"ทุนใหญ่ภูเก็ต" ผุด 4 โปรเจ็กต์!

25 เม.ย. 2561 | 07:48 น.
250461-1432

‘กะตะกรุ๊ป’ ยึดหัวหาดอันดามัน ขยายลงทุนทุ่มงบ 4.8 พันล้านบาท งัดแลนด์แบงก์พัฒนา 3 โรงแรมใหม่ และแตกไลน์ เล็งร่วมทุนกับอสังหาฯจีนผุดคอนโดฯ รับตลาดผู้สูงอายุจีน ก่อนเปิดทางให้ทายาทสานต่อ

หลังปัจจุบัน “กะตะกรุ๊ป รีสอร์ท” มีโรงแรมและรีสอร์ทในเครือ 7 แห่ง ครอบคลุมภาคใต้ ได้แก่ บียอน รีสอร์ท เขาหลัก, บียอน รีสอร์ท กระบี่, บียอนด์ รีสอร์ต กะตะ, ภูเก็ต ออร์คิด รีสอร์ทแอนด์สปา, บียอน รีสอร์ท กะรน, โนโวเทล สมุย รีสอร์ท เฉวงบีช กานดาบุรี และบิยอนด์ ป่าตอง ล่าสุด ได้วางแผนขยายการลงทุนใหม่ช่วง 3-5 ปี (2561-2566) โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณในราว 4,800 ล้านบาท (ไม่รวมค่าที่ดิน) เพื่อลงทุนโรงแรมใหม่ 3 แห่ง รวมห้องพักกว่า 950 ห้อง โดยยังยึดพื้นที่ลงทุนอันดามันเป็นหลัก ทั้งภูเก็ต พังงา และกระบี่ รวมถึงการเจรจากับบริษัทอสังหาริมทรัพย์จากจีน ถึงการร่วมลงทุนสร้างคอนโดมิเนียม ขนาด 300-400 ห้อง สำหรับรองรับกลุ่มผู้สูงวัยชาวจีนที่ภูเก็ต

 

[caption id="attachment_277232" align="aligncenter" width="503"] Beyond Resort Khaolak ©FB:Beyond Resort Khaolak Beyond Resort Khaolak
©FB:Beyond Resort Khaolak[/caption]

นายประมุขพิสิฐ อัจฉริยะฉาย ประธานกรรมการโรงแรมในเครือกะตะกรุ๊ป รีสอร์ท เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงโรงแรมที่จะก่อสร้างในปีนี้ ได้แก่ โรงแรมปมุขโก้ พื้นที่ 14 ไร่ครึ่ง บริเวณหาดกะตะ (หลังโรงแรมคลับเมดภูเก็ต) ขนาด 512 ห้อง พร้อมสวนน้ำและสไลเดอร์ ลงทุนราว 1,792 ล้านบาท เน้นกิมมิกที่จะทำให้เด็ก ๆ สนุกสนาน รองรับตลาดครอบครัว ซึ่งจากการหารือกับ ‘ทราเวล เอเยนต์ ต่างชาติ’ แล้ว จึงมั่นใจว่า จะได้รับการตอบรับจากนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะจากสแกนดิเนเวีย-จีน คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างราวกลางปีนี้เปิดให้บริการสิ้นปี 2562

 

[caption id="attachment_277229" align="aligncenter" width="356"] ประมุขพิสิฐ อัจฉริยะฉาย ประธานกรรมการโรงแรมในเครือกะตะกรุ๊ป รีสอร์ท ประมุขพิสิฐ อัจฉริยะฉาย
ประธานกรรมการโรงแรมในเครือกะตะกรุ๊ป รีสอร์ท[/caption]

ส่วนในปี 2563 ก็จะลงทุนสร้างโรงแรมอีก 1 แห่ง บริเวณเขาหลัก ตั้งอยู่ถัดไปจากโรงแรมบียอน รีสอร์ท เขาหลัก ที่กะตะกรุ๊ปมีอยู่แล้ว หลังจากซื้อที่ดินกว่า 15 ไร่ ในราคาไร่ละ 15 ล้านบาท เมื่อ 3 ปีก่อน จะสร้างโรงแรมขนาด 250 ห้อง ลงทุนราว 875 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จกลางปี 2564 ซึ่งโรงแรมนี้จะเปิดรับนักท่องเที่ยวทุกอายุ แตกต่างจากบียอน รีสอร์ท เขาหลัก ที่เป็นโรงแรมสำหรับคู่รัก ไม่รับเด็ก ซึ่งจะทำให้โรงแรมในเครือของกะตะกรุ๊ป เขาหลัก มีกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน

นอกจากนี้ ยังมีแผนจะรื้อในส่วนของคอทเทจของโรงแรมบียอน รีสอร์ท กระบี่ เพื่อขายห้องพักเพิ่มอีก 200-250 ห้อง ใช้เงินลงทุน 800 ล้านบาท ในอีก 3-4 ปี เนื่องจากมองว่าการท่องเที่ยวของ จ.กระบี่ น่าจะกำลังเติบโต โดยเฉพาะตลาดเอเชีย จึงต้องการขยายห้องพักเพิ่มและให้อยู่ในระดับเดียวกัน ไม่แตกต่างเหมือนอย่างในปัจจุบัน ซึ่งมีห้องพักทั้งในแบบวิลล่า ห้องพักในตัวอาคาร และคอทเทจ


แบนเนอร์รายการฐานยานยนต์

“การตัดสินใจลงทุนโรงแรมใหม่ของกะตะกรุ๊ป ปัจจุบัน จะตั้งงบลงทุนไว้เฉลี่ยอยู่ที่ 3.5-4 ล้านบาทต่อห้อง ใช้เวลาก่อสร้างโรงแรมแต่ละแห่งอยู่ที่ 18 เดือน ก่อนการลงทุนทุกครั้ง ผมจะมีการสอบถามความต้องการกับเอเยนต์ทัวร์ เพื่อทำให้การลงทุนตอบโจทย์นักท่องเที่ยวมากที่สุด เพราะเราทำธุรกิจโรงแรมมากว่า 37 ปี จึงได้รับความไว้วางใจกับเอเยนต์ทัวร์เป็นอย่างดี ส่วนการทำตลาดของโรงแรมแต่ละแห่ง ก็จะมีการแต่งตั้งเอ็กซ์คลูซีฟเอเยนต์ 1 ตลาด 1 เอเยนต์ อาทิ ตลาดรัสเซียก็ทำสัญญากับเปกัส ตลาดสแกนดิเนเวียก็ทำกับ โทมัส คุก เพื่อการันตีว่า แต่ละเอเยนต์จะขายห้องพักได้กี่ห้อง ซึ่งจะทำให้โรงแรมมีอัตราการเข้าพักที่แน่นอน”

นอกจากธุรกิจโรงแรมที่เป็นธุรกิจหลักของกลุ่มแล้ว กะตะกรุ๊ปยังมีแผนสร้างคอนโดมิเนียมรองรับกลุ่มผู้สูงวัยชาวจีน เนื่องจากมีที่ดินอยู่ 48 ไร่ ซึ่งเป็นขุมเหมืองเก่า บริเวณ ต.ฉลอง ตามแผนจะสร้างคอนโดมิเนียมสูง 4-5 ชั้น ขนาด 300-400 ห้อง มีศูนย์สุขภาพ สปา ท่ามกลางวิวทะเลสาบ คาดใช้งบลงทุน 1,400 ล้านบาท โดยล่าสุด ได้รับการติดต่อจากกลุ่มบริษัทที่จดทะเบียนในฮ่องกง ที่ทำเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ในจีน ว่าสนใจที่จะเข้ามาร่วมลงทุนด้วย หากตกลงกันได้และนำไปสู่การร่วมลงทุนโครงการนี้จะเกิดขึ้นเร็ว หรือถ้าตกลงไม่ได้ก็จะลงทุนเองอยู่แล้ว เนื่องจากมองว่าการพัฒนาที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงวัยเป็นธุรกิจที่ดี

 

[caption id="attachment_277233" align="aligncenter" width="503"] ©www.katagroup.com ©www.katagroup.com[/caption]

“การลงทุนส่วนใหญ่เป็นการนำที่ดินที่มีอยู่แล้วมาพัฒนา เพราะแต่ละแปลงตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีศักยภาพ เพราะมองว่าเราอายุมากแล้ว ลงทุนไว้แล้ว จะได้วางมือให้ทายาทรุ่นใหม่เข้ามาต่อยอด เนื่องจากเห็นว่า การท่องเที่ยวถือเป็นอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตและเป็นแม่เหล็กที่สำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ จึงเป็นธุรกิจที่น่าลงทุน” นายประมุขพิสิฐ กล่าวในที่สุด


……………….
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,359 วันที่ 22-25 เม.ย. 2561 หน้า 15
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
รถไฟทางคู่ "สุราษฎร์ธานี-พังงา-ภูเก็ต" ยกระดับโลจิสติกส์ภาคใต้
'สมคิด' จี้! เเก้สนามบินเเน่นให้จบใน 3 เดือน เเนะหาพื้นที่ใหม่สร้าง 2 เเอร์พอร์ตในเชียงใหม่/ภูเก็ต


ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว