ฮาร์ทบีทขยายตลาดตปท.เพิ่ม ชูกลยุทธ์มีตัวแทนขายมากกว่า 1 รายในแต่ละประเทศ

25 ม.ค. 2559 | 06:00 น.
ฮาร์ทบีท บุกตลาดต่างประเทศเพิ่ม ทั้งตะวันออกกลางและอาเซียน หวังปั้นยอดขายเติบโต 15% หลังปีที่ผ่านมาโตแค่ 10% ต่ำสุดรอบ 5 ปี เล็งเพิ่มตัวแทนขายสินค้ามากกว่า 1 รายในแต่ละประเทศ พร้อมเทงบออนไลน์เพิ่มขึ้นเป็น 25% รับเทรนด์คนรุ่นใหม่

นางสาวจินตวีร์ อังคเศกวิไล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท เยเนอรัลแคนดี้ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายลูกอมแบรนด์ ฮาร์ทบีท เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ว่า เตรียมขยายตลาดในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง รวมถึงเป็นตลาดเปิดใหม่ที่มีโอกาสสร้างยอดขาย โดยเฉพาะในประเทศกลุ่มอาเซียน ซึ่งมีแผนเพิ่มตัวแทนจำหน่ายและการเข้าไปทำตลาดร่วมกับตัวแทนจำหน่ายเดิมที่มีอยู่ในแต่ละประเทศด้วย นอกจากนี้ ยังมีแผนเพิ่มไลน์การผลิตเพื่อรองรับตลาดต่างประเทศด้วยเช่นกัน

ปัจจุบันบริษัทส่งสินค้าออกไปจำหน่ายในต่างประเทศกว่า 40 แห่ง ทั้งการรับจ้างผลิต การส่งสินค้าไปจำหน่ายภายใต้แบรนด์ฮาร์ทบีท และกัมมี่ ซึ่งมีสัดส่วนรับจ้างผลิต 30% และอีก 70% เป็นการส่งสินค้าไปจำหน่าย นอกจากนี้ยังมีการขายไลเซ่นต์ให้กับนักธุรกิจในอินเดียและอาฟริกาใต้ ที่ซื้อลิขสิทธิ์ไปผลิตสินค้าจำหน่าย โดยตลาดหลักสำคัญที่มียอดขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ซาอุดิอาระเบีย อเมริกา ดูไบ คูเวต และอาฟริกาใต้ ส่วนประเทศในกลุ่มอาเซียน ที่มีสินค้าวางจำหน่ายแล้ว อาทิ เมียนมา บรูไน และกัมพูชา เป็นต้น ซึ่งวางแผนเพิ่มตัวแทนจำหน่ายเพิ่มมากกว่าประเทศละ 1 ราย

นางสาวจินตวีร์ กล่าวอีกว่า ปีที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้รวม 1.5 พันล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 10% ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตต่ำที่สุดในรอบ 5 ปี จากในอดีตที่เติบโตเฉลี่ย 20-30% ซึ่งผลประกอบการแบ่งเป็นยอดขายจากตลาดในประเทศ 700 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 45% และยอดขายจากตลาดต่างประเทศ 800 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 55% ปีนี้ตั้งเป้าหมายการเติบโตรวม 15% หรือมีรายได้รวมกว่า 2 พันล้านบาท โดยตลาดต่างประเทศจะมียอดขายกว่า 1 พันล้านบาท เฉพาะตลาดอาเซียนคาดว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 50 ล้านบาท จากช่วงที่ผ่านมามียอดขาย 20-30 ล้านบาท

"สำหรับยอดขาย หากแบ่งเป็นประเภทสินค้า จะแบ่งเป็นสินค้าลูกอมแบรนด์ฮาร์ทบีท สัดส่วน 40% กลุ่มกัมมี่สัดส่วน 30% และเป็นขนมนำเข้าอีก 30% ซึ่งภาพรวมของตลาดลูกอมภายในประเทศช่วงที่ผ่านมาอยู่ในภาวะทรงตัว เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ได้รับผลกระทบ โดยตลาดลูกอมมีมูลค่ากว่า 8 พันล้านบาท แบ่งเป็น ตลาดฮาร์ดแคนดี้ประมาณ 11% และตลาดซอฟท์แคนดี้ เติบโตอยู่ที่ 14% โดยฮาร์ทบีทอยู่ในกล่มฮาร์ดแคนดี้ และเป็นผู้นำลูกอมรสผลไม้ ในส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 12%"

ในปีนี้บริษัทได้เตรียมงบประมาณการทำตลาดรวม 40 ล้านบาท โดยจะให้ความสำคัญกับการทำตลาดออนไลน์เพิ่มมากขึ้น โดยเตรียมงบประมาณไว้ 25% ของงบการตลาดรวม ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่าปี 2558 ที่ใช้เพียง 15% ของงบประมาณรวม นอกจากนี้ ยังเตรียมเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายลูกอมฮาร์ทบีทในประเทศให้ได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะช่องทางโมเดิร์นเทรดให้มีสัดส่วนเพิ่มเป็น 40% จากปีที่ผ่านมามีสัดส่วน 30% ส่วนช่องทางเทรดิชั่นนอลเทรดปรับสัดส่วนจาก 70% เป็น 60%

นอกจากนี้ บริษัทยังทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย อาทิ การจัดทำแคมเปญวาเลนไทน์ ที่ออกสินค้ารุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น เป็นแพ็คเกจมีรูปดอกกุหลาบ รวมไปถึงการขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ด้วยการเตรียมออกสินค้าและแพ็กเกจใหม่มาทำตลาด เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคให้ได้มากยิ่งขึ้น เพราะปัจจุบันลูกอมในตลาดมีการแข่งขันค่อนข้างสูงและมีผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาทำตลาดเพิ่มขึ้น รวมถึงมีแบรนด์จากต่างประเทศเข้ามาทำตลาดด้วย

"ตลอดระยะเวลากว่า 30 ปีที่ผ่านมา ฮาร์ทบีทเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง จากการทำกิจกรรมการตลาด การสื่อความหมายของลูกอม สื่อรักรูปหัวใจ ที่เป็นภาพจำของฮาร์ทบีท ในกลยุทธ์แบบเลิฟ มาร์เก็ตติ้ง และได้ริเริ่มนำข้อความสื่อรักมาพิมพ์ใต้กระดาษห่อจนมาถึงปัจจุบัน ทำให้สามารถมอบให้กันได้ในทุกวัน และทุกเทศกาล ในเทศกาลแห่งความรักปีนี้ จึงได้เตรียมแคมเปญ ฮาร์ทบีท ส่งต่อความรู้สึกดี๊ดี ลุ้นรับจี้ทองกุหลาบ ที่ออกมาพร้อมกับแพคเกจจิ้งใหม่ลายกุหลาบ ซึ่งแคมเปญนี้จัดขึ้นเพื่อสานสัมพันธ์ระหว่างผู้ซื้อและร้านค้า ภายใต้แนวคิด "คุณได้ทอง ร้านได้ด้วย" เพียงซื้อลูกอมฮาร์ทบีทที่ร้านค้าทั่วไป รสใด ขนาดใดก็ได้ ส่งซองเปล่าพร้อมรายละเอียดข้อมูลส่วนตัว ส่งในกล่องรับชิ้นส่วนก็สามารถลุ้นรางวัลมูลค่า กว่า 3 ล้านบาทด้วย"

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,125 วันที่ 24 - 27 มกราคม พ.ศ. 2559