แบรนด์ดังแห่ดัมพ์สู้ราคา "ออเดอร์หิ้ว"

02 พ.ค. 2561 | 05:21 น.
020561-1206

แบรนด์เนมดังแก้เกมพรีออเดอร์จากต่างประเทศระบาดหนัก หั่นราคาลง 30-40% ผนึกห้าง-บัตรเครดิตอัดโปรโมชันล่อใจ เผย จุดอ่อนไทยเสียภาษีนำเข้าสูง ส่งผลราคาสูง เสียเปรียบสิงคโปร์ ฮ่องกง

จากข้อมูลของ Global Blue บริษัทคืนภาษีมูลค่าเพิ่มในสนามบินต่าง ๆ ในยุโรป พบว่า ในปี 2557 นักช็อปไทยทำสถิติใช้เงินช็อปปิ้งสินค้าปลอดภาษีเฉลี่ยมากเป็นอันดับ 1 ของโลก คิดเป็นมูลค่ารวม 1.7 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากปีก่อน และในปี 2556 ไทยยังทำสถิติช็อปสินค้าแบรนด์หรูเป็นอันดับ 6 ของโลก ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่า เป็นการเดินทางไปเพื่อซื้อกลับมาจำหน่าย หรือ พรีออเดอร์ รับหิ้วสินค้าให้กับผู้บริโภคคนไทยที่ต้องการใช้สินค้าแบรนด์เนม ด้วยสาเหตุเพียงอย่างเดียว คือ ราคาถูกกว่าการซื้อในห้างเมืองไทย

 

[caption id="attachment_278318" align="aligncenter" width="503"] ©PhotoMIX Ltd. ©PhotoMIX Ltd.[/caption]

วันนี้แบรนด์เนมระดับโลกต่างเร่งปรับกลยุทธ์ ทั้งลดราคาเพื่อลดช่องว่างของราคาสินค้าให้ใกล้เคียงกับประเทศคู่แข่ง อย่าง สิงคโปร์และฮ่องกง รวมทั้งพ่อค้า แม่ค้า ที่รับพรีออเดอร์สินค้าจากต่างประเทศ อาทิ คลับ 21 ปรับราคาจำหน่ายลดลง 20-30%, ชิเซโด้ ลดลง 30-40% เป็นต้น นอกจากนี้ ยังจับมือกับพันธมิตร อาทิ ห้างสรรพสินค้า บัตรเครดิต ทำโปรโมชันผ่อนดอกเบี้ย 0% จัดชิงโชค ฯลฯ เพื่อดึงให้นักช็อปไทยหันมาซื้อแทนการพรีออเดอร์จากต่างประเทศ

น.ส.ปสุตา พุทธจิรวัส ผู้จัดการแบรนด์ AIGNER บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องหนัง 'แอคเนอร์' (AIGNER) จากประเทศเยอรมนี เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า การอิมปอร์ตแบรนด์แต่ละประเภทจะเสียภาษีต่างกัน อาทิ นาฬิกา เสียภาษี 5-10%, แอกเซสซอรี 10%, เครื่องหนัง 30% เป็นต้น ซึ่งอัตราภาษีเหล่านี้ทำให้อิมปอร์ตแบรนด์ในเมืองไทยเสียเปรียบและไม่สามารถแข่งขันกับสิงคโปร์หรือฮ่องกงได้ ซึ่งราคาที่ถูกกว่าจึงเป็นตัวเลือกของนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า โดยเฉพาะจากนักท่องเที่ยวจีน


19

เพื่อให้แข่งขันได้ วันนี้จึงเห็นหลายแบรนด์ปรับราคาลง เพื่อลดช่องว่างของราคา เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่น เช่น แบรนด์แอคเนอร์ วันนี้มีราคาเริ่มต้น 1.7-2.5 หมื่นบาท แตกต่างจากราคาที่เยอรมนีราว 20% ขณะที่ ประเทศญี่ปุ่นหรือเกาหลีจะมีราคาสูงกว่าประเทศไทย 40% ทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความคุ้มค่าและไม่แตกต่างกันมากนัก

อีกหนึ่งแบรนด์ที่มีการปรับราคาลง คือ ชิเซโด้ แบรนด์เครื่องสำอางรายใหญ่จากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งคนไทยให้ความนิยมเลือกซื้อเป็นของฝาก ของใช้ และประเทศญี่ปุ่นก็เป็นประเทศหลักที่คนไทยให้ความนิยมไปท่องเที่ยว โดยวันนี้ชิเซโด้เลือกที่จะนำโปรดักต์แชมเปี้ยนที่คนไทยฮิตมาจำหน่ายในเมืองไทยในราคาที่ใกล้เคียงกับญี่ปุ่น ทำให้ไม่ต้องหอบหิ้วข้ามน้ำข้ามทะเลมา ไม่ว่าจะเป็น ครีมกันแดดแอนเนสซ่า (Anessa) หรือ เซนกะ (Senka) วิปโฟมสุดฮิต

 

[caption id="attachment_278320" align="aligncenter" width="503"] ปาริชาติ วีระเสถียร ผู้จัดการทั่วไป แผนกคอสเมติกส์และเพอร์ซันนัลแคร์ บริษัท ชิเซโด้ (ไทยแลนด์) จำกัด ©www.thainewsvision.com ปาริชาติ วีระเสถียร
ผู้จัดการทั่วไป แผนกคอสเมติกส์และเพอร์ซันนัลแคร์ บริษัท ชิเซโด้ (ไทยแลนด์) จำกัด
©www.thainewsvision.com[/caption]

ขณะที่ นางปาริชาติ วีระเสถียร ผู้จัดการทั่วไป แผนกคอสเมติกส์และเพอร์ซันนัลแคร์ บริษัท ชิเซโด้ (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวแสดงความคิดเห็นว่า เซนกะปรับลดราคาจาก 290 บาทต่อหลอด เหลือ 179-189 บาทต่อหลอด ส่วนแอนเนสซ่าปรับลดราคาจาก 1,400-1,500 บาทต่อหลอด เหลือ 859 บาทต่อหลอด ทั้งนี้ เพื่อให้มีราคาใกล้เคียงกับที่วางจำหน่ายในญี่ปุ่น ซึ่งหลังจากที่เซนกะปรับราคาลดลงในปี 2559 พบว่า มียอดขายเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ บริษัทยังเริ่มทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการรับรู้ต่อแบรนด์ด้วย

ด้าน นายวโรดม พรานบุญปลูก ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอสิกส์ ประเทศไทย จำกัด ผู้ทำตลาดและเจ้าของแบรนด์เอสิกส์, เอสิกส์ ไทเกอร์ และโอนิซึกะไทเกอร์ กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างทำงานร่วมกับบริษัทแม่ในการหามาตรการป้องกันสินค้าพรีออเดอร์ เบื้องต้น มองว่าคงต้องใช้เวลาเพื่อป้องกันระยะยาว โดยขณะนี้ ราคาสินค้าที่จำหน่ายในเมืองไทยจะสูงกว่าที่ญี่ปุ่นเพียง 10-15% เท่านั้น ถือว่าแตกต่างน้อยมาก

 

[caption id="attachment_278321" align="aligncenter" width="503"] ©onitsukatiger.com ©onitsukatiger.com[/caption]

"มองว่า ปัจจุบันสินค้านำเข้าปรับราคาลดลงเพื่อรองรับการแข่งขันตรงนี้อยู่แล้ว หรือในบางรายการอาจจะมีราคาถูกกว่าสินค้าหิ้ว ขณะที่ สินค้าหิ้วอาจจะเป็นสินค้าตกรุ่น ดังนั้น การซื้อสินค้าจากหน้าร้าน ซึ่งมีราคาใกล้เคียงกันและเป็นของแท้แน่นอน"

ขณะที่ แผนการทำตลาดเพื่อสร้างการเติบโตและแก้ปัญหาสินค้าที่หิ้วเข้ามานั้น จะมีทั้งการนำเข้าคอลเลกชันใหม่ที่หลากหลายขึ้น ทั้งเสื้อผ้าและหมวก เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้า ทั้งผู้ชาย ผู้หญิง เด็ก และผู้ใหญ่ ควบคู่ไปกับการทำโปรโมชันต่อเนื่องตลอดปี


……………….
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,361 วันที่ 29 เม.ย. - 2 พ.ค. 2561 หน้า 01-02
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ชั่วโมงฐานเศรษฐกิจ 8/3/61 : พรีออเดอร์รูรั่วดิวตี้ฟรี
ธุรกิจหนังสือปีจอดิ้นสู้ผลิตงานคุณภาพผ่านโซเชียล


ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว