ปัจจัยนอกกดหุ้นไทย! ASP มองกรอบเคลื่อนไหว 1787-1839 จุด

22 เม.ย. 2561 | 06:56 น.
220461-1348

บล.เอเซียพลัสฯ มองหุ้นไทยไตรมาส 2 มีโอกาสแกว่งลงต่ำกว่า 1800 จุด ทุนนอกเมินไทยไร้ปัจจัยบวกกระตุ้น-การเลือกตั้งยังไม่ชัดเจน วางกรอบเคลื่อนไหว 1787-1839 จุด แนะเลือกลงหุ้นที่จ่ายปันผลดี

นางภรณี ทองเย็น รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัสฯ (ASP) กล่าวว่า ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัสฯ มองทิศทางตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 2 ปีนี้ ผันผวนสูงในทิศทางอ่อนค่า จากปัจจัยกดดันหลัก จากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน, แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น, แรงขายจากเงิน Fund Flow, ความกังวลการเลือกตั้งไทยอาจเลื่อน ตลอดจนกำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาด


GP-3355_180410_0005-1

น้ำหนักระยะสั้น เรามองประเด็นการกีดกันการค้าสหรัฐฯ-จีน เป็นหลัก นโยบายกีดกันการค้าของสหรัฐฯ และการทำสงครามการค้าผ่านการตั้งกำแพงภาษี ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการค้าโลก ส่งผลให้มูลค่าการค้าโลกปีนี้อาจชะลอตัวลง รวมทั้งความผันผวนของค่าเงินจะทำให้เงินบาทยังคงแข็งค่า เป็นข้อจำกัดต่อภาคการส่งออกของไทยในปีนี้ ทำให้การเติบโตไม่โดดเด่นเท่าปีนี้

ส่วนน้ำหนักรองลงมา คือ การขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯ (เฟด) ที่ปรับขึ้นมาตั้งแต่ปลายปี 2558 โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ มีนโยบายจะปรับดอกเบี้ยขึ้นไปถึงปี 2563 หรืออีก 7-8 ครั้ง รวมแล้วดอกเบี้ยเฟดจะจบที่ 3.5% จะเป็นด้านลบต่อตลาดหุ้น

แบนเนอร์ชั่วโมงฐานเศรษฐกิจ

สำหรับกระแสเงินทุนนอก หรือ Fund Flow ให้น้ำหนักเป็นกลาง จากการที่ต่างชาติยังขายต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี นับตั้งแต่เดือน มี.ค. 2556 จนถึงปัจจุบัน ขายรวมกันแล้วกว่า 4.45 แสนล้านบาท จนเหลือมูลค่าซื้อสะสมสุทธิหุ้นไทยสัดส่วนเพียง 30% หรือเพียง 2.94 หมื่นล้านบาท เมื่อเทียบกับยอดซื้อสุทธิสูงสุดที่ 4.69 แสนล้านบาท (ณ วันที่ 15 มี.ค. 2556) ดังนั้น แรงขายหลังจากนี้น่าจะเริ่มจำกัด

ประเมินดัชนีหุ้นไทยในไตรมาส 2 ปีนี้ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1787-1839 จุด อิงกับค่า P/E ราว 17-17.5 เท่า ซึ่งถือว่า ค่อนข้างแพง ขณะที่ ปัจจัยบวกต่อตลาดมีไม่มาก ดังนั้น โอกาสจะดันดัชนีหุ้นไทยขึ้นต่อค่อนข้างยาก ด้วยปัจจัยเรื่องฟันด์โฟว์ และ P/E ที่สูง จึงมองว่า ดัชนีไทยปรับเหนือ 1835-1850 จุด อาจมีบ้าง แต่แนวโน้มที่จะแกว่งลงต่ำกว่า 1800 จุด มีสูง

 

[caption id="attachment_276643" align="aligncenter" width="318"] เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บล.เอเซีย พลัส จก. เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม
ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บล.เอเซีย พลัส จก.[/caption]

ด้าน นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บล.เอเซีย พลัส จก. กล่าวถึงโอกาสลงทุนในช่วงนี้ ควรจะต้องคัดเลือกมากขึ้น (Selective) เพราะเชื่อว่า ภายใน 3 เดือนนี้ อย่างไรคงยังไม่เห็นฟันด์โฟลว์ต่างชาติไหลเข้า จึงควรเป็นหุ้นที่มีการจ่ายปันผล ซึ่งจะสร้างผลตอบแทนไว้ได้ อาทิ หุ้นกลุ่มแบงก์ ได้แก่ BBL (บมจ.ธนาคารกรุงเทพฯ) ให้ผลตอบแทน (Yield) กว่า 3%

กลุ่มไอซีที เช่น หุ้น ADVANC (บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส) ให้ผลตอบแทนกว่า 3%, INTUCH (บมจ.อินทัช โฮลดิ้ง) กว่า 6%, กลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัย เช่น LH (บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์), กลุ่มพลังงาน ถ้ามองในแง่อัตราเติบโตก็เป็น BGRIM (บมจ.บี.กริม เพาเวอร์) ราคาเป้าหมาย 36.80 บาท แต่หากมองในแง่ปันผล ได้แก่ GLOW (บมจ.โกลว์ พลังงาน) ราคาเป้าหมาย 95.50 บาท


……………….
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,353 วันที่ 1-4 เม.ย. 2561 หน้า 18
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
บล.กสิกรไทยมองดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์หน้า(23-27 เม.ย.) มีแนวรับที่ 1,780 และแนวต้านที่ 1,810 จุด
ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นต่อ! แรงหนุนรายงานงบกลุ่มแบงก์


ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว