผ่านมานั้น ผลการดำเนินงานของรัฐบาล และ คสช. เกี่ยวกับคดี เกี่ยวกับการบุกรุกพื้นที่ป่า การลักลอบตัดไม้และค้าไม้ การล่าสัตว์ป่าและการค้าสัตว์ป่า สามารถกล่าวโดยสรุปได้ดังนี้

(1) คดีการบุกรุกพื้นที่ป่า มากกว่า26,000 คดี จับผู้ต้องหาได้ 5,000กว่าคน พื้นที่บุกรุก เกือบ670,000 ไร่
(2) คดีการตัดไม้ และการค้าไม้มีค่า เกือบ 30,000 คดี จับผู้ต้องหาได้ เกือบ 15,000 คน ไม้ของกลาง ราว 60,000 ลูกบาศก์เมตร
(3) คดีสัตว์ป่า ราว 25,000 คดี สัตว์ป่าของกลาง 42,000 กว่าตัว ซากสัตว์ป่าของกลาง เกือบ 19 ตัน เป็นต้น

เราทำมากมายตอนนี้ก็อยู่ที่คนถ้าทุกคนลดการกระทำผิดกฎหมาย ทุกอย่างก็แบ่งเบาลงไป ป่าก็มี สัตว์ ก็อยู่ดี ไม่มีการรบกวนซึ่งกันและกัน เจ้าหน้าที่ ก็มีเวลาไปทำอย่างอื่น

สำหรับการฟื้นฟูและปลูกป่าก็ต้องทำ “คู่ขนาน” กันไปเสมอ โดยเฉพาะพื้นที่ป่าต้นน้ำ ได้มีการจัดตั้ง 273 ศูนย์ปฏิบัติการและ 943 ฐานปฏิบัติการฟื้นฟูต้นน้ำ ทั่วประเทศ เพื่อป้องกันการบุกรุกซ้ำ หรือขยายพื้นที่การบุกรุก และปลูกฟื้นฟูป่าต้นน้ำ ในพื้นที่สูงชัน ที่เราเห็นเป็น “เขาหัวโล้น” ในพื้นที่ภาคเหนืออยู่ทั่วไป ปัจจุบันได้มีการฟื้นฟูและปลูกป่าได้แล้วกว่า 700,000 ไร่

tu-sad

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผมเห็นว่าจะเป็นการแก้ปัญหาทั้งปวงที่ได้กล่าวมาในคืนนี้ อย่างยั่งยืน ก็คือ การบริหารจัดการป่า เพื่อความสุขของคนไทย อันได้แก่การ แก้ปัญหาการไร้ที่ดินทำกินของเกษตรกรและการรุกล้ำเขตป่าสงวน แก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ

กระจายสิทธิการถือครองให้แก่ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ที่ไม่ได้รุกล้ำ และสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน ซึ่งจะต้องมุ่งเน้นการสร้างโอกาสการเข้าถึงบริการภาครัฐ ลดความเหลื่อมล้ำของสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเร่งรัดการจัดสรรที่ดินให้แก่ผู้ยากไร้โดยไม่ต้องเป็นกรรมสิทธิ์ แต่รับรองสิทธิร่วมในการจัดการที่ดินของชุมชน หลายท่านอาจจะยังไม่ทราบ หรือทราบแล้วนะครับ แต่ยังไม่ทราบข้อมูลทั้งหมดนะครับ ผมจะขอกล่าวคร่าวถึงกระบวนการและผลการปฏิบัติดังนี้...

1. การจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนด้วยการนำที่ดินของรัฐ 6 ประเภท ได้แก่ ป่าสงวน–สปก.–ที่ดินสาธารณประโยชน์–ป่าชายเลน –ที่ราชพัสดุ –และที่ดินสงวนเพื่อกิจการนิคมในนิคมสร้างตนเอง มาอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์แก่กลุ่มชุมชน สหกรณ์หรือรูปแบบอื่นที่เหมาะสม ในลักษณะ “แปลงรวม” ตามนโยบายรัฐบาล ภายใต้คณะกรรมการ นโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ของรัฐบาลนี้นะครับ

เพื่อให้ผู้ยากไร้ที่ได้รับการจัดที่ดิน พร้อมกับการส่งเสริมพัฒนาอาชีพและการตลาด ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ที่ให้ความสำคัญกับการใช้ระบบอนุรักษ์ดินและน้ำที่เหมาะสม รวมทั้งการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคด้วย

อันจะนำไปสู่การสร้างความสมดุลให้ “คนอยู่กับป่า” โดยพึ่งพาอาศัยกันและกัน ทั้งนี้ก็เพื่อให้การบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและพัฒนาศักยภาพการใช้ประโยชน์ในที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด สมดุล เป็นธรรมและยั่งยืน ทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคม สิ่งแวดล้อมและ ความมั่นคงของประเทศ โดยมีเป้าหมายในระยะ 20 ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 – 2579) จำนวน 5.6 ล้านไร่ สำหรับปีผ่านมา ปีงบประมาณ พ.ศ.2558– ปัจจุบัน มีผลการดำเนินการดังนี้

มีการกำหนดพื้นที่เป้าหมายการจัดที่ดินทำกินทั้งสิ้น 1 ล้านกว่าไร่ ใน 629 พื้นที่ 68 จังหวัด มีการออกหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ หรืออยู่อาศัย กว่า 320,000 ไร่ ใน 87 พื้นที่ 45 จังหวัด มีราษฎรได้เข้าอยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตแล้ว 30,000กว่าราย 81 พื้นที่ 41 จังหวัด

อีกทั้งมีการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพให้ราษฎรที่ได้รับการจัดที่ดินทำกินแล้ว รวม 99 พื้นที่ 48 จังหวัด เป็นต้น อันนี้ก็คงต้องทำกันต่อไป เพราะว่าจะมีคนเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก ต้องเข้าใจว่า พื้นที่ที่เราจัดสรรได้นั้น ก็เป็นพื้นที่ 6 ประเภทที่ได้กล่าวไปแล้ว ที่เหลือเป็นพื้นที่ป่าอุทยานนะครับ ป่าต้นน้ำ เหล่านี้ รวมความไปถึงที่เอกชนเราเอามาจัดไม่ได้

2. ป่าชุมชนตามนโยบายที่ว่า “รัฐได้ป่า ประชาชนได้ที่ทำกิน” ทั้งนี้เพื่อจะแก้ปัญหาการเข้าไปแผ้วถางเอาจากพื้นที่ป่า อันเนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากร ควบคู่ไปกับการขยายพื้นที่ทำกิน และการอพยพย้ายถิ่นฐานของกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ เป็นต้น

โดยมุ่งเน้นให้ราษฎรอยู่อาศัยในพื้นที่ได้อย่างปกติสุขและยั่งยืน มีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด ก็จะเป็นการส่งเสริมให้ “คนอยู่ร่วมกับป่า” ช่วยกันปกป้อง รักษา ฟื้นฟูสภาพป่าที่อุดมสมบูรณ์มีความหลากหลายทางชีวภาพหรือระบบนิเวศน์ที่ดี

รวมทั้งส่งเสริมการสร้างงาน สร้างอาชีพให้กับราษฎร และมีการใช้ประโยชน์ของคนในชุมชนอย่างสมดุลและยั่งยืน ปัจจุบันนั้นก็มีการจัดตั้ง“ป่าชุมชน” แล้วจำนวนทั้งสิ้น 10,000 กว่าหมู่บ้าน ทั่วประเทศ รวมเนื้อที่เกือบ 6 ล้านไร่ คิดเป็นประมาณ “1 ใน 3” ของพื้นที่เป้าหมาย 19 ล้านไร่ในกว่า 22,000 หมู่บ้าน

for

ตัวอย่างเรื่องนี้ ป่าชุมชนบ้านทุ่งหยีเพ็ง อำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ ที่ได้รับรางวัลป่าชุมชนชนะเลิศระดับประเทศ ประจำปี 2560 อยู่ติดกับป่าชายเลน ชาวบ้านเดิม มีอาชีพตัดไม้ไปเผาถ่านทำการประมงพื้นบ้านและหาของป่าเพื่อเลี้ยงชีพและครอบครัว

ปัจจุบันชุมชนไม่มีการตัดไม้และไม่เผาถ่าน แต่ปรับพฤติกรรมมาสู่การฟื้นฟูสภาพป่าให้คงความอุดมสมบูรณ์ โดยเห็นคุณค่าของทะเลว่าเป็น “สมบัติอันล้ำค่า” เป็นแหล่งที่อยู่ของกุ้ง หอย ปู และป่า

ซึ่งชุมชนในปัจจุบันได้เรียนรู้และได้รับการปลุกและปลูกฝัง “จิตสำนึก” ให้มีการจัดการชุมชนเพื่อปกป้อง ดูแลรักษาให้ชุมชนมีการดำเนินชีวิตของผู้คนอย่างมีความสุข มีการประกอบอาชีพที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและลมฟ้าอากาศของท้องถิ่นตน

ทั้งนี้ เป้าหมายของชุมชน ได้แก่การดูแลรักษาป่า-รักษาทะเล การสร้างราย ได้เสริมให้แก่กลุ่มสมาชิกของชุมชนและการรักษาผลประโยชน์ของชุมชนปกป้องชุมชนให้รอดพ้นจากภัยคุกคามจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในอนาคต

3. ป่าในเมืองหรือ “สวนป่าประชารัฐ เพื่อความสุขของคนไทย” เพื่อเพิ่มความสมบูรณ์ของพื้นที่ป่า และพื้นที่สีเขียวให้ประชาชน เข้าไปใช้ประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมตามความเหมาะสมของพื้นที่ทั้งการออกกำลังกาย พักผ่อนหย่อนใจ และแหล่งศึกษาธรรมชาติ เป็นป่าธรรมชาติที่อยู่ใกล้เมืองหรือกลางเมืองที่เปิดรับพี่น้องประชาชนทุกคน โดยปี 2561 จะเปิดให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ รวม 99 ป่า ประมาณ 300,000ไร่

พี่น้องชาวไทยที่รัก ทุกท่านครับ, สำหรับในวันข้างหน้าเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชนได้ใช้ประโยชน์ และร่วมกันป้องกันรักษาป่าโดยสามารถเก็บของป่าเพื่อการบริโภคและการค้า รวมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศและป่าได้

โปรโมทแทรกอีบุ๊ก-6

ดังนั้นรัฐบาลโดยกระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อยู่ระหว่างการผลักดัน (ร่าง) พระราชบัญญัติป่าชุมชน โดยคาดว่าจะเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี “ในเร็ววันนี้” นอกจากนี้ การดำเนินงานในระยะต่อไปของรัฐบาลและ คสช. ได้แก่...

1. การเร่งดำเนินการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาลให้บรรลุตามเป้าหมายโดยเร็ว

2. ผลักดัน (ร่าง) พระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ เพื่อให้การบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดิน อย่างมีเอกภาพ มีประสิทธิภาพ มีคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ทำหน้าที่กำหนดนโยบายและแผนการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดิน ด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม และความมั่นคง

โดยการบูรณาการ มีการกระจายอำนาจ และเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชน ชุมชน และภูมิสังคม ทำให้การบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินที่เดิมมีข้อจำกัดอยู่มากให้มีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์สูงสุด สมดุล เป็นธรรม และยั่งยืน พร้อมทั้งจะเป็นแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ลดความเหลื่อมล้าในสังคมได้อีกทางหนึ่งด้วย

และ 3. คือจัดทำนโยบายและแผนการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ “ระยะเร่งด่วน ระยะกลาง 5 ปี และระยะยาว 20 ปี” ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ในมิติต่างๆ และสามารถนำมาใช้เป็นแนวทางในการดำเนินงานของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไปนะครับ

ทุกคนต้องทราบว่าวันนี้ที่ดินเราลดลง ป่าเราน้อยลง เพราะฉะนั้นที่มีอยู่ในปัจจุบันก็นำมาใช้ประโยชน์จนเหลือน้อยแล้วนะครับ เพราะฉะนั้นเราก็ต้องมาพิจารณาหาทางอื่นด้วยนะครับ ในการประกอบอาชีพ ถ้าทุกคนต้องการที่จะมีที่มากเพียงพอในการทำการเกษตร แล้วปัญหาวันหน้ามันก็จะเกิดขึ้น บางพื้นที่มันไม่เหมาะสมนะครับ ขาดน้ำ ดินไม่ดี อะไรไม่ดี ได้ที่ไปก็ทำอะไรไม่ได้นะครับ วันนี้รัฐบาลนี้เข้ามาเปลี่ยนแปลงใหม่ คือการจัดสรรที่ดิน และดูแลในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานลงไปด้วย ซึ่งจะใช้งบประมาณเพิ่มอีกจำนวนมากนะครับ อันนี้คือการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนนะครับ”

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว