ผมละงงจริงๆ นโยบายต่างประเทศของอเมริกันต่อประเทศอิหร่าน ก็ไหนว่าข้อตกลงนิวเคลียร์บรรลุ ผลแล้ว ใครที่เคยประกาศคว่ำบาตรอิหร่านก็ต้องยกเลิกไป ตอนนี้กลุ่มอียูหรือกลุ่ มประเทศยุโรปก็ทำตามข้อตกลงที่ มีไว้หลังจากพิสูจน์ชัดว่าอิหร่ านไม่สามารถพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ต่อแน่ พร้อมทั้งบอกให้ยกเลิกคว่ำบาตรตั้งแต่วันที่16 มกราคม 2559 เป็นต้นไป ซึ่งในการเจรจา 6 ฝ่ายประกอบด้วย อิหร่าน กับ 5ชาติสมาชิกถาวรของคณะมนตรี ความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ได้แก่ อังกฤษ จีน ฝรั่งเศส รัสเซีย สหรัฐอเมริกา และอีกหนึ่ง คือ ประเทศเยอรมนี ซึ่งอิหร่านสามารถปฏิบัติได้ ตามเงื่อนไขที่ได้ทำไว้เป็นข้ อตกลง JCPOA ในกรุงเวียนนาเมื่อวันที่ 14กรกฎาคม 2015 โดยการยกเลิกมีผลตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2559 ดังกล่าวมาแล้ว
อเมริกันกลับประกาศ “แซงชั่น” หรือ “คว่ำบาตร” อิหร่านแบบไม่เกรงใจใคร โดยขึ้นบัญชีดำนิติบุคคล 11 แห่ง และบุคคลธรรมดาอีกสิบกว่าคน ที่เกี่ยวข้องหรือสนับสนุนการพั ฒนาขีปนาวุธของประเทศอิหร่านเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2559 หรือหลังจากประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐอเมริกาเพิ่งจะลงนามยกเลิกการคว่ำบาตรไปหมาดๆ ชนิด “น้ำหมึก” เพิ่งจะแห้ง ก็มีมาตรการใหม่ออกมาดังว่านี้
เมื่อโดนอเมริกัน “เล่นไม่เลิก” แบบนี้ทำให้อิหร่าน “หัวเสีย” ไปกันใหญ่ ออกมาว่ากล่าวอเมริกันว่า การประกาศห้ามดังกล่าวเป็นพฤติกรรมที่ไม่ชอบทั้งกฎหมายหรือศีลธรรมแต่อย่างใด เพราะอเมริกันผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ขายให้แก่ประเทศในตะวันออกกลางมูลค่าปีหนึ่งๆ หลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อาวุธสงครามเหล่านี้ถูกนำไปก่ออาชญากรรมสงครามแก่ ชาวปาเลสไตน์ ชาวเลบานอน และชาวเยเมน แต่ทำไมอิหร่านจะไม่สามารถพัฒนาขีปนาวุธ(ที่ไม่ใช่หัวรบนิวเคลียร์/ผู้เขียน)ได้ อิหร่านจะก้มหน้าก้มตาพัฒนาขีปนาวุธต่อไป และจะพัฒนาด้านความมั่นคงและการป้องกันประเทศให้เข้ มแข็งกว่าที่เป็นอยู่
ก็น่าแปลกนะครับ มีบางประเทศใกล้ๆ แถวนั้นเขามีอาวุธนิวเคลียร์ มานานแล้ว แต่ใครๆ เขาก็ไม่ว่า ยกเว้นศัตรูคู่อาฆาต แต่คนอื่นริจะมีบ้างกลับถูกตอบโต้ด้วยการคว่ำบาตรทั้งมาตรการห้ามบุคคลคบค้าสมาคม มีการยึดหรืออายัดทรัพย์สิน ห้ามนำเข้าส่งออกสินค้า ซึ่งอิหร่านถูกคว่ำบาตรมานานแต่ ก็ดีที่ยังให้อิหร่านขายน้ำมันดิบส่งออกได้ไม่เกิน 1 ล้านบาร์เรล/วันโดยส่งไปขายให้ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดียและตุรกี ซึ่งหลังจากการคว่ำบาตรยกเลิกไปแล้ว อิหร่านมีแผนจะผลิตน้ำมันป้อนตลาดโลกให้ได้วันละ 2 ล้านบาร์เรล/วัน แต่เบื้องต้นจะผลิตส่งออกเพิ่มประมาณ 500,000บาร์เรล/วันก่อน
ทัศนะของผมเห็นว่า การคว่ำบาตรไม่ว่ากรณีใดๆ ย่อมสงผลกระทบต่อสังคมของประเทศถูกคว่ำบาตรแน่นอน เป็นความ “เจ็บปวด” ที่โดนมาตรการนี้ เพราะไม่ว่าจะยึดอายัดทรัพย์สินในต่างประเทศ หรือห้ามติดต่อทำการค้าขายระหว่างกัน ผลกระทบย่อมไปถึงประชาชนประเทศนั้นๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อการส่งออกไม่ดี โรงงานก็ต้องลดคนงานหรือบางรายอาจถึงขั้นปิดโรงงาน คนตกงานเพิ่มขึ้น การลงทุนใหม่ไม่มีเข้าไป ก็ไร้คนจ้างงานเพิ่มการไม่มีงานทำก็หมายถึง คนประเทศนั้นจะมีคนจนเพิ่มขึ้น เมื่อคนว่างงานก็อาจเพิ่มอาชญากรรม หรือไม่ก็ต้องเปลี่ยนไปเป็นโจร หรือหากมีแนวคิดทางการเมือง ก็อาจหันไปจับปืนและกลายเป็ นขบวนการก่อการร้ายในสายตาคนตะวันตกนั่นเอง