'สหพัฒน์' ปรับกลยุทธ์! จับมือพันธมิตรดันรายได้ 3.4 หมื่นล้าน
สหพัฒน์ชู 3 กลยุทธ์ จับมือพันธมิตรร้านค้า สร้างยอดขายโต 9% เดินหน้าขนสินค้าใหม่เสริมพอร์ต พร้อมกระจายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ดันเป้ากว่า 3.42 หมื่นล้าน
แม้ว่ารอบปี 2560 ที่ผ่านมา ผลการดำเนินงานของ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) จะไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ว่า จะเติบโตในอัตรา 10% หรือ มีมูลค่ายอดขายกว่า 3.30 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจไม่ได้ฟื้นตัวได้เร็ว เหมือนที่ได้ประเมินสถานการณ์ไว้ แต่ผลการดำเนินงานยังสามารถสร้างการเติบโตได้ในอัตรา 4% หรือ มียอดขายกว่า 3.13 หมื่นล้านบาท ขณะที่ สามารถสร้างกำไรเติบโตได้สูงถึง 25% หรือ มีมูลค่า 1,444 ล้านบาท โดยเป็นผลจากการหันมาปรับปรุงระบบการบริหารภายใน การลดค่าใช้จ่าย และบริหารงานให้มีประสิทธิภาพ อาทิ การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ ที่ถือเป็นหนึ่งหัวใจสำคัญของธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้า ที่สามารถลดค่าใช้จ่ายลงได้กว่า 86 ล้านบาท
ขณะที่ แผนการดำเนินธุรกิจในปี 2561 บริษัทได้วางเป้าหมายที่จะสร้างการเติบโต 9% หรือมียอดขายกว่า 3.42 หมื่นล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,000 ล้านบาท ภายใต้ 3 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่ 1.การเสริมความสัมพันธ์กับคู่ค้าพันธมิตร ที่เป็น Strategic Partners 2.การเพิ่มสินค้าใหม่ ทั้งคู่ค้าใหม่และคู่ค้าเดิม และ 3.การจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์
นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน บริษัทมีพันธมิตรที่เป็น Strategic Partners กลุ่มสินค้าอาหารประมาณ 100 ราย และกลุ่มสินค้าของใช้ภายในบ้านประมาณ 100 ราย ที่ได้ร่วมโครงการคู่ค้าพันธมิตรตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ซึ่งปีนี้จะเพิ่มจำนวนขึ้นตามความเหมาะสมและศักยภาพของร้านค้า ที่จะสามารถสร้างการเติบโตไปพร้อมกับบริษัท ในการดูแลพื้นที่ขายในแต่ละโซน ซึ่งปัจจุบัน สามารถครอบคลุมช่องทางการจัดจำหน่ายเทรดดิชันนัลเทรดทั่วประเทศได้ 60%
[caption id="attachment_278865" align="aligncenter" width="503"]
ประธานกรรมการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน)[/caption]
ส่วนการเพิ่มสินค้าใหม่ในปีนี้ จะมีสินค้าใหม่จากพันธมิตรรายเดิมที่บริษัทจัดจำหน่ายให้ก่อนหน้าแล้ว อาทิ ผลิตภัณฑ์กลุ่มซีสแน็คของ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผลิตภัณฑ์ลูกอมเคี้ยวรสผลไม้ แบรนด์ชิวชิว เป็นต้น และมีสินค้าจากพันธมิตรรายใหม่ได้เริ่มให้จัดจำหน่าย อาทิ กลุ่มผลิตภัณฑ์นมและโยเกิร์ตจากแบรนด์วินามิลค์ (VINAMILK) ของกลุ่มเอฟแอนด์เอ็น ที่ถือว่าเป็นแบรนด์อันดับ 1 ในประเทศเวียดนาม มีส่วนแบ่งการตลาดถึง 70% และยังมีโยเกิร์ตแบรนด์ SuSu ที่จับตลาดกลุ่มเด็กด้วย โดยตั้งเป้าหมายยอดขาย 60 ล้านบาทในปีแรก นำเข้าแบรนด์มีดโกนหนวดดอร์โก้ (DORCO) จากประเทศเกาหลี, ผลิตภัณฑ์กลุ่มผ้าอนามัยและทิชชู่เปียกเอลิแอล จากประเทศญี่ปุ่น
สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ในบริษัทเครือสหพัฒน์ อาทิ แบรนด์มาม่า จะมีการออกรสชาติใหม่ที่เป็นซีซันนัล คือ จำหน่ายเฉพาะช่วงเวลา ซึ่งปีนี้จะนำเอารสมัสมั่นไก่กลับมาจำหน่ายอีกครั้ง จากปีที่ผ่านมา วางจำหน่ายช่วง 6 เดือน และประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ส่วนรสชาติใหม่จะรสฮอต โคเรียน ซึ่งเป็นกลุ่มบะหมี่พรีเมียมที่จำหน่ายราคาซองละ 15 บาท คาดว่าจะทำยอดขายได้ 200 ล้านบาท โดยแบรนด์มาม่าปีนี้ บริษัทตั้งเป้าเติบโต 8% จากปีที่ผ่านมา มียอดขาย 1.03 หมื่นล้านบาท หรือ ปีนี้มียอดขาย 1.1 หมื่นล้านบาท
ส่วนการขยายช่องทางจัดจำหน่ายทางออนไลน์ บริษัทจะให้ความสำคัญทั้งกับคู่ค้า ซึ่งปีที่ผ่านมา มียอดขาย 20 ล้านบาท ที่มีจำนวนร้านค้ารายย่อย 500 ราย ซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์ ส่วนปีนี้คาดว่าจะเพิ่มเป็น 2,000 ราย หรือ มียอดขายกว่า 40 ล้านบาท ขณะที่ กลุ่มผู้บริโภคบริษัทจะนำสินค้าขายผ่านมาร์เก็ตเพลสต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น
……………….
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,353 วันที่ 1-4 เม.ย. 2561 หน้า 35
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
● “สหพัฒน์” ชู 3 กลยุทธ์รุกตลาด ปี 61 คว้ายอดขาย 34,240 ล้าน กำไร 2,000 ล้าน
● เครือสหพัฒน์จัดเซลล์แรกแห่งปี
