TACC-NPPคลอด“สยามเกตเวย์”พัฒนา-ส่งออกสินค้าเอื้อSMEลุยตปท.

03 พ.ค. 2561 | 11:25 น.
TACC จับมือ NPP ตั้งบริษัทร่วมทุน “ Siam Gateway ” โดย TACC ถือหุ้น 51% ส่วน NPP ถือ 49% คาดดำเนินการแล้วเสร็จไตรมาส 3 ปีนี้ เพื่อใช้ต่อยอดธุรกิจ เน้นเติมศักยภาพช่องทางการตลาดต่างประเทศเต็มรูปแบบ พร้อมตั้งเป้าขึ้นแท่นผู้นำผู้ให้บริการส่งออกครบวงจร เพื่อช่วยผู้ผลิตสินค้าไทยตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง

นายชัชชวี วัฒนสุข ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TACC เผยว่า ตามที่คณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติในหลักการให้บริษัทเข้า เจรจาร่วมทุนกับบริษัท เอ็นพีพีจี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ NPP เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุน ชื่อว่าบริษัท สยามเกตเวย์ จำกัด โดย TACC จะถือหุ้นคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 51% ของทุนจดทะเบียนของบริษัทร่วมทุน กับ NPP ถือหุ้นคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 49% ของทุนจดทะเบียนของบริษัทร่วมทุน ขณะที่โครงสร้างการบริหารงานนั้นคณะกรรมการของบริษัทร่วมทุน จะมาจากตัวแทนจากผู้ถือหุ้นแต่ละฝ่ายตามสัดส่วนการถือหุ้น

ทั้งนี้ บริษัท สยามเกตเวย์ จำกัด มีทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 50 ล้านบาท แหล่งเงินทุนที่ใช้ในการร่วมลงทุนครั้งนี้ TACC จะนำเงินมาจากเงินทุนหมุนเวียนมูลค่าราว 25.50 ล้านบาท อย่างไรก็ตามการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้นอยู่กับผลการเจรจาระหว่าง TACC และ NPP ซึ่งคาดว่าผลเจรจาจะให้แล้วเสร็จได้ภายในไตรมาส 3 ของปี 2561
cacv สำหรับ บริษัท สยามเกตเวย์ จะดำเนินธุรกิจให้บริการแบบเบ็ดเสร็จในจุดเดียว (One Stop Service) ซึ่งรวมถึง การบรรจุผลิตภัณฑ์ และจัดจำหน่ายผ่านช่องทางการจัดจำหน่าย เพื่อส่งออกต่างประเทศในภูมิภาคใกล้เคียงจะเป็นศูนย์กลางส่งออกสินค้าครบวงจร ไม่ว่าจะเป็น online, offline และช่องทางของร้านค้าปลอดภาษี รวมถึงการบริหารการส่งออก ครอบคลุมภูมิภาค SEA และประเทศจีน

“มั่นใจว่าการร่วมทุนครั้งนี้จะสามารถส่งเสริม และต่อยอดธุรกิจหลักของบริษัทได้ผ่านช่องทาง การจัดจำหน่ายของบริษัทร่วมทุน ซึ่งถือเป็นการเพิ่มยอดจำหน่ายสินค้า และจะช่วยขยายฐานลูกค้าให้มากขึ้น รวมถึงจะสามารถช่วยสร้างการเติบโตที่ดีให้กับบริษัทได้ในอนาคต” นาย ชัชชวี กล่าว

ด้าน นายศุภจักร ไตรรัตโนภาส ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็นพีพีจี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ NPP กล่าวว่า การร่วมทุนทางธุรกิจระหว่าง NPP และ TACC ในครั้งนี้ ถือว่าเป็นการขยายศักยภาพทางธุรกิจ ซึ่งเชื่อแน่ว่าเป็นการจับมือที่ win-win และจะสามารถนำผลิตภัณฑ์ไทยสู่เวทีโลกแบบครบวงจรมากยิ่งขึ้น
npp นอกจากนี้ ยังมีพันธมิตร อีกหลายฝ่ายในการร่วมมือ เพื่อการส่งออกสินค้าอย่างครบวงจร เช่น หอการค้าไทยในจีน ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการให้บริการสินค้าในประเทศจีน เช่น การให้บริการข้อมูลเชิงลึกทั้งการตลาด การจดทะเบียน ช่องทางการจำหน่าย การดำเนินการขอใบอนุญาตต่างๆเป็นต้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคมากขึ้น

โดยมีผู้ประกอบการที่หลากหลายที่สนใจส่งสินค้าไปจำหน่าย ยังประเทศกลุ่มเป้าหมายของบริษัท เช่น ผลิตภัณฑ์ของ Fitwhey ซึ่งเป็นผลิตภัณเวย์โปรตีนของบริษัท Food Global Innovation Co., Ltd. และผลิตภัณฑ์สมุนไพร ของบริษัท CDIP (Thailand) Co., Ltd. ภายใต้แบรนด์สุภาพโอสถ ส่วนสินค้าอื่นๆอยู่ระหว่างการเจรจา เชื่อว่าจะทยอยส่งสินค้าได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อมีการเปิดดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้วในไตรมาส 3/2561 นี้

“บริษัทเล็งเห็นว่าประเทศจีน เป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรสูง และมีการเติบโตของชนชั้นกลางที่มีกำลังซื้อสูง ส่วนประเทศในกลุ่มอาเซียนถือว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงเช่นกัน ส่งผลบวกต่อการให้บริการส่งออกสินค้าของ “สยามเกตเวย์”มีความแข็งแกร่งมากขึ้นในอนาคต ” นายศุภจักร กล่าว

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว