'ทิสโก้' รับมือหุ้นผันผวน! เล็งออกกองทุนรวมผสม พุ่งเป้าตลาดเกิดใหม่

22 เม.ย. 2561 | 09:47 น.
220461-1634

‘บลจ.ทิสโก้ฯ’ ตอบโจทย์ภาวะตลาดหุ้นผันผวน เข็นโปรดักต์ลงทุนแบบจัดพอร์ต หวังเพิ่มทางเลือกลงทุนหลากหลาย จ่อออก 2 กอง ภายในครึ่งปีแรก ลงในหุ้น-ตราสารหนี้ต่างประเทศ พุ่งเป้าตลาดเกิดใหม่

น.ส.ภาวิณี องค์วาสิฏฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ามูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหาร หรือ AUM (Asset Under Management) เติบโต 10% จากปีที่แล้ว โตเฉลี่ย 24% โดยมีมูลค่าสินทรัพย์สิ้นปีที่ 2.5 แสนล้านบาท ซึ่งการลงทุนในตลาดหุ้นปีนี้ค่อนข้างผันผวน บริษัทจึงมุ่งเน้นให้บริการโดยทีมให้คำปรึกษาลูกค้า เน้นการลงทุนแบบจัดพอร์ต หรือเป็นกองทุนรวมผสม (Mixed Funds) มากขึ้น เพื่อให้ลงทุนในระยะยาวที่ให้ผลตอบแทนเหมาะสมจากภาวะเศรษฐกิจและความเสี่ยง


GP-3353_180422_0020

สำหรับแผนในครึ่งแรกปีนี้ จะออกกองทุนรวม 2 กอง ซึ่งเป็นการขยายขนาดจากกองเดิม แต่หันไปลงทุนในหุ้นหรือตราสารหนี้ต่างประเทศ คือ กองทุนรวมโกลบอล อินคัม พลัส เป็นการจัดพอร์ตผสมระหว่างการลงทุนในตราสารหนี้กับทุนในสัดส่วน 50 : 50 และกองทิสโก้ ESG เพื่อสังคม ดัชนีชี้วัดผลตอบแทน 5% ต่อปี จากเดิมที่ทั้ง 2 กองจะลงทุนในประเทศเป็นหลัก

ด้าน นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส กรรมการอำนวยการ บลจ.ทิสโก้ฯ กล่าวว่า บริษัทจะเน้นผลิตภัณฑ์สำหรับลูกค้าที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ แต่มีผลตอบแทนดีในลักษณะกองทุนรวมผสมมากขึ้น เช่น “ทิสโก้ ทรัพย์สมดุล 80/20” เป็นการลงในหุ้นที่ไม่เกิน 20% ที่เหลือลงในตราสารหนี้ เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ไม่คุ้มการลงทุนในหุ้น และหากมีการเก็บภาษีกองทุนตราสารหนี้ในอัตรา 15% ของรายได้ดอกเบี้ย อาจทำให้กองทุนนี้ได้รับความสนใจน้อยลงไปบ้าง จึงถือเป็นการตอบโจทย์ในอนาคต

 

[caption id="attachment_276674" align="aligncenter" width="372"] ธีรนาถ รุจิเมธาภาส กรรมการอำนวยการ บลจ.ทิสโก้ฯ ธีรนาถ รุจิเมธาภาส
กรรมการอำนวยการ บลจ.ทิสโก้ฯ[/caption]

“ปีที่ผ่านมา กองทิสโก้ อินคัม พลัส ได้รับความนิยมสูง โดยมีขนาดทรัพย์สินเพิ่มเป็น 2,000 ล้านบาท โตกระโดดจาก 500 ล้านบาท ซึ่งเป็นการตอบโจทย์การฟื้นตัวของเศรษฐกิจการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ และในอนาคตมีแผนจะออกในลักษณะกองทุนรวมผสม หรือ Multi-Asset Funds ที่ลงทุนในต่างประเทศ ตลาดเกิดใหม่ เช่น จีน อินเดีย และประเทศหลัก ๆ อย่าง ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะเน้นเป็นรายเซ็กเตอร์”

นายสุพงศ์วร เมี้ยนโภคา ผู้บริหารสายงานจัดการลงทุน บลจ.ทิสโก้ฯ กล่าวว่า ภาพรวมการลงทุนในไตรมาสแรกปีนี้ ตลาดหุ้นทั่วโลกมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจาก 3 ปัจจัยหลัก คือ 1.ความกังวลว่า ดอกเบี้ยเฟดจะปรับขึ้นเร็วในปีนี้อีก 3 ครั้ง รวมทั้งปี 4 ครั้ง ซึ่งปรับไปแล้ว 1 ครั้ง เมื่อวันที่ 21 มี.ค. ที่ผ่านมา 2.ความเสี่ยงในเรื่องนโยบายกีดกันการค้าของสหรัฐฯ โดยเฉพาะสงครามการค้ากับจีน ซึ่งมีความชัดเจนขึ้น และมีแนวโน้มผ่อนคลายจากการที่จีนยอมเจรจา ซึ่งสหรัฐฯ ให้เวลาเจรจาถึง พ.ค. นี้ และ 3.เงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ปรับขึ้นสูงสุดในไตรมาสแรกเป็น 2% และมีแนวโน้มจะปรับลงในช่วงที่เหลือ

แบนเนอร์ชั่วโมงฐานเศรษฐกิจ

ส่วนตลาดหุ้นไทย เชื่อว่า ยังได้รับความนิยมเมื่อเทียบกับตลาดอื่น ๆ การเติบโตของบริษัทจดทะเบียนหากยังโตได้ระดับ 7-8% คาดว่า ตลาดหุ้นไทยปีนี้ยังโตได้ประมาณ 10% และเทียบผลตอบแทนตลาดปีนี้น่าจะอยู่ระดับ 5-10% ดังนั้น ดัชนีหุ้นไทยเป้าหมายคาดจะอยู่ในช่วง 1840-1930 จุด

“ปีนี้ คงยังไม่เห็นภาพการกลับมาของนักลงทุนต่างประเทศอย่างชัดเจน ต่างชาติยังคงขายสุทธิ และตลาดหุ้นไทยยังต้องพึ่งพิงนักลงทุนในประเทศเป็นหลัก แต่การที่ดัชนีสหรัฐฯ ปรับลงมาอยู่ที่ 2500-2600 จุด ช่วงที่เหลือของปียังมีโอกาสที่จะปรับขึ้นอีก ส่วนยุโรปการเติบโตไม่หวือหวามาก และอาจมีการปรับลดการทำคิวอี ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่น แม้จะปรับลงมามาก แต่ยังมีความเสี่ยงด้านค่าเงิน”


……………….
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,353 วันที่ 1-4 เม.ย. 2561 หน้า 19
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
“ทิสโก้”ประกาศ “ฟรี”ค่าธรรมเนียมทุกธุรกรรมผ่านTISCO Mobile Banking
ทิสโก้ปลื้มทริกเกอร์ฟันด์จีนเข้าเป้า


ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว